ผมรู้สึกว่าช่วงนี้เหมือนมีคนคอยแอบมองผมอยู่ตลอดเวลา หรือผมจะคิดไปเองเพราะตั้งแต่วันที่ยัยนั้นตบหน้าผม ผมก็ยังไม่เห็หน้าเธออีกเลย เธอคงไม่กล้ามาเจอผม..ก็ใช่ซิ ยัยนั้นตบหน้าผมต่อหน้าทุกคนจนทำให้ผมอายผมไม่มีวันให้อภัยยัยนั้นเด็ดขาด
“ไอ้โอม มึงรู้แล้วใช่มั้ยว่าอาจารย์ที่คณะจะให้มึงไปร่วมกิจกรรมเดินขบวนของมหาลัยอะ...?”
“เดินขบวนอะไร กูไม่รู้เรื่อง..”
“อ้าว น้องแก้มยังไม่ได้มาคุยกับมึงหรอ กูเห็นผ่านไปเป็นอาทิตย์ละนะ นี่มึงยังไม่รู้เรื่องอีกหรอ”
“ไม่มีทาง...กูไม่มีทางเข้าร่วมงานไร้สาระพวกนั้นหรอก ไปบอกยัยนั้นด้วยว่าไม่ต้องมาตื้อซะให้ยาก ไม่มีวัน”
ผมเดินหัวเสียออกจากโต๊ะมาเลยที่รู้ว่าต้องได้ไปร่วมงานไร้สาระแบบนั้น ผมไม่ชอบคนวุ่นวาย มันอึดอัดแล้วก็น่ารำคาญ
.......
“นี่แก้ม แกจะนั่งหลบมุมอยู่ตรงนี้จริงๆหรอ ฉันว่าแกเริ่มเหมือนคนโรคจิตเข้าไปทุกวันละนะ”
“แพร แกเลิกว่าฉันสักทีได้มั้ย ฉันต้องรีบหาวิธีเพื่อเข้าใกล้พี่โอมให้มากขึ้น นี่ฉันกำลังตามติดชีวิตพี่โอมอยู่”
“เออๆ แล้วนี่จะไปกินข้าวไหม...ฉันจะไปแล้วนะหิวจะตายละ”
แพรมันเดินหนีฉันไปเลยพอมันพูดว่าหิว
“แพร รอฉันก่อนซิ แกนี่ไม่คิดจะรอฉันเลยนะ”
แพรมันเดินอย่างเร็วโดยไม่รอฉันเลย มันคงหิวมากจริงๆเดินไปต่อแถวเพื่อซื้อข้าวกิน ฉันเลยรีบมาต่อแถวจากมัน
“แกเอาไร เหมือนเดิมใช่ไหมเดี๋ยวฉันสั่งให้ แกเดินไปซื้อน้ำไป”
ฉันพยักหน้ารับแล้วก็เดินไปต่อแถวซื้อน้ำ แต่...
“พี่โอม....”
พี่โอมกำลังเดินผ่านหน้าฉันไป เขากำลังจะไปที่ไหนฉันต้องรีบตามเขาไป
ฉันแอบเดินตามพี่โอมมาเรื่อยๆจนได้มาเห็นเขานั่งอยู่ในห้องชมรมดนตรีแล้วเขาก็หยิบกีต้าร์ขึ้นมาเล่น ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาเล่นดนตรีเป็นด้วย คนอะไรวะเก่งไปซะทุกอย่าง บ้านก็รวย เรียนก็เก่ง แถมยังหล่ออีก เพอร์เฟคไปซะหมด
“มิน่าละผู้หญิงทุกคนถึงได้ชอบพี่กันเป็นแถว...”
“....”
ฉันยืนเหม่อหลงเคลิ้มไปกับเสียงเพลงของพี่เขาจนลืมไปว่ายัยแพรให้ฉันมาซื้อน้ำ
“ตายห่าละ ซวยแน่ๆอีแก้ม”
ฉันรีบหันหลังจะเดินหันไปทันทีแต่ก็
“โอ๊ย...”
ดันไปเตะเข้ากับกระถางต้นไม้ซะได้ อีแก้มเอ้ย...ซุ่มซ่ามจริงๆ
“นี่เธอตามฉันมาอีกแล้วหรอ...?”
ฉันถึงกับต้องสะดุ้งที่ได้ยินเสียงของพี่โอมอยู่ข้างหลัง
“ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าตามฉันอีก ถ้าฉันเห็นเธออีกรู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
“แก้ม ไม่ได้ตามพี่นะ แก้มแค่เดินผ่านมาเฉยๆ ก็แก้มได้ยินเสียงคนเล่นกีต้าร์อะ แก้มก็เลยเดินมาดู..”
ฉันแก้ตัวไปดูฟังไม่ขึ้นใช่มะ
“ฉันเชื่อก็ได้...”
“ทำไมเชื่อง่ายจัง”
ทำไมเขาถึงเชื่อง่ายจัง แปลก
“ก็ไม่ดีหรอ ฉันเชื่อเธอ...”
“มันก็ดี แต่มันแปลกนี่ แต่ก็ช่างเถอะพี่เชื่อแก้มก็ดีแล้ว เพราะพี่ต้องรู้ไว้แก้มไม่ได้เหมือนกับผู้หญิงของพี่ทุกคนที่พยายามเข้าใกล้พี่เพราะแค่หวังในตัวพี่ แต่แก้มแค่หวัง...”
“หวังอะไร..?”
“ก็หวัง...”
ฉันหยุดชะงักทันทีที่นึกขึ้นได้
“เธอหวังอะไร ฉันมีอะไรที่เธอต้องการหรอ..?”
ฉันจ้องหน้าพี่โอมนิ่งแต่ก็ไม่กล้าพูดกับเขา กลัวจริงๆว่าจะโดนเขาฉีกอกเอา
“ไม่มีอะไร แก้มว่าแก้มไปดีกว่า…”
ฉันตัดบทเพราะไม่อยากให้เขาเซ้าซี้ฉันไปมากกว่านี้
“เดี๋ยว..”
ฉันหยุดชะงักทันทีที่พี่โอมเรียกฉัน
“...”
ฉันหันมามองหน้าพี่โอม แต่เขาก็ไม่ยอมพูดอะไรเอาแต่จ้องหน้าฉัน
“ไม่มีอะไร เธอไปเถอะ”
ฉันงงอยู่ดีๆก็เรียกฉัน แต่พอฉันหันมาเขาก็ไล่ฉัน อะไรของเขาเนี้ย
ฉันเดินไปอย่างงงๆแต่พอนึกขึ้นได้ว่าต้องไปซื้อน้ำให้ยัยแพร ฉันก็รีบวิ่งไปทันทีแล้วพอซื้อน้ำเสร็จฉันก็วิ่งไปที่โต๊ะกินข้าวที่ยัยแพรนั่งรออยู่
“แก ฉันขอโทษนะที่มาช้า ฉันมัวแต่.....”
ฉันวิ่งหอบมาอย่างเหนื่อย เอาแก้ววางที่โต๊ะแต่พอเงยหน้ามาเห็นยัยแพรกินข้าวหมดแล้ว พร้อมกับน้ำที่เพิ่งกินไปจนหมดแก้วก็หน้าจ๋อยทันที
“ให้ฉันรอแกนะข้าวคงติดคอฉันตายพอดี...ชิส์”
“ฉันขอโทษ พอดีตอนฉันไปซื้อน้ำให้แกฉันเห็นพี่โอมเดินผ่านมาฉันเลยเดินตามไป แล้วก็....”
“แล้วก็ลืมฉัน เห่อ..ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ ทิ้งเพื่อนอย่างฉันแล้วตามผู้ชายไป แกนะแก...”
“ขอโทษ...”
ฉันต้องรีบยกมือไหว้มันทำท่าออดอ้อนจนมันเริ่มใจอ่อนยิ้มๆออกมา
“เอ่อๆ...ไม่ต้องมาทำท่าอุบาทเลย ฉันไม่ใช่ผู้ชาย...อะนี่ข้าวของแก รีบๆกินจะได้ไปเรียน”
ฉันยิ้มให้มันแล้วก็รีบก้มหน้าทานข้าวจนหมด
......
วันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับที่บ้านพร้อมกับครอบครัวของเพื่อนพ่อผม ผมรู้ว่าท่านนัดผมมาทำไม ผมเคยเลี่ยงมาหลายครั้งแล้วแต่ครั้งนี้ผมปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ผมนั่งอยู่ในวงทานข้าวแต่มันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แต่สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ก็เป็นเพราะผมหันไปเจอเข้ากับใครคนหนึ่งพอดี
“ผมคงหมั้นกับน้องเชอร์รี่ไม่ได้หรอกครับ”
ทุกคนหันมามองหน้าผมพร้อมกับน้องเชอร์รี่ที่มองผมอย่างอึ้งๆ
“แกพูดอะไรของแก...?”
“ผมขอโทษครับที่ผมต้องพูดแบบนี้เพราะผมมีคนรักอยู่แล้ว ผมขอโทษครับคุณอา น้องเชอร์รี่พี่ขอโทษนะครับ”
ผมหันไปหาน้องเชอร์รี่ที่มองผมด้วยใบหน้าหน้าที่ดูไม่พอใจนัก
“ทำไมแม่ไม่รู้เรื่องว่าโอมมีคนรักอยู่แล้ว โอมอย่ามาหลอกแม่ แม่ไม่เชื่อ”
ผมหันไปหาแม่แล้วจับมือแม่ไว้
“วันนี้เธอก็อยู่ที่นี่ด้วยครับ ผมบอกว่าจะมาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ผมเลยพาเธอมาด้วย แต่เธอไม่ยอมเข้ามาร่วมโต๊ะด้วย...”
แม่จ้องหน้าผมอย่างหาความจริงเพราะแม่คงไม่เชื่อว่าผมมีแฟนแล้ว ผมจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่โต๊ะของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่
“นี่...ตามฉันมานี่หน่อย”
ผมจับมือเธอให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามผมไปที่โต๊ะ
“อย่าพูดอะไรจนกว่าฉันจะสั่ง เดินตามฉันมา”
ผมพาเธอมาหยุดที่โต๊ะทานข้าวของผม
“....”
ทุกคนหันมามองหน้าผมแล้วผู้หญิงที่ผมจับมืออยู่
“นี่พ่อกับแม่ฉัน...”
ผมบอกเธอเธอหันมามองหน้าผม ผมจึงบังคับเธอทางสายตาว่าให้ยกมือไหว้ท่านทั้ง 2 เธอจึงหันไปสวัสดีพ่อกับแม่ผม
“และนี่คุณอาเชน กับน้องเชอร์รี่ลูกสาวคุณอา”
ผมหันไปเห็นเธอยกมือไหว้คุณอากับน้องเชอร์รี่ แต่ดูทั้ง 2 จะไม่สนใจเพราะหันหน้าไปทางอื่น
“นี่หรอ..แฟนของโอม..?”
“ครับแม่...เราคบกันมาได้ 3 ปีแล้วครับ แต่เธอไม่ยอมให้ผมบอกใครเพราะอยากให้ผมเรียนจบก่อน แล้วเราก็อยู่ด้วยกันแล้วด้วยนะครับ..”
ทุกคนอึ้งกับสิ่งที่ผมพูดและคนที่น่าจะช็อกที่สุดตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นคนที่ยืนข้างผมตอนนี้
“ทำไมแม่ไปที่ห้องโอม แม่ถึงไม่เคยเจอเธอมาก่อน”
“ทุกครั้งที่แม่ไปที่ห้อง ผมจะให้เธอออกไปจากห้องก่อนเพราะเธอยังไม่อยากให้แม่รู้เรื่องของเรานะครับ”
“ทำไม..?”
ผมโดนคาดคั้นจากพ่อกับแม่จนเริ่มจนมุม ผมตัดสินใจหันไปหาเธอแล้วจับมือเธอไว้
“ผมคงยังทำให้แก้มมั่นใจในตัวผมไม่ได้ แก้มเลยไม่ยอมให้ผมบอกกับใคร...”
ผมมองหน้าเธอนิ่งจ้องเข้าไปในแววตาเธอ
“มั่นใจในตัวพี่นะแก้มว่าพี่รักแก้มจริงๆ...”