6 (1/2)

2695 คำ
จริงอยู่ที่วันนี้คุณไฟไม่มีตารางงาน แต่เราก็ยังต้องเจอกันอยู่ดี เนื่องจากหลังที่อีกฝ่ายออกกำลังกายเสร็จ คุณไฟจะต้องแวะไปวัดตัวเพื่อเตรียมตัดชุดสูทจะออกงานต่อ                 “สวัสดีครับ” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้อง วาก็เอ่ยทักทายคุณเขาอย่างในทุกครั้ง                 คุณไฟสร้างความประหลาดใจให้กันตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนแรกวาก็คิดว่าเขาจะต้องมาเสียพลังงานเพื่อปลุกอีกฝ่าย อย่างดีพอหน่อยมาถึงปุ๊บคุณไฟก็อาจเพิ่งเข้าห้องน้ำไป แต่ที่ไหนได้… ตอนนี้อีกฝ่ายอาบน้ำเรียบร้อย เตรียมพร้อมจะออกไปยิมแล้วต่างหาก                 เพราะไม่เคยปล่อยให้คุณไฟเป็นฝ่ายรอมาก่อน ทันทีที่เห็นถึงเช่นนั้นวาริชก็ถึงกับชะงักไป ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังกว้างที่นั่งหันหลังให้กันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สายตาของเขาจะเลื่อนไปมองโต๊ะตรงหน้าที่มีแก้วกาแฟวางอยู่แทน ซึ่งนั่นก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าอีกฝ่ายรอวามาได้สักพักแล้ว                 เพราะปล่อยให้คุณไฟเป็นฝ่ายรอ งานนี้วาเตรียมโดนบ่นตั้งแต่เช้าแน่….                 “เดี๋ยววันนี้เราจะเอารถไป” หลังนั่งเงียบมาตั้งนาน ในที่สุดคุณไฟก็เอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มสูง                 “อ๋อ…ครับ” การกระทำที่ผิดจากการคาดการณ์ ทำเอาวาถึงกับงงไปพักใหญ่ ตอนแรกเขานึกว่าจะถูกบ่น แต่นี่กลับไม่โดนว่าสักคำ แถมยังไม่มีท่าทีดูหงุดหงิดเหมือนอย่างในทุกครั้งด้วย นั่นทำให้วาอดคิดไม่ได้ว่า… วันนี้คุณไฟผีเข้าแน่ ๆ!                   ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ หลังต่างฝ่ายต่างนั่งอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว วาหยิบเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดอย่างรู้งานและก่อนที่จะออกมาเขาก็ไม่ลืมหยิบเอาน้ำผลไม้ที่ทำไว้ให้คุณไฟออกมาด้วย วาตั้งใจจะเตรียมไว้ให้คุณเขา หลังจากที่อีกฝ่ายออกกำลังกายเสร็จ คุณไฟจะได้สดชื่น                  “หลังจากไปวัดตัวเสร็จ เดี๋ยวเราก็ไปกินข้าวก่อนแล้วกัน ถ้านายมีธุระจะไปไหนต่อก็ค่อยแยกย้าย” คุณไฟว่า ขณะอีกฝ่ายกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์                 “แล้วจะให้จองร้านไหนดีครับ” วาถาม                 “ไม่ต้องจองหรอก… ระหว่างนี้นายก็ช่วยเปิดดูรีวิวหน่อยว่าแถวที่เราจะไป มีร้านไหนอร่อยบ้าง”                 “อ๋อ ได้เลยครับ”                 คุณไฟจะเข้ามาพบเทรนเนอร์สัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างต่ำ โดยปกติอีกฝ่ายจะมีเทรนเนอร์ส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งเทรนเนอร์ที่ว่าก็จะมีหน้าที่คอยควบคุมดูแลการออกกำลังกายของคุณไฟ รวมไปถึงการแนะนำประเภทอาหารที่ควรจะบริโภคในแต่ละสัปดาห์                 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วาได้มานั่งรอคุณไฟออกกำลังกาย แม้เขาจะเพิ่งเข้ามาทำงานกับอีกฝ่ายได้ไม่ถึงปี แต่วาก็ได้ผ่านการฝึกมาเกือบทุกอย่างแล้ว ยิ่งพักหลังมานี้ไม่มีพี่ว่านคอยอยู่ช่วยเหมือนอย่างทุกที วาก็ยิ่งได้เรียนรู้ขั้นตอนการดูแลนักแสดงเกือบทุกอย่าง                 ช่วงแรกตอนที่พี่ว่านต้องกลับไปดูแลแม่ใหม่ ๆ วากับคุณไฟยังต้องมีการปรับตัวเข้าหากันอยู่บ้าง เนื่องจากความใจร้อนของคุณไฟและความไม่เป็นงานของวา แต่ช่วงพักหลังมานี้… วากลับรู้สึกได้ว่าเราเข้ากันมากขึ้น คุณไฟใจเย็นลง เขารู้สึกอย่างนั้น                 แม้การเปลี่ยนแปลงที่ว่าอาจไม่ได้ส่งผลอย่างชัดเจน แต่วาที่ใช้เวลาร่วมกับคุณไฟเกือบทุกวัน ก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้อยู่ดี                 ตลอดการออกกำลังกายของผู้เป็นเจ้านาย วาริชก็คอยนั่งมองอยู่ไม่ห่าง ซึ่งทุกครั้งที่ได้นั่งมองเช่นนี้ วาก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของคุณไฟเสมอ มันไม่ใช่แค่เฉพาะตอนออกกำลังกายเท่านั้น แต่ในเวลาทำงานอีกฝ่ายก็เป็นเหมือนกัน                 คุณไฟไม่ได้ออกกำลังกาย เพียงเพราะถูกบังคับหรือเพราะว่ามันเป็นสิ่งต้องทำ แต่อีกฝ่ายอยากออกกำลังกายเพราะอยากออกจริง ๆ ปัจจัยอื่นมันก็แค่เรื่องรองเท่านั้น                 “เดี๋ยววันนี้จะเน้นตรงส่วนหัวไหล่และแผ่นหลังนะครับ” เสียงเทรนเนอร์เอ่ยบอกคุณไฟ หลังทั้งคู่ได้ทำการยืดเส้นยืดสายกันเรียบร้อยแล้ว                   หากวาเป็นแฟนคลับของคุณไฟ บางทีภาพตรงหน้าอาจทำให้เขาไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป เนื่องจากว่ามันอันตรายต่อความรู้สึก                 เสียงแนะนำของเทรนเนอร์ยังคงดังขึ้นเป็นระยะ ๆ และในขณะเดียวกันคุณไฟก็กำลังทำตามคำสั่งของเทรนเนอร์อย่างไม่เกี่ยงงอน                 มัดกล้ามของคุณไฟเด่นชัดขึ้นกว่าเดิมยามที่อีกฝ่ายกำลังยกเวท เนื่องจากคุณไฟเป็นคนผิวขาว… นั่นจึงทำให้เวลาที่อีกฝ่ายสวมใส่เสื้อกล้ามสีดำ ก็จะดูเด่นกว่าปกติและวาก็ไม่สามารถละสายตาออกจากคุณเขาได้                 เพราะไม่ได้มีหน้าที่อะไรนอกจากการนั่งรอ วาจึงให้ความสนใจแค่คุณเขาเพียงผู้เดียว ซึ่งในระหว่างที่พ่อนักแสดงกำลังออกกำลังกายอยู่นั้น หลายครั้งเราก็เผลอสบตากันด้วยความไม่ตั้งใจ                 เราสบตากัน ผ่านกระจกเงาที่มีไว้ให้เช็กดูท่วงท่าตัวเองยามออกกำลังกายบ่อยมาก… จนบางครั้งวาก็อดคิดไม่ได้ว่านี่มันไม่ใช่ความบังเอิญหรอก แต่มันเป็นความจงใจของใครสักคนหนึ่งต่างหาก                 แล้วสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือวากำลังใจเต้นแรงกับคนที่เขา…มีเจ้าของแล้ว                 เมื่อได้สติและรู้ตัวว่าตนเองกำลังคิดไม่ดี ภาพรอยยิ้มของคุณพิม ณิชาก็ผุดขึ้นในความคิดวาทันที เพียงเท่านั้นความรู้สึกผิดก็แผ่ซ่านไปทั่วจิตใจของเขา มันย้ำเตือนว่าอาการใจเต้นแรงเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลยแม้แต่นิด                 เพราะไม่อยากให้ความบังเอิญเกิดขึ้นซ้ำซากและไม่อยากให้ใจเต้นแรงมากกว่านี้ สุดท้ายวาริชก็ตัดปัญหาทุกอย่างโดยการทำท่าก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์ เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นอีกต่อไป จนกระทั่งคุณไฟออกกำลังกายเสร็จแล้วเดินกลับมาหากัน                 “เล่นแต่โทรศัพท์” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเข้มพร้อมหยิบน้ำจากมือวาขึ้นไปดื่ม                 “ขอโทษครับ ก็ผมไม่รู้จะทำอะไรนี่” วาตอบกลับเสียงเบา พลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เขาไม่คิดจะบอกเหตุผลว่าที่ทำเช่นนั้น ก็เพราะเจ้าตัวนั่นแหละ                 หลังปล่อยให้คุณไฟได้ไปอาบน้ำและเปลี่ยนมาใส่ชุดลำลองเสร็จ เราก็เดินทางไปห้องเสื้อตามที่ตกลงกันไว้ต่อ ซึ่งในระหว่างการเดินทาง วาก็ได้ทำการโทรบอกทางนั้นว่าคุณไฟกำลังจะเข้าไปหา ตั้งใจว่าพอไปถึงที่นั่น เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลามากนัก                 เนื่องจากระยะทางระหว่างยิมและห้องเสื้ออยู่ค่อนข้างไกลกัน นั่นจึงทำให้เราได้ใช้เวลาบนท้องถนนเกินความจำเป็นและเพราะเราไม่เคยคุยอะไรกัน นอกจากเรื่องงานมาก่อน ความเงียบจึงเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ทันทีที่ต่างฝ่ายต่างขึ้นมาบนรถแล้ว                 วูบหนึ่งในความคิด…วาอยากลองชวนคุณไฟคุยดู แต่เขาก็ไม่รู้จะชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอะไร อีกทั้งลึก ๆ ก็กลัวว่าคุณไฟจะเล่นตลกไม่ยอมพูดด้วย สุดท้ายวาก็ทำได้แค่เงียบอยู่อย่างนั้น                 ระหว่างการเดินทางไปห้องเสื้อ วาริชก็มองป้ายตามข้างทางไปเรื่อยเปื่อย เนื่องจากเขาไม่รู้จะทำอะไรดี จึงมองนั่นมองนี่เพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น ซึ่งพอวาริชมองถนนฝั่งตัวเองจนเบื่อแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปมองถนนฝั่งคุณไฟบ้าง  ก่อนจะเลื่อนสายตามามองผู้เป็นเจ้านายที่กำลังขับรถด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่แสดงออกถึงความยินดียินร้าย                 “มีอะไรหรือเปล่า” คุณไฟเอ่ยถามทั้ง ๆ สายตาของเจ้าตัวกำลังจับจ้องเส้นทางด้านหน้าอยู่                 “เปล่าครับ!” วารีบปฏิเสธพร้อมหันขวับกลับมาทันควัน                 “ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้แอบมอง”                 “เปล่านะครับ ผม…มองถนนฝั่งตรงข้ามต่างหาก” เขาปฏิเสธอีกครั้ง รู้สึกตกใจไม่น้อยที่ถูกจับได้ ตอนแรกวาก็นึกว่าอีกฝ่ายกำลังให้ความสนใจแค่ทางข้างหน้าเท่านั้น                 “โกหก” คุณไฟว่า รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสลายหายไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน                 “…..”                 “แล้วนี่ร้านที่บอกให้หา ตกลงหาหรือยัง” คุณเขาถาม                 “อ๋อ เรียบร้อยแล้วครับ ว่าแต่ว่า…คุณไฟอยากอาหารแบบไหนครับ เท่าที่ผมดูไว้ให้ มีร้านอาหารไทยกับร้านสเต๊กที่น่าสนใจ”                 “แล้วนายอยากกินอะไร”                 “ครับ?” คราวนี้วาหันไปมองคนข้างกายอย่างไม่ปิดบัง ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ยินคำถามคุณไฟ แต่วากำลังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามทำไมต่างหาก                 “บอกแล้วไงว่าไม่ชอบถามซ้ำ” คุณไฟพูดเสียงเบื่อหน่าย                 “อ๋อ ผม….อยากกินอาหารไทยครับ”                 “โอเค ถ้างั้นหลังจากวัดตัวเสร็จ ก็อย่าลืมเปิดจีพีเอสแล้วกัน เราจะไปร้านอาหารไทยกัน”                   พักหลังมานี้…หลายครั้งที่การกระทำของคุณไฟดูไร้ที่มาที่ไป นั่นไม่ใช่ว่ามันไม่ดี… แต่เพราะมันเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นและเพราะมันดีจนน่าใจหายต่างหาก วาถึงได้หวั่นใจนัก เขากลัวว่าถ้าวันหนึ่งพออีกฝ่ายกลับไปเป็นแบบเดิมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด มันจะกลายเป็นความไม่เคยชินไปเสียแล้ว                 โดยปกติคุณไฟไม่เคยตามใจวา หากวาเลือกฝั่งซ้าย คุณเขาก็จะเลือกฝั่งขวา หากวาก้าวไปข้างหน้า คุณไฟก็จะเดินถอยหลัง สำหรับคนที่ทำงานร่วมกัน มันไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่มันเกิดขึ้นกับเราจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วและมันจะผิดปกติทันทีที่เราคิดตรงกัน                 ‘อีกสองร้อยเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามทาง…’ เสียงแอปพลิเคชันบอกทางดังขึ้นเป็นระยะ ๆ หลังวาริชรับหน้าที่เป็นคนเปิดจีพีเอสนำทางให้ ส่วนคุณไฟก็มีหน้าที่คอยขับรถไปตามคำแนะนำ                 “เผลอแป๊บเดียว วันหยุดก็ผ่านมาครึ่งวันแล้ว” คุณไฟบ่นพึมพำ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังหักเลี้ยวเข้าร้านอาหารไทยที่ว่า                   “พรุ่งนี้ไม่มีถ่ายละครนะครับ มีแค่ไปอัดรายการตอนบ่ายเท่านั้น” วาเอ่ยต่อ หลังเขาเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองยังไม่แจ้งตารางงานให้คุณไฟฟัง                 “อือ….” อีกฝ่ายขานรับในลำคอเบา ๆ และรถก็มาจอดสนิทที่หน้าร้านพอดี                   “ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่าได้จองโต๊ะไว้ไหมคะ” เมื่อเราก้าวเท้าเข้าร้าน พนักงานต้อนรับก็รีบเข้ามาทักทายทันที ซึ่งวาที่เป็นฝ่ายเดินนำเข้ามาในร้านก่อน ก็เป็นคนเอ่ยตอบเธอ                 “ไม่ครับ”                 “งั้นรบกวน….”                 “ไฟ! น้องวา!” ยังไม่ทันที่พนักงานในร้านจะเชิญเราไปนั่งที่โต๊ะ วาและคุณไฟก็ถูกเรียกชื่อขึ้นเสียก่อน นั่นจึงทำให้เราหันมองไปทางต้นเสียงพร้อมกัน เพื่อที่จะได้พบว่าคุณพิม ณิชาก็กำลังอยู่ในร้านนี้เหมือนกัน                 “บังเอิญจังค่ะ นี่พิมกับเพื่อนก็แวะมากินข้าวเหมือนกัน เพิ่งสั่งอาหารไปเมื่อกี้นี้เอง” เมื่อคุณพิมเดินมาถึง เธอก็พูดกับคุณไฟทั้งรอยยิ้ม ดูเหมือนจะดีใจอยู่ไม่น้อยที่บังเอิญมาคนรักที่นี่                 “น้องวา…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คิดถึงจังเลย” หลังคุยกับคุณไฟเสร็จ คุณพิมก็หันมาพูดกับวาต่อ                 คุณพิมไม่ว่าเปล่า แต่เธอยังส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้ด้วย ทำเอาวาถึงกับเสียอาการ จนเขาต้องเกาหลังคอแก้เก้อ  จริงอยู่ที่เราเคยเจอกันมากกว่าห้าครั้ง แต่วาก็ไม่เคยชินกับรอยยิ้มของคุณพิมเสียที มันทำให้เขาแอบเสียอาการอยู่เรื่อย                 “คิดถึงเหมือนกันครับ” ในที่สุดวาตอบกลับไป เขาส่งยิ้มให้เธอจนตาหยี                 “ให้มันน้อย ๆ หน่อยนะ” และทันทีที่เขาตอบไปเช่นนั้น คุณไฟก็รีบพูดขึ้นเสียงเข้ม ซึ่งดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหวงคุณพิม                 “ฮ่า ๆ สองคนนี้เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วนี่มาทำอะไรแถวนี้คะ มันไกลจากคอนโดคุณพอสมควรเลยนะ” คุณพิมถามต่อ                 “ผมแวะมาวัดตัวแถวนี้พอดี เสร็จแล้วก็เลยพาวามากินข้าว”                 “อ๋อ ถ้างั้นก็นั่งโต๊ะเดียวกันเลยสิคะ พิมกับเพื่อนก็มากันแค่สองคนเหมือนกัน”                 “อย่าดีกว่า เพื่อนคุณจะอึดอัดเปล่า ๆ เผื่อเขาอยากคุยเรื่องอะไร ๆ ตามประสาผู้หญิง เดี๋ยวมันจะไม่สะดวกเอา” คุณไฟเอ่ยปฏิเสธเสียงนุ่ม พร้อมยกเหตุผลมาอธิบายโดยไม่ต้องให้ใครต้องถามต่อ                 “นั่งโต๊ะเดียวกันเถอะนะคะ โต๊ะก็ตั้งกว้าง… พิมกับเพื่อนนั่งกันแค่สองคนก็เหงาเป็นเหมือนกันนะ ได้นั่งกันสักสี่คนน่าจะพอดี” ฝั่งคุณพิมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน เมื่อถูกคุณไฟปฏิเสธเช่นนั้น เธอรีบพูดต่อเสียงอ้อนพร้อมกับจับแขนคนรักเอาไว้ราวกับจะขอความเห็นใจ                 ท่าทางน่ารัก ๆ ตามประสาคนรักกัน ปรากฏอยู่ในสายตาวาทั้งหมด ซึ่งพอเขาได้มีโอกาสเห็นท่าทางน่ารักของทั้งคู่ยามที่อยู่ด้วยกัน มันก็ทำให้วารู้สึกว่าสองคนนี้เหมาะสมกันนัก อีกทั้ง…มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด หลังเคยเผลอไปใจเต้นแรงกับคุณไฟ ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายมีเจ้าของที่น่ารักขนาดแล้ว             มันเป็นความผิดที่วาไม่สมควรได้รับการให้อภัย….               เพราะอยากให้คุณไฟและคุณพิมได้ใช้เวลาร่วมกันตามประสาคนรัก วาจึงเริ่มคิดหาทางเลี่ยงออกจากสองคนนี้ แต่ทว่าเพียงแค่เขาเริ่มขยับตัว เตรียมจะหาข้ออ้างเดินออกจากร้านไป คุณไฟก็รีบพูดทันที                 “จะไปไหน” อีกฝ่ายไม่ถามเปล่า แต่ยังยื่นมือมาคว้าแขนวาเอาไว้ด้วย โดยแขนอีกข้างก็ยังถูกคุณพิมจับเอาไว้อยู่                 “ผมจะไปทำธุระครับ พอดีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานัดไว้ตอนเที่ยง” วาริชพูดปดคำโต                 “ได้ไง? นายยังไม่กินข้าวเลยนะ” คุณเขาว่าต่อ คิ้วเข้มก็ขมวดทันควัน                 “เดี๋ยวผม….”                 “ถ้าน้องวายังไม่กินข้าว ก็อยู่กินด้วยกันก่อนสิ พี่พิมก็เพิ่งมาเหมือนกันค่ะ กินเสร็จค่อยไปทำธุระก็ได้นะ” คุณพิมรีบพูดช่วยคนรัก                 “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ” แม้จะถูกโน้มน้าวจากทั้งสองคน แต่วาริชก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธอยู่ดี เพราะเขาอยากให้คุณไฟและคุณพิมได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันจริง ๆ                 “ผมไม่มีเวลามากแล้ว เดี๋ยวขอไปกินข้าวที่นั่นดีกว่า” เขาเอ่ยต่อเสียงนุ่ม พร้อมดึงข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคุณไฟอย่างแนบเนียน                 “…..”                 “สรุป เราเจอกันวันถัดไปเลยนะครับคุณไฟ ผมลาแล้วนะครับ สวัสดีครับ” วาริชเลือกที่จะไม่ฟังเสียงคัดค้านและ ทันทีที่พูดจบประโยค เขาก็รีบเอ่ยลาและเดินหนีออกจากร้านทันที  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม