คู่อริร้าย

2185 คำ
ทั้งที่เห็นสวรรค์อยู่รำไร เฮ็นริคก็รู้สึกเหมือนมีนรกมารออยู่ตรงหน้า สายตาคมกวาดมองร่างสูงระหงส์ในชุดเดรสเปลือยหัวไหล่สีบานเย็นรัดรูปสั้นจู๋ บนรองเท้าส้นแหลมสูงประมาณสี่นิ้วด้วยสีหน้าเซ็งที่สุดในชีวิต กว่าเขาจะสลัดหล่อนหลุดออกไปจากชีวิตได้มันยากเย็นแสนเข็ญ ทั้งที่ไม่อยากเจอกลับต้องมาเจอง่ายๆ โดยไม่คาดฝัน โลกนี้มันกลมจริงๆ ทว่าเจ้าของดวงหน้าสวยเปรี้ยวที่แต่งแต้มมาอย่างประณีตกลับยิ้มหวานอย่างประจบ เพราะว่ามหาสมุทรไม่ได้กว้างอย่างที่ใครๆ คิด เธอจึงมีโอกาสได้เจอกับเฮ็นริคและกำลังจะได้ร่วมงานกับเขาตามที่บิดาสั่ง แล้วนางแบบสาวก็นึกไปถึงวันที่ได้คุยกับบิดาในวันที่เซ็งกับชีวิตสุดๆ ต้นเหตุที่ทำให้เธอได้มารับเจ้าพ่ออุตสาหกรรมยานยนต์แห่งฮัมบูร์กในวันนี้ “สวัสดีค่ะเตี่ย ตะลึงในความสวยของลูกสาวจนพูดไม่ออกเชียวเหรอคะ” วันนั้นเธอถูกบิดาเรียกเข้าพบหลังจากกำลังแต่งตัวจะออกไปช้อปปิ้ง ดวงตากลมโตใต้คิ้วเรียวที่บรรจงวาดเกือบครึ่งชั่วโมงทอประกายหงุดหงิดออกมา เมื่อเจ้าของร่างสูงภูมิฐานในชุดสูทสีเทาเงินตีหน้ายักษ์ใส่ สงสัยจะโดนบ่นเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว “ยัยเกว! ที่นี่มันที่ทำงานนะ แต่งกายให้เกียรติสถานที่หน่อยได้ไหม อย่างน้อยก็ไว้หน้าเตี่ยบ้าง ดูแต่งตัวเข้าสิ อย่างกับผู้หญิงราคาถูก” ดวงตาที่มีแววตำหนิติเตียนตวัดมองร่างระหงตรงหน้าขึ้นลงจากหัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ก่อนจะดุว่าลูกสาวคนเล็กตรงๆ จนใบหน้าสวยเฉี่ยวเจื่อนลง บูดบึ้งงอง้ำอย่างขัดใจ ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องโดนตำหนิ แต่มันก็เซ็งทุกครั้งที่บิดาเอ็ดเอา “เตี่ยว่าหนูอีกแล้วนะคะ เตี่ยไม่เบื่อบ้างหรือไงตำหนิหนูได้ทุกวี่ทุกวัน วันนี้หนูอุตส่าห์อารมณ์ดีสุดๆ แล้วนะคะ แล้วไอ้ชุดที่ใส่เนี่ย ก็ถือว่าสุภาพเรียบร้อยสุดๆ แล้วด้วย” คุณหนูผู้เอาแต่ใจโต้กลับเสียงห้วนๆ เตี่ยของเธอนี่ช่างไม่เข้าใจอารมณ์วัยรุ่นเลยจริงๆ ไม่เคยเข้าใจหัวอกลูกสาวของตนเองเลยสักครั้ง ไม่เหมือนกับแม่ของเธอที่เข้าอกเข้าใจตามใจสารพัด ทั้งที่ปกติเธอชอบแต่งตัวเปรี้ยวกว่านี้หลายเท่า การสวมชุดเดรสเข้ามาในบริษัทถือว่าไม่ผิดสำหรับลูกสาวของท่านประธานใหญ่แห่งอัครพิบูล กรุ๊ป ‘สำหรับเธอแล้วมันคือข้อยกเว้นทุกกรณี’ เกวลินคิดเข้าข้างตนเองแบบสุดๆ พลางก้มมองชุดที่ตนเองสวมใส่ด้วยใบหน้าที่ยังบูดบึ้งเช่นเดิม เพราะเจอหน้าบิดาทีไรเธอต้องถูกตำหนิเรื่องการแต่งตัวทุกครั้งไป “อย่าเพิ่งมาเถียงเตี่ย นั่งลงก่อนสิ วันนี้เตี่ยมีข่าวดีจะบอก” เจ้าของร่างอรชรนั่งลง วางกระเป๋าสะพายชาแนลสีดำลงบนโต๊ะ ก่อนจะทำหน้างอง้ำถามผู้เป็นบิดาเชิงประชดนิดๆ “ข่าวดีหรือว่าข่าวร้ายกันแน่คะ” “เตี่ยมั่นใจ ว่ามันคือข่าวดีสำหรับลูกนะ ตอนนี้บริษัทของเรากำลังขยับขยายมากขึ้น มีทั้งผู้สนใจจะร่วมหุ้นกับเรามากมาย ขณะเดียวกันคู่ค้าที่ทำธุรกิจกับเรามานานก็อาจจะแยกตัวเป็นอิสระไปเป็นผู้ลงทุนเสียเอง พอถึงตอนนั้นเราอาจจะตกที่นั่งลำบาก แต่สำหรับคุณฟาลิกผู้กุมบังเ**ยนแห่งบีเอ็นซี กรุ๊ป คู่ค้ารายล่าสุดของเราเตี่ยได้ยินข่าวแว่วๆ มาว่า เขาอยากจะมาร่วมทุนกับเรา เตี่ยจึงคิดว่านี่น่าจะเป็นข่าวดีของพวกเราทุกคนที่จะได้สานสัมพันธไมตรีกับเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเยอรมนีอีกเจ้าหนึ่งให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น อีกสามวันคุณฟาลิกจะส่งลูกชายคนเล็กของเขามาดูงานที่นี่ เตี่ยอยากให้ลูกเตรียมตัวต้อนรับเขาด้วยในฐานะลูกสาวของเตี่ยและเจ้าของบริษัท” “แค่เตรียมตัวต้อนรับผู้ร่วมหุ้นคนสำคัญ ไม่เห็นจะยุ่งยากตรงไหนนี่คะ มีพี่กฤษณ์ลูกชายคนโปรดของเตี่ยอยู่ทั้งคน เตี่ยไม่เห็นจำเป็นต้องเรียกหนูให้มารับงานนี้เลยนะคะ” เกวลินรักงานอิสระมากกว่าที่จะมาเป็นสาวออฟฟิซในบริษัทของบิดา เธออยู่วงการถ่ายแบบและโฆษณามาสองสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงเต็มตัวเพราะต้องปลีกเวลามาช่วยบิดาทำงานในบริษัทด้วยนั่นเอง “เตี่ยคิดว่าลูกชายของคุณฟาลิกคงไม่ได้มาดูงานอย่างเดียวหรอกนะ คิดว่าเขาคงอยากจะมาเที่ยวเมืองไทยด้วย ความจริงพ่อก็อยากให้เจ้ากฤษณ์มันรับงานนี้นะ แต่ลูกก็น่าจะรู้ว่าพี่ชายของลูกมีงานล้นมือ อีกอย่างทางโน้นเขาก็โทรมาย้ำนักย้ำหนาว่า เขาขอคุยงานกับคนที่สามารถพูดภาษาเยอรมันเก่งๆ เท่านั้น และต้องเป็นคนสำคัญของบริษัทด้วย ซึ่งเตี่ยก็มองไม่เห็นใคร นอกจากเกว” ดวงตาคมกริบที่มองการณ์ไกลของผู้นำแห่งอัครพิบูล กรุ๊ป ทอประกายไหววูบแวบหนึ่งก่อนจะปรับมาเป็นเรียบนิ่งดังเดิม โดยที่บุตรสาวไม่ทันสังเกตเห็น “แล้วลูกชายของคุณฟาลิกอะไรนั่นพูดภาษาบ้านเกิดของตนเองเป็นอยู่ภาษาเดียวหรือยังไงคะ ถึงได้เจาะจงเสียขนาดนั้น” เกวลินกระแทกเสียงเย้ยหยันคล้ายจะดูถูกอีกฝ่ายด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ยัยเกว!” “เตี่ย! หนูพูดผิดตรงไหนคะ ทำไมต้องตะคอกใส่หนูด้วย” ใบหน้าสวยงอง้ำเมื่อเริ่มแอบน้อยใจที่บิดามักจะตะคอกใส่เธอบ่อยๆ ซึ่งมันช่างต่างกับตอนที่ท่านพูดคุยกับพี่ชายของเธอมากเหลือเกิน “เอาล่ะๆ นั่งลง เกว” สั่งพร้อมกับจับไหล่แบบบางสองข้างให้เจ้าตัวนั่งลงบนเก้าอี้หรูอีกครั้งอย่างใจเย็นมากกว่าเดิม “อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ หน่อยเลยน่าลูก ฟังเตี่ยพูดให้จบก่อนสิ บางทีลูกอาจจะเปลี่ยนใจ” เกวลินยังหน้าบูดบึ้งเมินมองไปทางอื่นโดยไม่ยอมหันไปสบตาผู้เป็นพ่อ จนคนที่กำลังตั้งใจจะพูดอย่างเป็นงานเป็นการต้องส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา แต่ก็จำเป็นต้องพูด “ลูกเป็นคนเดียวที่ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยถึงกรุงเบอร์ลิน พูดภาษาเยอรมันก็เก่งกว่าเจ้ากฤษณ์มัน และเตี่ยก็รู้ว่าเกวเป็นคนมีความสามารถสูง เกวช่วยงานเตี่ยมานานพอสมควร งานนี้เตี่ยจึงคิดว่าเหมาะกับเกวมากที่สุด” คนฟังแอบทอดถอนใจเฮือกใหญ่ สงสัยว่างานถ่ายแบบวีคหน้าของเธอคงต้องเลื่อนออกไปอีกแน่ แต่ดวงตาคู่สวยที่กำลังมีแต่แววยุ่งยากใจกลับเบิกกว้างขึ้นเมื่อรูปใบหนึ่ง ถูกยื่นมาตรงหน้า “นี่คือ เฮ็นริค ลูกชายคนเล็กของคุณฟาลิก รู้จักหน้าค่าตาเอาไว้เสียสิ เตี่ยจะให้ลูกไปรอต้อนรับเขาที่สนามบินเลย เขาจะได้ประทับใจ” เกวลินแทบจะไม่ได้ฟังที่บิดาของเธอพูดเลยด้วยซ้ำ เพราะภาพใบหน้าหล่อเหลาดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจตรงหน้ากำลังทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่มันห่อเหี่ยวมานานเป็นแรมเดือน ‘โอกาสมาอยู่ในมือของเธออีกครั้งแล้ว คราวนี้เธอจะไม่เป็นสาวน้อยอ่อนหัดอีกต่อไป’ “เตี่ยบอกว่าเขาจะเดินทางมา เมื่อไหร่นะคะ” เกวลินถามเสียงแผ่วเบาคล้ายคนละเมอ แต่ทว่าดวงตาสวยซึ้งกลับจ้องมองภาพในมือด้วยประกายตาวาววับไม่กะพริบ “อีกสามวัน” และวันที่เธอรอคอยก็มาถึง ต่อให้เขาเคยสลัดเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี ต่อให้เขาไม่ได้รักเธอ แต่สำหรับเธอแล้ว เฮ็นริคคือผู้ชายในสเปคที่เธอหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องได้เป็นเมียที่เชิดหน้าชูตาของเขาให้ได้ เธอยอมพลีกายให้เจ้าพ่อคาสโนวาแห่งฮัมบูร์กได้เชยชม หวังว่าเขาจะเห็นค่าของเธอ เห็นว่าเธอเป็นคนสำคัญ แต่ชายหนุ่มกลับมองไม่เห็นหัวใจที่ภักดีของเธอ เขาหันเหความสนใจไปหา ‘ยัยซิลเวีย’ หลังจากพบมันไม่กี่ครั้ง มันน่าเจ็บใจนัก ถึงยังไงเธอก็ยังมีความหวัง ว่าการได้พบกับผู้บริหารฯ ที่แสนเก่งกาจทั้งเชิงรักและเชิงธุรกิจอีกครั้ง เขาจะไม่หลุดมือไปเธออีก นางแบบสาวซ่อนยิ้มที่ร้ายกาจเอาไว้ ก่อนจะทักทายชายหนุ่มเสียงหวานอย่างดัดจริตเต็มที่ “คุณริคขา เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะคะ ช่างบังเอิญจริงๆ เกวดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่ได้พบคุณอีกครั้ง เตี่ยบอกให้เกวมารับคุณค่ะ” เฮ็นริคอึ้งไปสองสามวินาที ความจริงเขาอึ้งตั้งแต่นาทีแรกที่นางตุ๊กแกสาวดันร่างแม่สาวจอมซุ่มซ่ามนั่นออกห่างจากเขาอย่างเสียมารยาทแล้วล่ะ และก็อึ้งที่โลกช่างโหดร้ายกับเขานักที่ทำให้เขาต้องมาเจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้งจนได้ แต่ก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจว่า... “คุณคือ...” “เกวลิน อัครพิบูล ค่ะ” คำตอบของหญิงสาวทำเอาความเป็นชายของเขาหดลงเหลือเท่าปลายนิ้วก้อย หมดอารมณ์ทางเพศไปเลย ‘มันนรกชัดๆ บ้าเอ๊ย!’ ทว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเข้มกลับไม่ได้แสดงสีหน้า ‘น่าเบื่อ’ อย่างที่รู้สึกออกมา เพราะถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีให้สามารถรับอารมณ์ของลูกค้า และคู่ค้าทั้งหลายมาเป็นเวลานานจนเป็นนิสัย เขาจึงไม่ได้แสดงสีหน้าอาการไม่พอใจใดๆ ออกมา นอกจากเสียจากรอยยิ้มแสนเสน่ห์ที่ระบายออกมาอย่างที่เคยทำเป็นประจำจนชิน “เกว” เสียงเรียกชื่อเล่นอย่างสนิทสนมคุ้นเคยที่เขาเรียกนางแบบสาวคู่อริของเธอ ทำให้มนต์นรีนึกสงสัย นาทีแรกเธอไม่พอใจที่ถูกเกวลินมาแทรกกลาง แล้วดันร่างของเธอออกห่างจนเสียหลัก และคิดอยากจะเอาคืนทันทีด้วยอารมณ์ที่เดือดปุดๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษามารยาทต่อหน้าผู้คนที่เดินผ่านไปมา โดยเฉพาะต่อหน้า ‘เขา’ ที่อาจจะมองเธอในแง่ที่ไม่ดี ‘อย่าบอกนะ...ว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน’ มนต์นรีคิดแล้วก็อดใจหวิวๆ ไม่ได้ “คุณหนูมินนี่ มาอยู่ที่นี่เอง ผมมองหาคุณหนูหลายนาทีแล้วนะครับ” เสียงภาษาไทยแปร่งๆ ทางด้านหลัง ทำให้มนต์นรีต้องหันไปมอง “ทาคุมิซัง” เสียงหวานอุทานออกมาอย่างแผ่วเบา หนุ่มเจแปนนิสที่ทำธุรกิจอยู่เมืองไทยมานานแล้ว หันไปสบตากับหนุ่มฝรั่งที่ตัวโตสูงกว่าเขาเล็กน้อยด้วยแววตาสงสัย เพราะเมื่อครู่เขายังทันได้เห็นมนต์นรีมองผู้ชายคนนี้ราวกับคนรู้จักอยู่เลย แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็หันมาสนใจคนที่เขาต้องมารับกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม เฮ็นริคหันไปมองคู่หนุ่มสาวข้างๆ ด้วยความสนใจใคร่รู้เช่นกัน เขามองริมฝีปากสีชมพูดสดที่เขาอยากจะจูบก่อนหน้านั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเสียดายเล็กน้อย เมื่อข้างกายเธอมีชายหนุ่มรูปหล่อส่งสายตาหึงหวงมาให้เขา “คุณหนู ไปกันเถอะครับ พ่อของคุณหนูกำลังตั้งตารอคุณหนูอยู่ที่บ้าน” มนต์นรีพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเคียงข้างไปกับร่างสูงที่ยื่นมือมาโอบประคองเอวบางของเธอหลวมๆ อย่างฉวยโอกาส เฮ็นริคมองตามอย่างลืมตัว ส่งผลให้เกวลินหน้างอง้ำมองคนตัวโตตรงหน้าอย่างไม่พอใจ เธอไม่ชอบมนต์นรี เพราะ ‘แม่นั่น’ คือ ‘คู่อริ’ ของเธอ สองสาวเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น กระทั่งไปศึกษาต่อที่เยอรมนีก็ยังไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก แล้วก็ยังถูกทาบทามให้ไปเป็นนางแบบของ ‘มอร์แกน โมเดลลิ่ง’ ในเวลาไล่เลี่ยกันอีกต่างหาก เจ้าของดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลรีบปรับใบหน้าให้หวานเยิ้ม ก่อนที่ใบหน้าหล่อเข้มแสนเสน่ห์จะตวัดสายตากลับมามองเธออีกครั้ง “ไปกันหรือยังคะ คุณริค” “ครับ” เมื่อชายหนุ่มตอบรับ เกวลินก็ฉวยโอกาสสอดแขนกลมกลึงของตนเข้าไปควงแขนกำยำทันทีอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แล้วพากันเดินไปที่รถที่มีคนขับรถรอเปิดประตูต้อนรับคนทั้งคู่ด้วยกิริยานอบน้อม ก่อนที่บีเอ็มดับบลิวสีดำมันปลาบรุ่นล่าสุดจะเคลื่อนตัวออกไปจากจุดจอดอย่างไม่รีบเร่งนัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม