รัมย์สุดาหลับตาปี๋อย่างครุ่นคิด จนตอนนี้ใบหน้ายู่ยี่ไปหมด ลมหายใจซึ่งพยายามปล่อยให้สม่ำเสมอมันก็เริ่มไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย ตอนนี้จึงได้แต่หรี่ตาแคบมองไปรอบๆ ห้อง เห็นเจ้าของห้องทำงานสุดหรูหันหลังให้เช่นนั้นก็เอาแต่กัดปาก ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ยั่วเขาเลย หรือจะหนีไปตั้งหลักเสียก่อน ยิ่งคิดไฮโซสาวก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอด
ดังนั้นทันที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาขยับเดิน ก็เอาแต่เกร็งตัว พยายามนับหนึ่งถึงร้อยให้ใจเย็น ถึงแม้ตอนนี้ก้อนเนื้อภายในอกข้างซ้ายมันจะเต้นตุบตับรุนแรงยิ่งกว่ากลองรบในยามมีข้าศึกรุกรานก็เถอะ เสียงย่างเดินของเขาซึ่งก้าวมาหยุดอยู่ข้างๆ ทำเอาเหงื่อกาฬไหลซึม อยากจะเบิกตากว้างๆ ขึ้นมองแต่ใจมันก็ไม่กล้าพอเอาเสียเลย...
โอ๊ย! เขาจะรู้บ้างไหม ว่าการมายืนอยู่ใกล้ๆ แล้วเฝ้ามองเธออยู่แบบนี้ เล่นเอาต้องเกร็งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทีเดียว หัวใจมันก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อย่างเห็นได้ชัด ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคุณหนูหยาดฟ้า ไฮโซสาวสุดสวยแห่งเมืองไทย ต้องมาทำอะไรที่น่าอายแบบนี้ คิดจะจับผู้ชายรวยๆ ยังไม่พอ หนำซ้ำต้องมาวางแผนหลอกล่อเขาสารพัดอีก สาธุ! พ่อแก้วแม่แก้ว อย่าให้ลูกช้างลูกม้าโดนจับได้เลย แต่ดูเหมือนคำภาวนาจะไร้ผล เมื่อตอนนี้รับรู้ถึงปลายนิ้วเย็นเฉียบสัมผัสแผ่วๆ บริเวณข้างแก้ม
เขาจะรู้บ้างไหม ว่าสิ่งที่กระทำอยู่ในตอนนี้กำลังทำให้เธอหายใจไม่ออก กระแสความร้อนวิ่งลิ่วผ่านปลายนิ้วมันจู่โจมหัวใจดวงน้อยขั้นรุนแรง จนหัวใจเกือบจะหยุดเต้นอยู่รอมร่อ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรไปมากกว่านี้ จึงค่อยๆ ปรือเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งขึ้นช้าๆ แสร้งทำให้เหมือนคนเพิ่งฟื้นคืนสติให้มากที่สุด ลืมตาขึ้นมาได้ก็เอาแต่จ้องมองเจ้าของเสี้ยวหน้าคมซึ่งเขาหล่อเหลาจนชวนให้ใจสั่น ตอนนี้จึงได้แต่รีบลุกขึ้นนั่ง กุมขมับราวกับปวดหัวแล้วเหลียวมองไปรอบๆ
“ฉัน...” เสียงที่เปล่งออกมาช่างแผ่วล้าเหลือเกิน
“ฟื้นแล้วหรือ...”
น้ำเสียงเข้มกังวานอันน่าฟัง ทำให้รัมย์สุดาต้องเหลียวมองเจ้าของร่างสูง เขาช่างสง่างาม หล่อเหลา ดูดียิ่งกว่าภาพที่เคยเห็นบนหน้าปกนิตยสารเสียอีก ไหนจะนัยน์ตาสีน้ำข้าวก็ดูล้ำลึก น่าค้นหา ผิวของเขาขาวเนียนจนอดอิจฉาไม่ได้ ไหนจะปลายจมูกโด่งขึ้นรูปรับกับกรอบหน้าคมคาย มีเคราจางๆ ขึ้นบริเวณปลายคางแล้วก็ข้างแก้ม ชวนให้น่าลูบไล้ ยิ่งคิดไฮโซสาวก็เอาแต่ส่ายหน้าดิก พร้อมสั่งตัวเองว่าห้ามหลงใหลผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด เพราะเป้าหมายของเธอก็คือ หลอกเอาเงินของเขาสักสามร้อยล้านเป็นอย่างต่ำ
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“หนู...”
คำเรียกขานถึงแม้มันจะน่าฟัง แต่ช่างไม่เข้าหูเอาเสียเลย จึงได้แต่ตวัดดวงตากลมโตมองด้วยท่าทีขึงขัง เพราะความไม่พอใจหรืออะไรก็แล้วแต่ กำลังทำให้เธอขยับกายลุกขึ้นด้วยความหุนหัน แถมยังตรงดิ่งออกจากห้องของเขา โดยไม่คิดจะบอกกล่าวหรือขอบคุณในความช่วยเหลือแต่ประการใด ทำอย่างไรได้เล่า เธอน่ะโตเป็นสาวสะพรั่ง เซ็กซี่ มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในเมืองไทยตามกันเป็นกระพรวน แล้วนี่เขาเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน อายุหกสิบปีแล้วหรืออย่างไร ถึงได้กล้าเรียกเธอว่าหนูเช่นนั้น...รอสส์! คุณช่างหยาบคายนัก
“นั่นหนูจะไปไหน?”
ผู้บริหารหนุ่มเดินเร็วๆ ไปคว้าเอาลำแขนกลมกลึง ก่อนที่เจ้าของร่างเล็กจะเดินออกไป พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันคาดโทษ “คิดว่าการออกจากห้องนี้สามารถทำได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ...
“ปล่อยนะ! แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าหนูได้แล้ว...ฉันโตแล้ว”
“โกรธ”
คิ้วสีเข้มเลิกขึ้น อยากจะขำให้กับท่าทีเอาเรื่องเอาราวของอีกฝ่ายยิ่งนัก ตัวกระเปี๊ยกเดียวแค่นี้จะทำอะไรคนอย่างเขาได้
“ไม่ได้โกรธ...ก็แค่ไม่พอใจ ฉันโตแล้วนะ อายุยี่สิบสี่ เรียนจบและมีความรู้ความสามารถมากพอจะดูแลตัวเอง ฉะนั้น! หยุดเรียกฉันว่าหนู และถ้าคุณยังไม่รู้ ก็รู้เอาไว้ซะ ว่าฉันชื่อหยาดฟ้า สวย เซ็กซี่ และดูดีจนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างก็ลุ่มหลง” เชิดหน้าเชิดตาโต้ตอบ ลืมไปด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ต้องทำนั่นคือยั่วยวนคนตรงหน้าให้หลงใหล ไม่ใช่ทำตัวพยศใส่จนอาจเป็นชนวนเหตุให้เขาหักคอ พอนึกออกว่าตัวเองควรทำอะไร จู่ๆ เรียวขาเล็กก็อ่อนเปลี้ยลงเสียดื้อๆ แล้วโชคดีเหลือเกินที่เขายังยึดเรียวแขนของเธอไว้เหนียวหนึบ ตอนนี้จึงถูกเขาดึงมาซุกซบกับอกกว้าง
“เป็นไงล่ะ อวดเก่งดีนัก!” รอสส์คำรามใส่อย่างไม่จริงจังนัก
“ก็ฉัน...”
อยากจะโต้ตอบเขาเหลือเกิน แต่ถ้าทำแบบนั้นแผนการมีหวังต้องพังหมด จึงได้แต่ทำตัวอ่อนแรงให้เขาประคองไปนั่งยังโซฟาตัวเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ แกล้งสะดุดขาตัวเองแล้วล้มเค้เก้ลงไปกับเบาะนุ่มๆ โดยมีร่างสูงใหญ่ทาบทับลงมาอย่างถนัดถนี่ จังหวะนี้เธอไม่ได้ตั้งใจให้ใบหน้าของเขาบดเบียดความกลมกลึงของสองดอกบัวตูมอันเต่งตึงเสียหน่อย เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจึงเอาแต่ร้องกรี๊ดๆ แถมยังผลักไสคนซุกหน้าเข้ากับเนื้อนุ่มๆ ออกเป็นพัลวัน
“ออกไปนะ!”
“เอ่อ...”รอสส์ขยับร่างสูงสง่าของตัวเองออกจากความนุ่มหยุ่นกับกลิ่นหอมซึ่งเตะจมูกเข้าอย่างจัง ลุกมาหยัดกายยืนนิ่งๆ อยู่กลางห้องได้ก็เอาแต่วางสีหน้าเฉยชา ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าคนอย่างเขาต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอึดอัดใจเช่นนี้ และก่อนที่ความรู้สึกจะถูกป่วนปั่นจึงสูดหายใจเข้าปากลึกพลางว่า “เอาละ! ในเมื่อเธอหายดีแล้ว เธอก็กลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้รถของบริษัทไปส่ง”
จู่ๆ ถูกกล่าวไล่อย่างกะทันหัน ก็ทำเอาเรียวปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ในเมื่อก้าวเข้ามาในอาณาจักรของเขาแล้ว อย่าหวังเลยว่าจะยอมถอยออกไปง่ายๆ ถ้าทำแบบนั้นมีหวังเพื่อนตัวดีต้องหัวเราะร่วนใส่หน้าเป็นแน่ มีอย่างที่ไหน คุณหนูหยาดฟ้าดันมาตกม้าตายเพราะผู้ชายหน้าโหด เธอต้องทำให้เขาหลงเสน่ห์จนติดอกติดใจให้ได้ ชนิดที่ว่าพอไม่ได้เห็นหน้าก็ทำเอากระวนกระวายจนนั่งไม่ติดได้เลยก็ยิ่งดี
“รถของคุณชนฉันจนหมดสติไป แล้วไหนจะเหตุการณ์เมื่อครู่นี้อีก...คุณคิดว่าฉันจะยอมปล่อยสองเรื่องนี้ไปง่ายๆ หรืออย่างไร” เอาสิ! ให้รู้ไปว่าเขาจะไม่ขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบอะไร ในเมื่อเธอเรียกร้องออกหน้าออกตาซะขนาดนี้ “ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะรับผิดชอบการกระทำของคุณ...หวังว่าคุณคงเป็นสุภาพบุรุษมากพอนะคะ”
“รับผิดชอบ...”
รอสส์ครางตาม เขานี่น่ะหรือต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น อ้อ! การช่วยให้คนหมดสติ มีชีวิตรอดโดยที่รถไม่ได้ชนนี่มันเป็นความผิดของเขา อีกอย่างเมื่อสักครู่นี้มันก็เป็นอุบัติเหตุ เขาไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย แต่เอาเถอะ! ในเมื่อแม่เด็กน้อยตัวดีไซส์มินิอยากให้รับผิดชอบจริงๆ ปลายเท้าแข็งแรงจึงเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเช็คฉบับหนึ่งขึ้นมาได้ก็กรอกตัวเลขและเซ็นชื่อลงไป หวังว่าเงินจำนวนนี้คงจะพอให้แม่เจ้าประคุณรุนช่องหุบปาก แล้วก็ระเห็จตัวออกไปจากที่นี่เสียที ก่อนที่เขาจะหักคอขาวๆ ของเธอทิ้งขึ้นมาจริงๆ
“แค่นี้คงพอใช่ไหม?”
ดวงตากลมโตเพ่งมองตัวเลขกลมๆ บนหน้าเช็ค อืม...มันก็มากโขทีเดียว สามารถทำให้เธอและครอบครัวอยู่ได้อย่างสบายๆ ไปร่วมสามเดือน แต่เพื่อสิ่งที่มากกว่านั้น จึงคว้าเอาเช็คแล้วกระตุกยิ้มร้ายๆ ใส่ “คุณคิดว่าเงินจะซื้อได้ทุกอย่างหรือไง” พูดแค่นั้นก็ค่อยๆ ฉีกเช็คในมือให้กระดาษแผ่นหนึ่งกลายเป็นเศษเล็กๆ นับสิบนับร้อยชิ้นแล้วกลั้นใจขว้างใส่อกกว้างเต็มแรง “ฉันไม่ต้องการเศษเงินจากคุณ...สิ่งที่ฉันต้องการก็คือความรับผิดชอบ ความเป็นสุภาพบุรุษ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นการให้เกียรติฉัน แต่...ในเมื่อคุณให้ฉันไม่ได้ ฉันจะปล้นความรู้สึกนั้นมาจากคุณด้วยมือของฉันเอง”
“ด้วยการ...” รอสส์ได้แต่ครางถาม อยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงร่างเล็กๆ คนนี้ต้องการอะไรกันแน่
“ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะรับรู้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษของคุณ...เข้าใจตรงกันนะคะ”
“อยู่ที่นี่” ดวงตาคมเข้มถึงกับหรี่แคบเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ สิ่งที่ได้ยินมันเป็นเรื่องไร้สาระสุดๆ ในรอบหลายปี เขาไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงหน้าจืดๆ หุ่นกะโปโลคนนี้มาลอยหน้าลอยตาอยู่ในอาณาจักรเด็ดขาด แล้วเธอไม่มีมันสมองอยู่ในหัวกรวงๆ นั่นเลยหรืออย่างไร ว่าการอยู่ใกล้กับผู้ชายอย่างเขามันน่ากลัวและอันตรายแค่ไหน
“เธออยู่ที่นี่ไม่ได้!”
ในที่สุดชายหนุ่มก็ร้องห้ามพร้อมตักเตือน “ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็เชิญออกไป!”
“ฉันไม่ไป”
ที่ดึงดันอยู่ต่อ ไม่ใช่เพราะต้องการเงินจากเขาเท่านั้น แต่เธออยากเอาชนะเขาด้วย อยากจะรู้นักว่าคนอย่างเขาจะทนเสน่ห์ของเธอได้นานสักแค่ไหน ลองถ้าได้อ่อย ได้ยั่วนิดยั่วหน่อยละก็ ขี้คร้านจะทั้งรักทั้งหลงจนไม่ลืมหูลืมตา “ฉันจะอยู่ที่นี่...กินที่นี่และก็นอนที่นี่...แต่ถ้าคุณอยากจับฉันโยนออกไปก็เอาเลยสิ! คนทั้งโลกจะได้รู้ ว่าคนอย่างคุณนิสัยห่วยแตกแค่ไหน รังแกได้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งดูไม่มีพิษมีภัยและน่าสงสารสุดๆ คุณทำฉันหมดสติ แล้วก็แตะต้องร่างกายของฉันด้วยปากและจมูกของคุณ ฉะนั้น! คุณต้องรับผิดชอบ”
“ฉันว่า...นี่มันมันเป็นเรื่องบัดซบที่สุด”
“หยุดนะ! ห้ามพูดจาหยาบคายกับฉัน และรู้เอาไว้ด้วยว่า มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะไล่ฉันออกไปจากที่นี่ได้” รัมย์สุดาพูดขึ้นด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง แต่ใครจะรู้บ้างว่าภายในใจดวงกระจ้อยร่อยมันเต้นระส่ำระสายด้วยความกลัวสักปานใด โอย...ไม่อยากจะคิดถ้าถูกจับโยนจากชั้นนี้ลงสู่เบื้องล่าง สภาพคงทุเรศทุรังอุจาดตาสุดๆ
“อยากอยู่นักใช่ไหม?”
คำถามที่ดังขึ้น มาพร้อมกับหน้าขาแข็งแรงขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ รอสส์เอาแต่จับจ้องคนปากดีราวกับจะฉีกทึ้งเรือนร่างบอบบางให้ออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ท่าทางเอาเรื่องของเขา ทำเอารัมย์สุดาต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ไม่รู้จริงๆ ว่าการตัดสินใจพูดออกไปเมื่อสักครู่มันผิดหรือถูกกัน แต่ที่แน่ๆ มันทำให้คนที่ย่างสามขุมเข้าหาเธอในตอนนี้กำลังโกรธจนหน้าเขียวปัด ดังนั้นคงมีวิธีเดียวที่จะรอดพ้นจากการถูกหักคอ นั่นคือการ...
ปลายจมูกเชิดรั้นสูดหายใจเข้าปอดลึก แล้วตัดสินใจพุ่งเข้าหากายแกร่ง คว้าเอามือของเขามาทาบกับหน้าท้องแบนราบแล้วหลับหูหลับตาร้องแรกแหกกระเชอ เอาให้คนที่อยู่แถวนี้กรูกันเข้ามาดู คิดได้เพียงเท่านั้นก็หวีดเสียงร้องลั่น
“กรี๊ดดด! นี่คุณปล่อยฉันนะ!”
คนถูกบังคับให้ลูบคลำหน้าท้องเล็กแบน ไหนจะถูกจับให้ขยับมือไม้ขึ้นสูงเรื่อยๆ ได้แต่เบิกตาโตอย่างคาดไม่ถึง ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าจะถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ เล่นตลกใส่ถึงเพียงนี้
“ช่วยด้วยค่ะ! กรี๊ดดด! คนใจร้ายกำลังจะลวนลามฉัน”
“หุบปาก!”
รอสส์กัดฟันสั่ง นัยน์ตาสีน้ำข้าวเหลียวมองไปรอบๆ แต่มันคงถึงคราวซวยของเขาขึ้นมาจริงๆ เมื่อเจ้าบอดี้การ์ดตัวดีทั้งสอง เปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่เขากุมทรวงอกของร่างบางเข้าให้เต็มๆ ตา จะปฏิเสธออกมาหรือก็ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะคนถูกเขาจับกำลังร้องไห้กระซิกๆ ล่อหลอกให้ไอ้การ์ดสองตัวหลงเชื่อ
“ฮือๆ ช่วยด้วยค่ะ ผู้ชายคนนี้คิดจะปล้ำฉัน”
“ท่านประธาน!”
เป็นมาตันที่ร้องลั่นแล้วทำตาโตอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นภาพนี้ ไม่นานนักการ์ดหนุ่มก็นำพาร่างสูงมายืนอยู่ใกล้ๆ “ปล่อยเธอเถอะครับท่าน ถ้าท่านต้องการผู้หญิงสักคนในเวลานี้ละก็ ผมจะตามนางแบบทรงโตอย่างที่ท่านชอบมาให้ แต่สำหรับคุณผู้หญิงตัวน้อยๆ วัยน่ารักน่าสงสารคนนี้ ปล่อยเธอไปเถอะครับ”
“เวรเอ๊ย!”
รอสส์สบถพร้อมกับผลักร่างแน่งน้อยเสียจนล้มหน้าทิ่มไปกับโซฟา หมดกันชื่อเสียง หน้าตา เกียรติยศที่สั่งสมมานาน หมดไปเพราะผู้หญิงปากดีๆ นิสัยร้ายกาจคนนี้ ดูท่าทางของเธอสิ! คงกำลังแอบหัวเราะเยาะเขาอยู่ในใจใช่ไหม ที่ทำให้เขาเสียหน้าต่อคนสนิทได้ ก็ดี! ในเมื่อเธออยากจะเล่นลูกไม้นี้นักเขาก็จะจัดให้
“ออกไป!”
ก่อนที่จะได้ยินมาตัน หรือกาสันเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก รอสส์ก็ตวาดดังลั่น “ฉันจะข่มขืน หรือฆ่าผู้หญิงคนนี้ทิ้ง มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน ถ้าพวกนายไม่อยากตายก็ถอยไปให้พ้นๆ แล้วจำเอาไว้ด้วยว่า ต่อให้ห้องนี้ถล่มทลายก็ห้ามเข้ามา”
“แต่ท่านครับ”
เป็นเจ้าของท่วงท่าสุขุมอย่างกาสันที่เอ่ยขึ้น “ผมว่า...”
“พาน้องชายของนายออกไป...เรื่องผู้หญิงคนนี้ฉันจะจัดการเอง!”
เจอคำสั่งอันดุกร้าวเช่นนั้น กาสันก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับแล้วปรายตามองไปยังเจ้าของร่างเล็กซึ่งกระถดถอยไปอยู่อีกฝั่งด้วยสีหน้าอันซีดเซียว ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของนักธุรกิจจอมโหด ซึ่งเบื้องหลังใครๆ ก็ลือกันให้แซดว่าเจ้านายของเขาเป็นจอมหื่น หน้าตายังดูเด็ก ร่างกายก็ดูบอบบาง ช่างน่าสงสารจริงๆ ถ้าต้องแบกรับกับบทรักอันดิบเถื่อน แต่เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่ได้อีกหลายปี จึงตัดสินใจเดินไปคว้าน้องชายตัวดีแล้วลากออกไปด้วยกัน พ้นออกจากห้องท่านประธานมาได้ ก็เอาแต่ภาวนาให้เด็กสาวน่าสงสารคนนั้นแคล้วคลาดและปลอดภัย ถึงแม้หนทางแห่งความปลอดภัยจะริบหรี่ก็เถอะ!