ตอนที่ 7 หวังว่าจะรู้ความจริงในสักวัน

1317 คำ
ฝ่ายหลินหยุนผิงเมื่อเห็นชู้รักของตนโน้มเอียงมาในทางเดียวกันก็ยิ้มกว้าง นางอยากกำจัดสองคนนั้นไปพร้อมกับหวังซานเย่อดีตสามีเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่เพราะหวังซ่านซูใจอ่อนแค่ริบอำนาจให้อยู่กันลำบาก รวมถึงหลับตาข้างหนึ่งยอมให้รังแกพวกมันได้บ้างล่ะก็...ป่านนี้คงได้ไปเกิดใหม่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกแล้ว “ข้ารู้ว่าท่านพี่ลำบากใจ ขอเพียงท่านพี่ทำตามที่ข้าบอกส่วนแผนการข้าจะเป็นคนจัดการเองเจ้าค่ะ” ริมฝีปากสีสดแย้มพรายกระซิบเสียงหวานหู “เอาอย่างที่เจ้าว่าก็ได้” ชายวัยกลางคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนั้น เขาไม่อยากมือเปื้อนเลือดโดยไม่จำเป็น อยากเกี่ยวข้องกับแผนการให้น้อยที่สุด เผื่อมีการสืบสวนในภายภาคหน้า จะได้มีคนแบกรับความผิดแทน เขาเคยรักสตรีตรงหน้ามากแต่ในยามนี้กลับยกนางให้เป็นฮูหยินออกหน้าไม่ได้เพียงเพราะนางเป็นอนุภรรยาของพี่ชาย อีกทั้งครอบครัวคงไม่อาจยอมรับจึงทำได้เพียงลักลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันอยู่แบบนี้ สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างเขากับนางคือลูกสาวอย่างซื่ออิง หลินหยุนผิงเป็นสตรีละโมบและทะเยอทะยานไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องนี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจ แม้แต่งงานกับพี่ชายเขาแล้วนางยังกล้าหักหลังมานานนับสิบปี บางคราจึงระแวงว่านางอาจหักหลังเขาในสักวันหนึ่งเช่นกัน รักส่วนรัก...ทว่าเขาไม่ใช่ที่หลงในความรักจนมองไม่เห็นความเป็นจริง สตรีทะเยอทะยานไม่มีสิ้นสุดเช่นนางเปรียบเสมือนหม้อก้นทะลุ เติมน้ำเท่าไรก็ไม่มีทางเต็ม หม้อยังคงต้องการน้ำต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อทดแทนส่วนที่รั่วไหลออกไปหมด เมื่อเหมันตฤดูผ่านพ้น ความหนาวเหน็บแสนทรมานได้สิ้นสุดลงและเริ่มเข้าสู่วสันตฤดูอีกครา กุ้ยฉินยังคงใช้ชีวิตในฐานะฮูหยินของอวี่ถงไปเรื่อย ๆ นางดูแลอาหารการกินของสามีไม่ขาดบกพร่องแม้แต่น้อย รวมถึงช่วยเขาทำงานในคอกม้ามากขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระ ในห้องหอยังคงไม่แตกต่างจากเดิมนัก อวี่ถงให้เกียรติภรรยาอย่างนางไม่เคยล่วงเกิน อย่างมากก็เพียงจับมือให้กำลังใจและปลอบประโลมให้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายในแต่ละวัน นาน ๆ ทีหวังซ่านซูจะเรียกใช้งานพวกนางสักครั้ง เหมือนอย่างคราวนี้ที่จะให้นางและสามีเอาของมีค่าในหีบเล็กไปมอบให้ญาติที่ต่างแคว้นซึ่งต้องเดินทางไกลใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึง ก่อนจะออกเดินทางกุ้ยฉินและอวี่ถงไม่ลืมร่ำลาฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดาเสียก่อน อีกทั้งกำชับให้บ่าวในจวนช่วยดูแลระหว่างที่ตนไม่อยู่ แม้ใจจะห่วงกังวลแต่เพราะเป็นคำสั่งจากท่านอาจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ “ท่านแม่ดูแลตัวเองดี ๆ นะเจ้าคะ อย่าลืมกินยาด้วย ข้าเป็นห่วง” ฮูหยินใหญ่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเหมือนเคย จากนั้นจึงนำเส้นด้ายสีแดงสองเส้นมาผูกที่ข้อมือให้ลูกสาวและลูกเขยคนละเส้น “แม่อยู่ที่จวนไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกเจ้าต่างหากต้องเดินทางไกลระวังตัวเองให้ดี อาถง...แม่ฝากดูแลฉินเอ๋อร์ด้วยนะ” นางไม่ลืมกำชับให้ทั้งสองระมัดระวังในการเดินทาง “ขะ ขะ...ขอรับท่านมะ...แม่ ข้าจะพานะ...นางกลับมายังปลอดภัยขะ...ขอรับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มบางให้แม่ภรรยาสบายใจ เมื่อร่ำลากันเสร็จกุ้ยฉินก็เตรียมตัวออกเดินทางพร้อมกับนำหีบบรรจุของมีค่าขึ้นบนรถม้าซึ่งจอดไว้หน้าจวนเรียบร้อยแล้ว พวกเขามีสัมภาระส่วนตัวคนละเล็กละน้อยเพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้อื่นนักเกรงจะถูกปล้นชิงเอาง่าย ๆ ออกมาจากจวนทั้งทีคนงามจึงถือโอกาสนี้ท่องเที่ยวไปด้วยเสียเลย นางได้นั่งรถม้าคันเล็กเพราะท่านอาอนุญาตด้วยเห็นว่าไกลเกินกว่าจะเสียเวลาเดินเท้า “ดีจังเลยนะเจ้าคะท่านพี่ ถึงจะเดินทางไกลสักหน่อยแต่ก็ได้เที่ยวด้วย ทั้งยังไม่ต้องทำงานที่จวนให้เหนื่อยอีกต่างหาก” หญิงสาวเจื้อยแจ้วเจรจา สองตาชมวิวทิวทัศน์ข้างทางอย่างเพลิดเพลิน เสียงนกร้องสลับกับเสียงใบไม้ขยับไหวนำพาความสดชื่นมาให้ “จะ...เจ้าชอบพี่ก็ดีจะ...ใจ ฉินเอ๋อร์” ดวงตาคมทอดมองคนรัก สีหน้าสบายใจเช่นนี้ไม่ได้เห็นมานานเท่าไรแล้วนะ “ข้าอยากเดินทางเช่นนี้บ่อย ๆ จังเลยเจ้าค่ะ สนุกนัก” คิดแล้วก็เสียดาย ถ้ามิใช่เพราะนางเป็นคนตระกูลหวังที่ไว้ใจได้ท่านอาก็คงไม่ให้เดินทางมาแน่ นั่นเป็นเพราะหวังซื่ออิงนั้นไม่มีทางยอมทำอะไรที่ต้องลำบากหรอก ข้าวของเงินทองทรัพย์สินมีค่าทั้งหลายของมารดาต่างถูกอนุหลินผู้ชั่วร้ายริบไปครอบครองจนสิ้น โดยที่หวังซ่านซูผู้เป็นอาไม่แม้แต่จะตำหนิสักคำกลับเห็นด้วยเสียอย่างนั้น ยิ่งพอรู้ว่าทั้งสองเป็นชู้รักร่วมกันหักหลังบิดาของนางด้วยแล้ว ความคับแค้นที่มีต่อคนพวกนี้ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ ความสงสัยที่ว่าท่านพ่อตายเพราะถูกโจรปล้นจริงหรือไม่นั้นผุดขึ้นมาอีกครั้งและมันก็เป็นสิ่งที่ค้างคาใจนางมาตลอด ทว่าไม่อาจหาคำตอบได้ง่ายดายดังใจหวัง “ท่านพี่...ท่านพี่คิดว่าท่านพ่อของข้าถูกโจรปล้นขบวนสินค้าฆ่าตายจริงหรือไม่เจ้าคะ” ด้วยความข้องใจอันมากล้นทำให้โฉมสะคราญเอ่ยปากกับผู้เป็นสามี “หืม ทะ...ทำไมเจ้าถะ...ถึงถามหยะ...หยะ...อย่างนั้นละ...เล่า” ดีที่ภรรยานำเรื่องนี้มาคุยตอนอยู่นอกจวน “ข้าเพียงแต่สงสัยนักเจ้าค่ะ ท่านพ่อเดินทางมาก็หลายครั้งหลายหน คนติดตามไปด้วยก็มากมาย การเดินทางล้วนราบรื่นปราศจากปัญหา มีครั้งนี้แหละเจ้าค่ะที่เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น” คิ้วได้รูปดุจใบหลิวขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างห้ามไม่อยู่ นับตั้งแต่จำความได้ในฐานะคุณหนูใหญ่ก็เห็นบิดาเดินทางค้าขายขึ้นเหนือล่องใต้มาโดยตลอด แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะพาลูกเมียไปลำบากด้วย แม้จะนานนับเดือนหรือหลายเดือนที่ไม่ได้เจอหน้ากันทว่าท่านพ่อก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยเสมอ แต่ครั้งนี้ทุกอย่างช่างดูประจวบเหมาะเกินไปราวกับมีใครวางแผนไว้อย่างนั้นแหละ “พี่กะ...ก็ไม่อาจบะ บะ...บอกได้หรอกนะ...นะฮูหยิน เพราะมะ...มันเกิดขึ้นได้ ที่จะถูกดักปะ...ปล้นระหว่างทาง จะ จะ...เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อเป็นพะ พะ...พ่อค้าอันเลื่องชะ...ชื่อในด้านกะ...การค้าเกลือ กะ กะ...เกลือที่บรรทุกไปกะ...ก็มีมูลค่าไม่น้อย หะ...หากพวกมันปล้นแล้วนำปะ...ไปขาย ก็มะ มะ...ไม่ใช่เรื่องยากเลย” หญิงสาวฟังแล้วพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย นางคาดหวังว่าจะรู้ความจริงในสักวันหนึ่ง แต่ในแท้จริงแล้วเพียงแค่เริ่มต้นตามสืบก็ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนด้วยซ้ำ เรื่องราวเกิดขึ้นระหว่างเดินทางผ่านป่าไม่ใช่ในเมือง ยากนักที่จะมีใครเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวและถึงมีคนเห็นจริงก็คงถูกพวกโจรฆ่าตายหมดแล้ว ...................................................................................... ตกลงแล้วหญิงโฉดชายชู่ก็ไม่มีใครรักใครจริง ทุกคนล้วนรักตัวเอง ยัยน้องเริ่มสงสัยแล้วนะ ทุกอย่างมันน่าเอะใจไปหมด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม