ตอนที่ 6 ความลับที่ถูกเปิดโปง

1314 คำ
ความจริงไม่คาดฝันจู่โจมอย่างกระทันหันทำเอาใจกุ้ยฉินเต้นแรงไปหมด สองเท้ารีบถอยออกห่างจากบานประตูอย่างเงียบเชียบก่อนจะรีบวิ่งกลับเรือนของตน ระหว่างทางโชคดีที่ไม่เจอใครสักคนมิเช่นนั้นคงถูกสงสัยเพราะหน้าตาตื่นตกใจของนางเป็นแน่ ร่างบางรีบวิ่งเข้าเรือนพลางมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครตามมาแน่แล้วจึงปิดประตูหน้าต่างจนมิดชิด ดวงตาหงส์เหลือบเห็นแสงไฟในห้องของมารดายังคงสว่างอยู่จึงรีบเปิดเข้าไปไม่รอช้า “ท่านแม่! ท่านแม่เจ้าคะ...” เสียงหวานแฝงความวุ่นวายใจเอาไว้ทำให้คนในห้องอดสงสัยไม่ได้ “มีอะไรถึงหน้าตื่นมาเช่นนั้นหืม...ฉินเอ๋อร์” ฮูหยินใหญ่ส่งสายตาดุบุตรสาว แม้จะไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของจวนหวังดังเก่าก่อนแล้ว แต่นางยังคงเข้มงวดเรื่องกิริยามารยาทของลูกเหมือนเดิมทุกอย่าง “ท่านอา...ท่านอาลักลอบคบชู้กับอนุหลินเจ้าค่ะ” หญิงสาวกดเสียงเบาแทบกระซิบด้วยกลัวใครจะมาได้ยินเข้า “เจ้า...ว่ายังไงนะ!” ได้ยินดังนั้นม่านจิ่วเม่ยก็เผลออุทานออกมาอย่างตกใจ “เสียงดังไปแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” โฉมสะคราญเตือนให้เบาเสียงลงจากนั้นจึงเล่าเรื่องราวที่เพิ่งพบเจอมาให้มารดาฟัง เล่าไปก็น้ำตาไหลอย่างเจ็บใจเมื่อคิดได้ว่าครอบครัวอันอบอุ่นของนางถูกคนพวกนี้ทรยศหักหลังมาเนิ่นนานหลายสิบปี “สองคนนั้นบอกว่าท่านพ่อยังไม่รู้เรื่องนี้นะเจ้าคะ” ก็คงไม่แปลกเพราะบิดาดูแลกิจการครอบครัวแทบไม่มีเวลาว่างมาสนใจเรื่องในเรือนหลัง “เฮ้อ...ช่างทำกันได้นะคนเรา พ่อของเจ้าเลี้ยงดูนางให้สุขสบายแท้ ๆ ยังลักลอบทำชั่วกันอีก แม่ว่าดีแล้วล่ะที่พ่อเจ้าตายเสียก่อนจะได้รู้เรื่องนี้เข้า” ไม่อยากคิดเลยว่าหากสามีได้รับรู้ความจริงด้วยตนเองจะเป็นเช่นไร “ข้ากังวลว่าท่านอากับอนุหลินจะอยู่เบื้องหลังการตายของท่านพ่อเจ้าค่ะ” แม้จะยังไม่มีหลักฐาน เป็นแค่คำกล่าวอ้างลอย ๆ แต่ต่างคนต่างก็รู้ว่ามันน่าสงสัยไม่น้อย หากหวังซานเย่ตายไปอำนาจของตระกูลต้องเปลี่ยนมือเรื่องนี้ใครย่อมรู้ ไหนจะสองแม่ลูกที่อยู่กันอย่างสุขสบายทั้งที่เป็นแค่อนุภรรยานั่นอีก คิดดูแล้วมันเชื่อมโยงกันไปหมด น่าสงสัยยิ่งนัก... เสียงอุทานด้วยความตกใจของฮูหยินใหญ่ทำเอาบ่าวรับใช้ที่ซ่อนตัวอยู่ห่าง ๆ รีบย่องมาแอบฟังสองแม่ลูกคุยกัน ถ้อยคำที่ได้ยินแม้จะไม่ชัดเจนทุกคำแต่ก็ทำให้สาวใช้เบิกตาโตอย่างตกใจ ตอนแรกแค่เห็นคุณหนูใหญ่ดูรีบร้อนผิดปกติจึงแอบตามมาไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องสำคัญเข้า นางรีบวิ่งกลับไปยังเรือนอนุหลินคาบข่าวไปฟ้องผู้เป็นนายทันที เสียงเรียกเอะอะหน้าห้องทำให้หวังซ่านซูผละจากอ้อมกอดของหลินหยุนผิงออกมาดู คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจเมื่อถูกรบกวนจากบ่าวในจวน ทว่าสีหน้าท่าทางร้อนรนก็มิอาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้ “เจ้ามีอะไรถึงมารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า!” บ่าวนางนั้นสะดุ้งสุดตัวเมื่อโดนนายท่านตำหนิจึงรีบรายงานด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ขะ ข้ามีเรื่องมารายงานอนุหลินเจ้าค่ะ เรื่องของฮูหยินใหญ่...” พูดได้เพียงเท่านั้นหวังซ่านซูก็รีบดึงตัวบ่าวรับใช้เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมชะโงกมองนอกห้องว่ามีใครเห็นหรือไม่ก่อนจะปิดประตูตามหลัง หลินหยุนผิงแต่งตัวเรียบร้อยนั่งรออยู่ที่โต๊ะไม้กลางห้อง พอเห็นหน้าบ่าวคนสนิทที่มักเรียกใช้งานแบบลับ ๆ บ่อยครั้งก็เข้าใจทันที “รีบพูดมาเร็ว” ความสงสัยใคร่รู้ทำให้สตรีผู้กุมอำนาจในเรือนหลังเร่งเร้าสาวใช้ “ข้าได้ยินคุณหนูกุ้ยฉินไปบอกฮูหยินใหญ่ว่านางรู้เรื่องที่นายท่านทั้งสองลักลอบเป็นชู้กันเจ้าค่ะ!” ได้ยินดังนั้นหวังซ่านซูและหลินหยุนผิงก็หันมองกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที พวกเขาอุตส่าห์ปกปิดเรื่องนี้มาได้นานเป็นสิบปี ไม่คิดว่าจะล่วงรู้ถึงอีกฝ่าย ทั้งที่ยังไม่มีพิรุธให้เห็นด้วยซ้ำ “แล้วยังไงอีก พวกมันว่ายังไงอีก” อนุหลินร้อนใจกับชนักที่ติดหลัง คนมีความผิดติดตัวย่อมกระวนกระวายเป็นธรรมดา “เอ่อ...พวกมันสงสัยว่านายท่านกับฮูหยินอาจมีส่วนรู้เห็นทำให้นายท่านหวังซานเย่ตายเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้รายงานพลางก้มหน้างุดไม่กล้ามองเจ้านายทั้งสอง รู้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี จึงกลัวจะโดนอาละวาดไปด้วย “มีอะไรอีก เล่ามาให้หมด!” หวังซ่านซูเผลอตะคอกใส่เมื่อโดนแตะเรื่องอ่อนไหว “มะ...หมดแล้วเจ้าค่ะนายท่าน” บ่าวรับใช้นั่งกลัวจนตัวสั่นแทบร้องไห้แต่ก็ไม่กล้า อนุหลินจึงไล่ออกไปพร้อมทั้งกำชับแกมข่มขู่ “เจ้าออกไปได้แล้ว ทำตัวปกติ อย่าแพร่งพรายเรื่องของข้าให้ใครรู้เป็นอันขาดแม้แต่บ่าวด้วยกันเอง หากหลุดปากไปครอบครัวของเจ้าจะต้องตายกันหมดแน่” บ่าวรับใช้รีบพยักหน้ารับด้วยความหวาดหวั่นแล้วรีบออกจากห้องทันทีทำให้เหลือแค่คนทั้งสองเหมือนเดิม ร่างอวบอิ่มลุกขึ้นเดินด้วยความกังวล สมองครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขไปจนถึงกำจัดสองแม่ลูกผู้เป็นเสี้ยนหนามตำใจมายาวนานหลายปี แม้จะมีหวังซ่านซูคอยหนุนหลังอยู่และรู้ว่าฮูหยินใหญ่ไร้อำนาจในเรือนหลัง แต่หากทางการสงสัยขึ้นมาแล้วมีการรื้อคดีความสอบสวนใหม่อีกครั้งคงยุ่งยากไม่น้อย “ข้าว่าคงถึงเวลาจัดการสองคนนั้นแบบถอนรากถอนโคนเสียที” ผู้นำตระกูลหวังพูดขึ้นทำเอาหญิงสาวถึงกับมองหน้าอย่างแปลกใจ “ท่านพี่...ข้านึกว่าท่านเอ็นดูเด็กนั่นเสียอีก” ตัวนางเองไม่เคยมองหวังกุ้ยฉินเป็นลูกเลี้ยงอย่างเต็มใจเลยสักครั้ง นางกับฮูหยินใหญ่มีลูกให้อดีตสามีในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งยังคลอดมาเป็นลูกสาวเหมือนกันอีก หวังซื่ออิงลูกของนางจึงมักโดนเปรียบเทียบในฐานะลูกอนุมาตลอด ถึงฮูหยินใหญ่จะไม่เคยร้ายทั้งยังดูแลความเป็นอยู่ให้ตามสมควรก็ตาม แต่การถูกเปรียบเทียบกับฝ่ายนั้นก็สร้างบาดแผลในใจให้นางมานาน ฝังลึกจนกลายเป็นความเกลียดชังทำให้หวังซื่ออิงไม่ชอบสองแม่ลูกนั่นตามไปด้วย “ข้าก็รักและเอ็นดูนางมาก นางเป็นหลานของข้านี่นา แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างหลานกับลูกข้าย่อมเห็นแก่ตัวเลือกลูกก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าพ่อคนไหนก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น” แม้ลำบากใจแต่เมื่อเลือกเส้นทางนี้มาแต่แรกก็จำต้องกดความรู้สึกสงสารลงไปให้ลึกที่สุด ภาพของหลานตัวน้อยวิ่งเล่นเมื่อครั้งยังเยาว์เขาจำได้ดี ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงไวนัก เขารักหลาน รักท่านพี่หวังซานเย่ ทว่าความละโมบที่มีนั้นเหนือกว่าจึงยอมทำทุกอย่างให้ตนเองก้าวมาสู่จุดนี้แทนพี่ชาย ไม่รู้ว่าหากเขาตายไปจะมองหน้าพี่ชายได้อย่างไรเหมือนกัน... ...................................................................................... ความโลภนี่ทำให้คนฆ่ากันตายง่ายๆ เป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว ตกลงซ่านซูไม่ได้รักใครนอกจากตัวเอง ส่วนอนุหลิน....ไรท์อยากฝากเปลือกทุเรียนไปให้จริงๆค่ะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม