“ฮ่าฮ่าฮ่า โธ่ แล้วไอ้เสกสรรมันว่ายังไงล่ะ หัวหดเลยละสิ”
วินเซนต์หัวเราะออกมาเมื่อมาวินรีบวิ่งมาบอกว่าการร่วมลงทุนไม่สำเร็จ เพราะเสกสรรตอบในสิ่งที่อีกฝั่งถามไม่ได้ ก่อนที่วินเซนต์จะเดินออกจากห้องทำงานอย่างสบายอารมณ์ เพื่อไปหาข้าวทานหลังจากทำงานลากยาวมาจนบ่าย และก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ ก็มีชาวกลุ่มชาวต่างชาติเดินออกมาจากห้องประชุมที่ใช้ประชุมร่วมทุนเมื่อสักครู่ และชายหนุ่มก็ได้ยินทางนั้นบ่นออกมาว่าเสกสรรไม่ได้เรื่อง ทำไมเอาคนแบบนี้เข้ามาประชุมก็ไม่รู้
สมน้ำหน้า แกคอยรับผลกระทบได้เลย ไอ้เสกสรร หึหึ
วินเซนต์คิดออกมาในใจพร้อมกับหัวเราะเยอะเสกสรรไปด้วย เพราะก่อนที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็มีเสกสรรคอยขัดแข้งขัดขามาตลอด เพราะอยากได้ตำแหน่งของเขา จนกระทั่งลิฟต์เปิดออกเขาจึงเดินเข้าไป โดยมีชาวต่างชาติกลุ่มนั้นเดินเข้ามาด้วย และก่อนที่ลิฟต์จะปิด ก็มีเสียงหนึ่งร้องดังขึ้นเสียก่อน
“รอก่อนค่ะ!”
หญิงสาวที่บอกให้ลิฟต์รอรีบวิ่งเข้ามาทันที เพราะกลัวคนในลิฟต์จะรอนาน ก่อนจะหันหลังยืนอยู่หน้าสุด จากนั้นที่บทสนทนาภาษาอังกฤษจะเริ่มขึ้น
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เรายังมีอีกหลายโรงแรมที่พร้อมจะลงทุนกับเราทันที แต่ขอเป็นพรุ่งนี้นะคะ พอดีวันนี้ฉันมีนัด”
ผู้หญิงเพียงคนเดียวในลิฟต์บอกออกมา ทำเอาหนุ่มๆถึงกับพากันพยักหน้าเห็นด้วย เพราะต่างเหนื่อยจากการบินมาไกลแล้ว ก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออกเมื่อมาถึงชั้นล่าง
ชาวต่างชาติกลุ่มนั้นก็เดินตรงออกจากโรงแรมของเขาไปโดยมีวินเซนต์มองตามไป จนกระทั่งผู้หญิงในกลุ่มนั้นหันมาล่ำลาเพื่อนๆของเธอนั่นแหละ วินเซนต์ถึงเห็นหน้าของเธออย่าชัดเจน
“พี่ไผ่!!!”
เขาร้องเรียกออกมาก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังรถที่กำลังเคลื่อนที่ออกไป พร้อมกับตะโกนเรียก แต่กว่าที่เขาจะวิ่งมาถึงหน้าประตู รถคันนั้นก็ขับไปไกลแล้ว ครั้นจะเอารถขับตามไปก็คงไม่ทันเป็นแน่ เขาจึงได้แต่ยืนหอบอยู่หน้าประตูโรงแรม
“พี่ไผ่...”
เขาจำไม่ผิดแน่ ว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้คือต้นไผ่แน่นอน ถึงเธอจะดูเปลี่ยนไปแค่ไหนเขาก็จำได้ ก่อนที่ขายาวจะวิ่งกลับไปทางเดิม แล้วขึ้นลิฟต์ตรงไปยังห้องทำงานทันที
“เรียกมาวินเข้ามาพบผมเดี๋ยวนี้”
เขาสั่งพลอยไพลินออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาเอกสารที่มาวินเอามายื่นให้เขาเมื่อเช้าอย่างร้อนรน เพราะเขารู้สึกว่าอ่านเอกสารแล้วไม่เห็นมีชื่อต้นไผ่เข้าร่วมประชุม
“ครับบอส มีอะไรรึเปล่าครับ”
มาวินที่วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มถามขึ้นทันที เมื่ออยู่ดีๆพลอยไพลินก็โทรตามให้เขาเข้าพบวินเซนต์ด่วน
“หาข้อมูลบริษัทที่เข้าประชุมกับเสกสรรมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ เอาให้ละเอียด พร้อมรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมด้วย แล้ววันนี้ฉันจะกลับบ้าน เอกสารที่ค้างเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาจัดการ ส่วนข้อมูลขอด่วนที่สุดนะ”
วินเซนต์บอกออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องทำงานไปอย่างเร่งรีบ จนมาวินและพลอยไพลินมากันมองตามอย่างสงสัย
วินเซนต์รีบขับรถกลับบ้านด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็วแทบจะทะลุออกมาจากหน้าอก เมื่อเขาแน่ใจว่าต้นไผ่กลับมาแล้ว และเธอต้องกลับไปพักที่บ้านของเธอแน่นอน เขาจึงรีบขับรถตรงไปที่บ้านต้นไผ่ทันที
วินเซนต์จอดรถไว้หน้าบ้านของต้นไผ่ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งก็ยังมีพวกแม่บ้านที่เจ้าของบ้านจ้างมาคอยทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอพากันเช็ดถูบ้านอยู่
“ป้าครับ คือว่าพี่ไผ่กลับมาที่ไทยรึเปล่าครับป้า”
เขาเดินมาเจอป้าแม่บ้านคนหนึ่งจึงถามขึ้น
“อ่าวคุณเซนต์ ป่าวนี่คะ ไม่เห็นคุณไผ่แจ้งมาเลยนะคะว่ากลับไทย คุณเซนต์ไปได้ยินข่าวจากที่ไหนมาคะเนี่ย”
ป้าแม่บ้านถามออกมาเมื่อตนไม่ได้รับแจ้งว่าเจ้านายจะกลับมาสักนิด
“อ้อ เหรอครับ ไม่มีอะไรครับป้า งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
วินเซนต์บอกออกมาก่อนที่จะเดินคอตกกลับบ้านของตนเองไปอย่างผิดหวัง แต่ในใจก็ยังคงมั่นใจว่าคนที่เขาเห็นที่โรงแรมต้องเป็นต้นไผ่อย่างแน่นอน
“อ่าวตาเซนต์ ทำไมวันนี้กลับบ้านได้ล่ะ พอดีเลย หนูแนนนี่กำลังจะมา อยู่ทานข้าวเย็นกับแม่ก่อนนะ หรือว่าจะนอนที่นี่เลย นานๆกลับบ้านที นะลูกนะ”
คุณพรรณราย มารดาของวินเซนต์บอกออกมาก่อนที่จะจูงมือวินเซนต์เข้าไปในห้องรับแขก เพื่อพูดคุยรอชลดาที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทำเอาวินเซนต์ถึงกับทำหน้าเบื่อหน่าย ที่ดันต้องมาเจอชลดาอีก ทั้งที่เขาหลีกเลี่ยงเธอมาได้ตั้งนาน
“สวัสดีค่ะ คุณป้า อ่าวพี่เซนต์ก็อยู่เหรอคะเนี่ยสวัสดีค่ะ”
เสียงสิบแปดหลอดของชลดาเอ่ยขึ้นทันทีที่เธอเดินเข้ามาในห้องที่เขากับมารดานั่งอยู่ พร้อมกับเดินเข้ามานั่งข้างเขาอย่างไม่หวงเนื้อหวงตัวเลยสักนิด
“หนูแนนนี่มาแล้ว งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะลูก แจ่มๆไปเรียกคุณผู้ชายลงมาทานข้าวหน่อยไป”
คุณพรรณรายเอ่ยขึ้นก่อนที่จะพาทั้งสองเดินเข้าไปในห้องอาหาร เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี ตลอดการรับประทานอาหารครั้งนี้ เจื้อยแจ้วไปด้วยเสียงของชลดา หญิงสาวเป็นผู้หญิงที่ถือได้ว่าตัวเล็กน่ารัก แต่นิสัยกลับต่างจากหน้าตาของเธอโดยสิ้นเชิง เพราะชลดานั้นเอาแต่ใจ พออะไรไม่ได้ดังใจก็จะร้องกรี๊ดๆออกมา นั่นเป็นสาเหตุให้วินเซนต์ไม่เคยคิดที่จะเปิดใจให้กับหญิงสาว ที่มารดาวางไว้ให้เป็นแม่ของลูกเขาในอนาคตเลยสักนิด
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ
เสียงเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น วินเซนต์จึงยกขึ้นมาดูเป็นมาวินที่โทรเข้ามา เขาจึงขออนุญาตรับสาย
“ว่าไง”
เขาถามออกไป
“ผมส่งรายละเอียดของบริษัทที่เข้ามาทำสัญญากับเราวันนี้ไปให้แล้วนะครับ ถ้าบอสมีอะไรอยากได้อีกก็สั่งผมได้เลยนะครับ แต่ตอนนี้ผมอยู่กับคุณเอก คุณมอสที่ผับ ถ้าบอสสนใจร่วมวงก็มานะครับ”
มาวินบอกออกมาก่อนจะวางสายไป เมื่อวินเซนต์บอกว่าไม่ต้องการแล้ว
“เอ่อ คุณพ่อ คุณแม่ครับ พอดีมีงานด่วนเข้ามา เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ทานกันให้อร่อย พี่ไปก่อนนะ สวัสดีครับ”
วินเซนต์บอกออกมาพลางลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินออกไปทันที ทำเอาคุณพรรณรายที่กำลังจะบอกให้รอไปส่งชลดานั้นบอกออกมาไม่ทัน เพราะวินเซนต์ดันวิ่งออกไปเสียก่อน ส่วนชลดาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อุตส่าคิดว่าวันนี้เขาต้องไปส่งเธอแล้วแท้ๆ
“เฮ้อ ไหนขอดูข้อมูลก่อนสิ”
วินเซนต์ขับรถมาจอดข้างทางก่อนจะเปิดดูอีเมลในโทรศัพท์ และข้อมูลที่เขาให้มาวินไปหามาให้ก็ปรากฏตรงหน้า เขารีบค้นหารายชื่อของต้นไผ่ทันที และมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เมื่อมีชื่อของเธอจริงๆ ซึ่งตำแหน่งของเธอเป็นถึงผู้บริหารของบริษัททัวร์เลยทีเดียว
“หึหึ เป็นพี่จริงๆด้วย มาให้จับถึงที่ ทีนี้อย่าคิดว่าจะหนีผมไปได้อีก ผมไม่ยอมแน่ หึหึ”
วินเซนต์พูดออกมา ก่อนที่จะขับรถมุ่งหน้าตรงไปที่ผับทันที เพราะเพื่อนๆรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เพราะกลับห้องไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี