5 (2/2)

1577 คำ
                หลังคุณไฟใช้เวลาในการซ้อมบทละครสักพักใหญ่ อีกฝ่ายก็เดินกลับมาออกมาด้วยสภาพใส่กางเกงเอวยางยืดขายาวและเสื้อคอกลมสีพื้น ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอาง ผมที่ไม่ได้ถูกเซ็ตขึ้น ทำให้อีกฝ่ายดูเด็กลงหลายปี นี่ถ้าเราไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วอีกฝ่ายมาโกหกว่ายังเรียนมหา’ลัยอยู่ วาก็เชื่อ                 “มาตั้งแต่เมื่อไรวะ” คุณไฟถามพี่เจ้า                 “ได้เกือบสิบนาทีแล้ว” เมื่อได้รับคำตอบ คุณไฟก็ทำแค่พยักหน้ารับ ก่อนทำท่าจะเดินเข้ามาในครัวเพื่อที่จะได้ช่วยกันเตรียมอาหาร แต่ทว่าเสียงของพี่เจ้าก็ดังขึ้นซะก่อน                 “เดี๋ยว ๆ! มึงหยุดอยู่ตรงนั้นเลย เดี๋ยวกูทำอาหารกับน้องวาเอง”                 “ทำไม? ก็ช่วยกันทำ จะได้รีบเสร็จไง” คุณไฟเอ่ยพร้อมขมวดคิ้วไปด้วย                 “ไม่ต้อง ๆ กูขอยืมแค่ครัวมึงก็พอ คนเยอะมันวุ่นวาย”                 “….งั้นก็ตามใจมึงแล้วกัน” เมื่อพี่เจ้าว่าเช่นนั้น คุณไฟก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง โดยที่วาลากสายตา มองตามอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง                 “แล้ววันนี้เราจะทำอะไรบ้างครับ” วากลับมาให้ความสนใจกับพี่เจ้าอีกครั้ง                 “เราจะทำข้าวผัดไข่ ซุปกระดูกหมู ยำแซลมอน แสร้งว่ากุ้งแหละมั้ง พี่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่ะ”                 “แล้วคืนนี้มีดื่มแอลกอฮอล์ไหมครับ” เขาถามต่อ                 “พี่ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันปกติอยู่”                 “เมื่อวันก่อนคุณไฟนั่งดื่มคนเดียว…. ถ้าคืนนี้มีดื่มกันอีก พี่เจ้าก็ช่วยเตือนคุณไฟให้หน่อยนะครับ”                 “มีอะไรหรือเปล่า?”                 “ตอนที่คุณไฟเมา เขาโทรเรียกให้วามาหาครับ ถามอะไรแปลก ๆ ซึ่งวาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นั้นอีก” พอวาริชเอ่ยเช่นนั้น พี่เจ้าก็นิ่งไปสักพักใหญ่                 “วาสู้ ๆ นะ” อีกฝ่ายว่า                 “…..”                 “…ทุกเรื่องเลย พี่เป็นเพื่อนไอ้ไฟมานาน ก็พอรับรู้มาบ้างเรื่องความไม่ลงรอยกันระหว่างเรากับมันน่ะ ไหนจะเรื่องเรียกใช้ที่ไม่ดูเวล่ำเวลาอีก นี่ถ้าให้เดาตอนนั้นเราคงหัวร้อนมากใช่ไหม แต่ก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ ต้องมาตามคำสั่งของมัน”                 “ครับ ตอนนั้นวาอารมณ์เสียมาก เพราะหลับไปแล้วด้วย” วาริชยอมรับ แล้วถามต่ออย่างใคร่รู่ “ว่าแต่ว่า…คุณไฟเขาเคยเล่าเรื่องผมให้พี่เจ้าฟังด้วยเหรอครับ”                 “ก็ไม่ได้ถึงขั้นเล่าอย่างจริงจังหรอก ออกแนวบ่น ๆ กับพี่มากกว่า”                 “งั้นวาขอถามได้ไหมครับ ว่าคุณไฟเขาบ่นเรื่องอะไร?”                 “ก็บอกว่า…วาดื้อ ไม่ค่อยเชื่อฟัง บางครั้งก็ชอบเถียงจนมันคร้านที่จะพูดด้วย”                 “แล้วพี่เจ้าเชื่อคุณไฟไหมครับ”                 “บางทีก็เชื่อ บางทีก็รับฟังเฉย ๆ หนึ่งล่ะ…เพราะพี่รู้จักนิสัยเพื่อนตัวเองดีและสองในสายตาพี่ วาเป็นเด็กดีเสมอ”                 “ขอบคุณครับ”                 “เออ จะว่าไปแล้ว…พี่ลืมซื้อผงทำน้ำซุปว่ะ วาช่วยลงไปซื้อให้หน่อยได้ไหม อยู่ร้านสะดวกซื้อชั้นล่าง น่าจะมีขายอยู่” พี่เจ้าพูด                 “ได้ครับ งั้นเดี๋ยววาลงไปซื้อให้เลยนะครับ”                 “เออ ๆ ลงไปซื้อเลย เดี๋ยวเราจะได้เริ่มทำซุปกัน”                   วาใช้เวลาลงไปซื้อของที่ชั้นล่างเพียงไม่นาน เมื่อเขากลับขึ้นมา วาก็เห็นพี่เจ้ากับคุณไฟกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียงเสียแล้ว ซึ่งดูเหมือนทั้งคู่จะยังไม่รู้ว่าวากลับขึ้นมา นั่นจึงทำให้เขาพลอยได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่โดยไม่ได้ตั้งใจ                 “น้องวาบอกวันก่อน มึงนั่งกินเหล้าแล้วโทรเรียกเขาให้มาหา…”                 “…..”                 “มีอะไรจะอธิบายไหม?”                 “ไม่มี กูก็แค่อยากดื่ม…ก็แค่นั้น”                 “แล้วมึงโทรเรียกให้วามาหาทำไม?” พี่เจ้าถามต่อเสียงเครียด                 “แล้วทำไมจะเรียกไม่ได้”                 “กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีแล้ว”                 “…..”             “กูอยากบอกว่ากูรู้ทันมึงนะ”             แม้จะมีชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนานั้น แต่วาริชกลับคิดว่าเขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง เขาเลือกที่จะปล่อยผ่านเดินกลับมารอพี่เจ้าที่โซนครัวอย่างเงียบ ๆ                 “อ้าว กลับมาตั้งแต่ตอนไหน” พี่เจ้าเอ่ยถามน้ำเสียงประหลาดใจ ก่อนจะเดินไปล้างมือเพื่อกำจัดกลิ่นบุหรี่ออก                 “วาเพิ่งกลับมาเมื่อกี้เองครับ”                 “แล้วทำไมไม่เรียกพี่”                 “เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ” วาแสร้งถามกลับด้วยใบหน้าใสซื่อ                 “ช่างเถอะ…” ตอนแรกวาก็นึกว่าอีกฝ่ายจะอธิบาย แต่สุดท้ายพี่เจ้าก็ทำแค่ตัดบทแล้วเปลี่ยนเรื่องเท่านั้น เอาเข้าจริงมันทำให้วารู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงออก                 “เดี๋ยวเราเริ่มทำซุปกันเลยแล้วกัน วัตถุดิบครบแล้ว” พี่เจ้าว่าอย่างไร วาก็ทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น                   “พวกที่เหลือใกล้จะมาถึงกันแล้ว วาก็อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะ” พี่เจ้าบอก หลังเราเตรียมอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว                 “วาว่าอย่าดีกว่าครับ วาเป็นคนนอก” วาริชบอกพร้อมส่งยิ้มแหยให้อีกคนทันที หลังเขาถูกพี่เจ้าชักชวนให้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันที่นี่พร้อมกับเหล่าบรรดาเพื่อน ๆ ของคุณไฟ                 “คนนอกที่ไหนกัน พี่ไม่เคยมองเราเป็นคนนอกเลยนะ”                 “…..”                 “อยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ นาน ๆ ทีถึงจะได้เจอกัน”                 “แต่คุณไฟเขาคง….” เพราะไม่สามารถปฏิเสธได้ วาริชจึงตั้งใจจะยกผู้เป็นเจ้านายมากล่าวอ้าง แต่ทว่ายังพูดไม่ทันจบประโยค คุณไฟก็ออกมาจากห้องนอนพอดีและพี่เจ้าก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน                 “ไฟ! กูอยากให้น้องวาอยู่กินข้าวด้วย จะได้ไหม” พี่เจ้าตะโกนถามเพื่อนและในระหว่างนั้นวาก็ได้แต่ภาวนาขอให้คุณไฟไม่อนุญาต                 “ตามใจมึง สำหรับกูไม่มีปัญหา”                   วาตั้งใจแค่จะอยู่ช่วยพี่เจ้าทำอาหารเท่านั้น พอทำเสร็จเขาก็ว่าจะกลับไปเลย ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะถูกเชิญให้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันด้วยซ้ำ                 “อะ เสื้อผ้าที่มึงฝากซื้อ” ระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวร่วมกัน พี่ยอร์ชเพื่อนอีกคนของคุณไฟเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนมใบใหญ่ให้คุณไฟ ซึ่งหลังจากที่คุณไฟรับของมาแล้ว พี่ยอร์ชก็ถามต่ออย่างสงสัย                 “ว่าแต่มึงซื้อให้ใครวะ นี่มันไม่ใช่ไซซ์มึงนี่”                 “ของน้องในวงการนี่แหละ วันเกิดมัน”                 การพบปะสังสรรค์ระหว่างกลุ่มเพื่อนคุณไฟเริ่มต้นและสิ้นสุดลง ภายในระยะเวลาไม่ถึงสามชั่วโมงและแน่นอน…วาริชเป็นคนที่เงียบที่สุด นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้เรื่องเทรดหุ้น ไม่รู้เรื่องการลงทุน ไม่รู้เรื่องแนวโน้มของเศรษฐกิจในอนาคตและไม่ใช่คนที่อยู่ในแวดวงนักธุรกิจ                 พออยู่ท่ามกลางคนเก่ง ๆ วาริชก็มีแต่ความไม่รู้เต็มไปหมด แม้กระทั่งศัพท์ที่พวกเขาใช้พูดกัน วาก็ยังไม่รู้เลยว่ามันแปลว่าอะไร                 แม้เพื่อนคุณไฟจะใจดีและให้ความเอ็นดูวาเสมอมา แต่สภาพแวดล้อมรอบตัว มันทำให้เขารู้สึกด้อยค่าอย่างบอกไม่ถูก วาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาเท่านี้มาก่อน คงจะมีแต่พี่เจ้านี่แหละที่คอยชวนวาคุยเป็นระยะ ๆ ซึ่งสาเหตุที่อีกฝ่ายทำเช่นนั้น คงเป็นเพราะอยากให้วาได้พูดบ้าง แต่หารู้ไม่ว่าตลอดเวลาที่กินอาหารร่วมโต๊ะ วาริชภาวนาขอให้อย่าได้มีใครชวนเขาคุยเป็นที่สุด                 แต่ช่างเถอะ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด             วาริชรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อการร่วมโต๊ะกับคนเก่ง ๆ ได้สิ้นสุดลง ซึ่งเขาคิดว่าถ้าหากครั้งหน้ามีอีก ไม่ว่าใครจะชักชวนหรือคุณไฟจะอนุญาต วาก็คงขอไม่ร่วมโต๊ะด้วยแล้ว                 หลังจัดการส่งเพื่อนคนสุดท้ายของคุณไฟเสร็จ ตอนนี้ก็เหลือแค่วาและคุณไฟเท่านั้น เมื่อความครึกครื้นสิ้นสุดลง วาก็เริ่มทำการเคลียร์โต๊ะอาหารให้ เขาตั้งใจจะล้างจานให้คุณไฟก่อนกลับ                 “ไม่ต้องมาจัดการหรอก พรุ่งนี้แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดห้อง เดี๋ยวให้เขาเคลียร์” คุณไฟเอ่ย เมื่อเสียงจานกระเบื้องกระทบช้อนดังขึ้น                 “อ๋อ โอเคครับ” วาพยักหน้ารับพร้อมวางมือจากงานตรงหน้าทันที                 “…..”                 “วันนี้คุณไฟดูปวดคอ ถ้างั้นพรุ่งนี้ให้ผมจองร้านนวดรอบบ่ายไว้รอไหมครับ” วาเสนอ เพราะไหน ๆ เราก็ได้พูดกันแล้ว เขาจึงถามต่อเสียเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปคุยกับพี่ว่านอีก                 “ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร”                 “งั้น…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมจะกลับเลยนะครับ” วาริชเอ่ย                 “อืม อย่าลืมเอาถุงเสื้อไปด้วย ถึงแล้วก็ทักมาบอกแล้วกัน”                 “ได้ครับ… ฝันดีนะครับ”  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม