พอกลับมาถึงคฤหาสน์ หลังจากแยกตัวจากทาคุมิ ห้านาทีต่อมามนต์นรีก็ถูกบิดาของเธอเรียกเข้าไปคุยในห้องตามลำพังสองคน ใบหน้าของประมุขใหญ่ของบ้านดูเครียดขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทางของท่านดูอึดอัดจนสังเกตเห็นได้ชัด
“เตี่ยมีอะไรจะคุยกับหนูหรือเปล่าคะ”
การที่บิดาของเธอโทรเรียกตัวเธอกลับมาจากการพักร้อนกะทันหัน มนต์นรีคิดว่าท่านจะต้องมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกเธอแน่ แต่เธอก็ยังเดาไม่ออกว่าเรื่องอะไร
“ความจริงเตี่ยไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังเลยนะ” เจ้าสัวอนันต์ไม่อยากจะเล่าความจริงที่เจ็บปวดเกี่ยวกับปัญหาของทีเอ็มซี พิบูลชัยฯ ให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาฟังเลย แต่มันคงถึงเวลาแล้ว
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร ทำให้เขาต้องตกจากเก้าอี้ผู้บริหารระดับสูงมาดำรงอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการบริหารเท่านั้น แล้วแต่งตั้งให้ ทาคุมิ โคบายาชิ ซึ่งก่อนหน้านั้นดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาดของบริษัทลูกขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด หรือ ‘ซีอีโอ’ เพื่อดูแลด้านการบริหารจัดการองค์กรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลในวันที่หนึ่งเดือนหน้านี้
แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารครั้งนี้ คงถึงคิวปิดฉากการเป็นตันแทนจำหน่ายรถมิตซูบิชิของ ‘ตระกูลพิบูลชัย’ ที่ทำธุรกิจนี้มานานไม่ต่ำกว่าสามสิบปีต้องจบสิ้นลง หากถึงเวลานั้น สิ่งที่เขาปลุกปั้นมาร่วมกันกับบิดาก็อาจถึงกาลอวสาน ซึ่งเขาคงทำใจยอมรับได้ยาก และครอบครัวของเขาอาจต้องพบกับความลำบาก เพราะตอนนี้เขาแก่มากแล้ว แต่ถ้าสิ่งที่เขาคาดหวังไว้เป็นความจริงขึ้นมา เขาก็คงตายตาหลับ
“เตี่ยมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“เตี่ยอยากเห็นลูกแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที” สีหน้าของเจ้าสัวอนันต์มีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“เตี่ย!”
“เตี่ยพูดจริงๆ นะมินนี่ ลูกจะยี่สิบเจ็ดแล้วนะ เพื่อนรุ่นเดียวกันกับลูก บางคนเขามีลูกกันไปหมดแล้ว” นี่หรือคือเหตุผลที่บิดาเรียกเธอเข้าพบโดยด่วน เพราะอยากเห็นเธอแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเนี่ยนะ
“ทำไมอยู่ๆ เตี่ยถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาคะ” มนต์นรีมองบิดาด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วพ่อของเธอเป็นคุณพ่อที่หวงลูกสาวเอามากๆ แต่ว่าตอนนี้ทำไมท่านถึงได้นึกอยากให้คนอื่นมาดูแลเธอ
คนที่ห่วงใยว่าธุรกิจที่ทำมานานตั้งแต่สมัยบิดามารดายังแข็งแรงจะปิดฉากลง แล้วทำให้คนที่ก่อตั้งมันมาต้องเสียใจ และห่วงใยว่าลูกสาวอาจจะลำบากในอนาคตอันใกล้นี้ จึงอยากให้เธอได้คู่ครองที่ดีและคู่ควรเหมาะสม ดวงตาของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดู มองบุตรสาวเพียงคนเดียวที่ทะนุถนอมมาอย่างกับไข่ในหินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขารู้มาตลอดว่าทาคุมิแอบรักมนต์นรีมานานแล้ว และวันนี้ซีอีโอหนุ่มก็เอ่ยปากว่าเขาอยากแต่งงานมีครอบครัวเสียที ผู้หญิงที่เขาอยากให้มาเป็นภรรยามากที่สุดก็คือมนต์นรี คนที่รักลูกห่วงลูกอยากให้ลูกมีความสุขสบายในอนาคตจึงได้ตอบตกลงยกลูกสาวสุดที่รักของตนเองให้ซีอีโอหนุ่มโดยไม่ทันได้ถามเจ้าตัวเสียก่อน คนเป็นพ่อจึงรู้สึกหนักใจมากที่จะต้องพูดเรื่องนี้กับลูกสาวเพียงคนเดียวในเวลานี้
“วันนี้ทาคุมิมาคุยกับเตี่ยเรื่องลูก เขาบอกว่าเขาอยากแต่งงานกับลูก”
คนที่ได้ฟังตกใจไม่น้อย มิน่า...บิดาของเธอถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา “แล้ว...แล้วเตี่ยตอบเขาไปว่ายังไงคะ”
“อีกไม่กี่วันเตี่ยคงจะหลุดจากตำแหน่งเก้าอี้ผู้บริหาร ทาคุมิ ซัง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอแล้ว และจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการอาทิตย์หน้า อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารหลายคนในบริษัท แต่ผลเสียตกอยู่ที่เรา ทาคุมิ ซัง เป็นลูกชายของคุณทาคาชิเจ้าของบริษัทแม่ และกำลังจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ทีเอ็มซี พิบูลชัย ถึงเจ็ดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ นั่นเท่ากับว่า เขาจะมีอำนาจและบทบาททั้งทางตรงและอ้อมแต่เพียงผู้เดียว และเตี่ยรู้ว่า ทาคุมิ ซัง เขาเป็นคนดี เขาจะสามารถดูแลลูกให้อยู่อย่างสุขสบายได้ในอนาคต”
‘อย่าบอกนะว่าบิดาของเธอกำลังคิดจะยกเธอให้กับทาคุมิจริงๆ’
...ไม่เอาหรอก ทาคุมิ ไม่ใช่ผู้ชายที่ในสเปคของเธอสักนิด หน้าตาแข็งกระด้างเย็นชาอย่างกับหุ่นยนต์ เหมือนผู้ชายไร้ความรู้สึก อยู่ใกล้แล้วอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก...
คนเป็นพ่อหยุดพูดแล้วมองหน้าลูกสาว ก่อนจะตอบให้ตรงคำถามว่า
“เตี่ยตกลงยกหนูให้เป็นคู่หมั้นของทาคุมิซังแล้ว”
คนเป็นพ่อรู้สึกละอายใจพอสมควรที่ตัดสินใจโดยพละการเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว แต่ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อต้องการให้บุตรสาวที่เคยอยู่อย่างสุขสบายและสง่างามอย่างนางหงส์ให้เป็นนางหงส์ต่อไป ไม่อยากให้เธอกลายเป็นเพียงลูกเป็ดลูกไก่ที่ต่ำต้อยในสายตาของคนที่อยู่ระดับเดียวกันกับเขา
“เตี่ย!!” ใบหน้าสวยหยาดเยิ้ม ส่ายหน้าไปมาเหมือนไม่เชื่อหู ทำไมบิดาของเธอถึงทำอะไรไม่ปรึกษาถามความยินยอมพร้อมใจจากเธอเสียก่อน ทำไมท่านถึงเผด็จการแบบนี้
“เตี่ยรักและหวังดีกับลูกนะ เตี่ยถึงได้ทำแบบนั้น”
“ไม่จริง เตี่ยรักธุรกิจของเตี่ยมากกว่า เตี่ยถึงยอมขายหนู”
หัวใจของคนเป็นพ่อหล่นวูบ เมื่อลูกสาวสุดที่รักกล่าวหาเขาเช่นนั้น คำว่า ‘ขายลูก’ มันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในหัวของเขาเลย หากไม่เห็นว่าทาคุมิแสดงออกว่ารักและปรารถนาดีต่อมนต์นรีจริงๆ เขาคงไม่กล้ารับปาก และทางพ่อแม่ของฝ่ายชายก็รับทราบแล้วด้วย อีกไม่กี่วันพ่อแม่ของทาคุมิก็คงจะมาสู่ขอมนต์นรีอย่างเป็นทางการและคงจะกำหนดฤกษ์แต่งงานในวันนั้น
“เตี่ยไม่ได้ขายหนูนะมินนี่ เตี่ยเห็นว่าลูกยังไม่มีใคร และคุณทาคุมิเขาก็เป็นคนดีมีฐานะ เหมาะสมกับลูกทุกอย่าง เขาชอบลูก แล้วเขายังบอกอีกว่าเขารักลูก”
“แต่หนูไม่ได้รักเขานี่คะ เตี่ยก็รู้ แล้ว...ถ้าหนูขอปฏิเสธ จะได้ไหมคะ” ความเงียบของบิดา ทำให้มนต์นรีรู้สึกใจคอไม่ดี เธอรู้ว่าบิดาเป็นคนรักษาสัจจะของตนเองมากแค่ไหน ท่านไม่เคยผิดคำพูดหรือผิดสัญญากับใครมาก่อน การที่ท่านตอบตกลงยกเธอให้กับทาคุมิ เธอพอจะรู้เหตุผลอยู่หรอก ว่าท่านทำไปเพื่ออะไร
“ทางพ่อแม่ฝ่ายชายรับรู้แล้ว ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับเขา หากลูกปฏิเสธ ลูกคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“หนูไม่ยอม หนูไม่ชอบทาคุมิซัง เขาไม่เหมาะสมกับหนูหรอก ที่สำคัญหนูไม่ได้รักเขา และไม่คิดจะรักด้วย”
พ่อของเธอก็แค่เห็นว่าทาคุมิเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทแม่ที่ทำธุรกิจร่วมกัน เห็นว่าเขาจะสามารถช่วยพยุงธุรกิจของพิบูลชัยได้ พ่อก็คงหวังจะใช้เธอเป็นสะพานเชื่อมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พิบูลชัยไม่ให้ธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิปิดฉากลงโดยที่ไม่เหลืออะไร
ที่จริงเป็นตัวแทนขายรถยนต์ประเทศอื่นยี่ห้ออื่นก็ได้นี่ไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหน หรือไม่ก็ขยายบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ทำอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วให้ใหญ่โตขึ้นก็ได้ก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้ฐานะทางครอบครัวแย่ลงตรงไหน ทุกวันนี้ก็เหลือกินเหลือใช้มากพออยู่แล้ว ไม่เข้าใจความคิดของบิดาของเธอเลยจริงๆ
“แล้วผู้ชายคนไหนที่เหมาะสมกับลูก เตี่ยขอถามหน่อยเถอะ ใช่พวกพระเอกละคร นายแบบไฮไซ หรือพวกผู้ชายที่ลูกเป็นข่าวทุกๆ สามเดือนแล้วเลิกนั่นเหรอ คือผู้ชายในสเปค เตี่ยก็ไม่เห็นจะมีใครเข้าตาสักคน คุณทาคุมินั่นแหละเหมาะสมกับลูกที่สุดแล้ว” คนเป็นพ่อยืนยันเสียงแข็ง
“ไม่เหมาะสมสักนิดค่ะเตี่ย และเขาก็ไม่ใช่สเปคหนูด้วย เตี่ยบอกมาดีกว่าค่ะว่า พอจะมีวิธีไหนที่จะทำให้หนูไม่ต้องแต่งงานกับเขา ที่สำคัญไม่ทำให้เตี่ยเสียคำพูดด้วย”