ตอนที่3 รุ่ยอ๋องถังไห่เฉิง

1298 คำ
การศึกเดือดระอุที่แปรผันมาหลายทิวาผ่านมาหลายราตรี ท้ายที่สุดก็สงบลงแล้วภายในสนธยาหนึ่งต้นสารทฤดู คงเหลือเพียงพื้นดินสีแดงฉานไม่ต่างจากทะเลเลือดและกองศพทับถมที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง แคว้นเทียนเป่ยพ่ายแพ้ยับเยิน แคว้นต้าถังได้รับชัยชนะไม่ผิดจากที่คาดการณ์ เสียงแซ่ซ้องกล่าวสรรเสริญแด่จอมทัพแห่งมังกรจึงดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ปลายคิมหันต์ บนเชิงเขา เหนือทุ่งราบ ใต้แสงตะวันรอน จอมทัพหนุ่มในอาภรณ์สีดำสนิทสวมชุดเกราะเหล็กสะท้อนแสงสายัณห์จนกลายเป็นสีแดงฉานปานโลหิตหลั่งไหลอาบไล้ไปทั่วเรือนกายเพียงยืนนิ่งอย่างมั่นคงดุจศิลาแกร่ง สายตาคมปลาบดำสนิทลึกล้ำดุจห้วงรัตติกาลค่อยๆ กวาดมองทุกสิ่งช้าๆ อย่างเฉยชา ภาพเบื้องหน้าคือผืนพสุธากว้างใหญ่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ดวงหน้าคมสันที่เผยเพียงครึ่งเพราะสวมหน้ากากเงินอักขระโบราณสีดำอำพรางเอาไว้ยังคงเรียบเฉยไม่เผยอารมณ์อันใด ริมฝีปากสีแดงสดยิ่งไม่เปล่งวาจาแม้ครึ่งคำ ท่าทางเรียบนิ่งเช่นนั้นยิ่งน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงกดข่มผู้คนอย่างรุนแรงทั้งน่าเกรงขามในคราเดียวกัน รอบเรือนกายที่แผ่ซ่านกลิ่นอายสังหารเข้มข้นยิ่งกำจายอำนาจที่แฝงมหันตภัยคืบคลานทว่าเปี่ยมบารมีแผ่ไพศาลมากล้น เนิ่นนานให้หลังชายหนุ่มเพียงเบี่ยงตัวกลับมาเนิบช้า ทุกอากัปกิริยาล้วนเย็นเยียบเฉียบขาดดุจมีดดาบอาบน้ำแข็งค้าง นิ้วเรียวยาวในถุงมือสีดำสนิทกระชับทวนเหล็กไหลก่อนสะบัดชายชุดคลุมเสียงดังพึ่บ พริบตาพลันพาร่างสูงขึ้นนั่งเหยียดหลังตั้งตรงสง่างามบนหลังอาชาสีดำพ่วงพี หางตาปรายมองเหล่าทหารทางด้านหลัง ก่อนโบกมือเบาๆ อันเป็นสัญญาณให้พวกเขาหยุดวาจาสรรเสริญแล้วเตรียมตัวถอนทัพเพื่อเดินทางกลับหลังสิ้นศึกหนักครานี้ สุ้มเสียงแซ่ซ้องพลันเปลี่ยนเป็นโห่ร้องยินดีดึงกึกก้องสะเทือนฟ้า เหล่าทหารกล้าพากันเข้าแถวเรียงรายเป็นระเบียบ แม้หลายคนจักบาดเจ็บสาหัสแต่ยังฮึกเหิมเต็มเปี่ยมกำลังวังชา ทุกครั้งที่รุ่ยอ๋องถังไห่เฉิง องค์ชายรองแห่งราชวงศ์ต้าถังผู้นี้นำกองทัพปีกเหล็กเคลื่อนพลออกรบยังไม่เคยประสบกับคำว่าแพ้เลยสักครา เหล่าทหารใต้อาณัติให้รู้สึกเป็นเกียรติแก่ชีวิตอย่างยิ่ง พวกเขาคิดว่าไม่เสียชาติเกิดจริงๆ ที่ได้ติดตามเทพสงครามฉายาอ๋องทมิฬไร้พ่ายผู้นี้ หลายปีมาแล้วที่ต้าถังมีสงครามรายล้อมรอบชายแดน พวกต่างแคว้นเหิมเกริมยกขบวนรุกรานไม่ขาดสาย ในขณะที่ราชสำนักยังมีบรรยากาศเคร่งเครียดอึมครึมมิใช่น้อย ช่วงเปลี่ยนรัชศกจากอดีตฮ่องเต้ถังเทียนเหมินเป็นรัชศกของฮ่องเต้ถังจ้าวเหว่ยนับเป็นช่วงที่วุ่นวายไม่น้อย การบริหารจัดการบ้านเมืองยิ่งเข้มขลังหนักหน่วงใช่ย่อย เมื่อฮ่องเต้ไม่คิดรับสนม ยืนหยัดรักมั่นคงเพียงฮองเฮาของพระองค์ ราชสำนักจึงมีขุนนางคัดค้านมากมาย เสนอฎีกาแนบภาพวาดสาวงามไม่เว้นแต่ละวัน แม้ระบบการปกครองต้าถังของถังจ้าวเหว่ยจักจัดการแบบกระจายอำนาจจากส่วนกลางเบ็ดเสร็จและฮ่องเต้ครองราชย์อย่างเด็ดขาดเฉียบคมมิให้ใครสงสัยการตัดสินใจ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคลื่นใต้น้ำที่หวังบั่นทอนกำลังใจอยู่เงียบๆ หมายปีนป่ายขึ้นสูงเฉกเช่นรัชสมัยก่อน การรับสนมเป็นเรื่องของการใช้อำนาจตระกูลใหญ่หนุนหลังราชวงศ์ บารมีราชศักดิ์เป็นหลักประกันวงศ์ตระกูล ค้ำคานราชสำนัก เป็นหลักจารึกยึดเป็นหลักนับแต่บรรพกาล หากขาดสกุลทั้งหลายหนุนหลังด้วยการนำธิดาเข้ามาเป็นหลักประกันหลังวัง แล้วยังจะยืนหยัดได้อย่างไรให้ยาวนาน ต้องแข็งแกร่งปานใดจึงจะสู้ได้ไหว เรื่องราวเหล่านี้ถังไห่เฉิงล้วนกระจ่างแจ้งดีแก่ใจ ตัวเขาจึงจำต้องเติบใหญ่ก่อนวัยอันควร ฝึกฝนตนจนเก่งกาจเรื่องกลยุทธ์การศึก รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง นำพาชายแดนต้าถังทุกสารทิศสงบสุขจนทุกวันนี้ ถังไห่เฉิงรั้งตำแหน่งรุ่ยอ๋องออกรบพุ่งประจัญทั่วแคว้น โดยมีพี่ชายใหญ่อย่างถังไท่หลินเร่งรัดตำแหน่งรัชทายาทแล้วขึ้นครองราชย์ในวัยแตกพานเท่านั้น เพราะนับแต่จำความได้ ตัวเขาก็เห็นพระบิดาต้องทรงงานหนักควบคุมราชสำนักทุกวัน ตรวจฎีกาสูงหลายเซี๊ยะทุกคืน บางครายังเห็นพระมารดาปลอมตัวไปออกรบด้วยองค์เอง พระนางกลายร่างเป็นเพียงทหารหญิงนามว่าซานซานเช่นอดีต เพราะตำแหน่งฮองเฮาไหนเลยจักกรีธาทัพเอิกเกริกได้ ต้องลำบากมิใช่น้อย... ครั้นเมื่อพระมารดาตั้งครรภ์ ต่างแคว้นยังถือโอกาสทองยามนั้นรุกรานไม่ว่างเว้น หาได้เกรงอกเกรงใจอันใดไม่ มโนธรรมแห่งจิตวิญญาณของพวกมันต่ำตมยิ่ง รีบจุดคบเพลิงถืออาวุธ[1] ยกขบวนวิ่งมาอย่างเหิมเกริม เภทภัยต่างๆ ในช่วงนั้นเรียกได้ว่าความสุขไม่มาซ้ำ ความทุกข์ไม่มาเดี่ยว[2]เลยทีเดียว การศึกแม้กำชัยบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ปราชัยนับไม่ถ้วน ส่วนท่านปู่โซวอ๋องก็อายุมากแล้ว แม่ทัพที่มีฝีมือฉกาจบ้างก็แก่ชราตามวันเวลา บ้างที่เป็นสตรีก็ออกเรือนแล้วตั้งครรภ์ คนที่ยังหนุ่มแน่นก็ไม่พอให้เรียกใช้งาน ยังไม่นับรวมพวกแม่ทัพที่กระด้างกระเดื่องเพราะมีหัวคิดยึดติดเรื่องส่งสตรีในสกุลตนเชื่อมสัมพันธ์กับราชนิกูล หวังหยั่งรากลึกแห่งตระกูลสืบร้อยปี เพราะฮ่องเต้ทรงปฏิเสธรับสตรีหลังวัง คนเหล่านั้นจึงมิได้มีใจให้อย่างเต็มที่กับบทบาทแห่งตน ยังผลให้ฮ่องเต้กริ้วหนัก กระทั่งสั่งปลดไปก็หลายคน ส่วนพวกที่เหลืออยู่ยังต้องควบคุมหยั่งเชิงขบเคี่ยวกันต่อไป ถังไห่เฉิงจึงตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะมิให้เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ต้องทรงเหน็ดเหนื่อยไปมากกว่านี้ จึงเรียกรวมตัวพี่ชาย พี่หญิงและน้องหญิงทุกคนเข้าเฝ้าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขโดยการแต่งตั้งองค์รัชทายาท นับแต่พี่ชายใหญ่รับตำแหน่งรัชทายาทก็รับอนุชายาเลย เมื่อขึ้นครองราชย์ยังรับสนมอีกมากโข ใช้ความเป็นสุภาพชนผู้อบอุ่นอ่อนโยนบริหารงานด้านบุ๋น ละเล่นกับบุปผางามเพื่อถ่วงดุลอำนาจราชสำนัก ส่วนตัวเขาที่กร้าวแกร่งทรงพลังเพียงรับภาระงานด้านบู๊ ดำรงตำแหน่งจอมทัพนำจอมพลทั้งหลายไล่เข่นฆ่าล่าสังหารพวกชนเผ่าต่างแคว้นผู้รุกราน จัดระเบียบกองทัพ สอนสั่งไพล่พล คิดค้นอาวุธร้าย เป็นพยัคฆ์ทมิฬปกปักษ์พิทักษ์บัลลังก์ให้พี่ชาย บิดามารดาย่อมได้พักผ่อนใช้ชีวิตสบายช่วงบั้นปลาย ทั้งสมหวังกับการเป็นคู่รักที่อิสรเสรีและมีความสุขที่สุดในใต้หล้า ยังมีพี่หญิงใหญ่ลู่หลิ่งอีกคนที่สมควรสร้างครอบครัวอันร่มเย็นเป็นสุขและได้ท่องยุทธจักรอย่างสำราญใจกับชายคนรัก มิต้องห่วงหน้าพะวงหลังอันใดอีกต่อไป ดาราพราว จันทร์กระจ่าง พิภพกว้าง เส้นทางทอดยาว ... บนทางเส้นนั้นปรากฏบุรุษหนุ่มรูปงามบนอาชาแกร่ง เขามีชีวิตที่ถูกลิขิตให้เป็นนักรบนับแต่เกิด เป็นผู้นำแห่งสันติ สร้างความสงบสุขด้วยสงคราม... **** [1] อุปมาว่าลงมือปล้นอย่างเปิดเผย [2] เรื่องโชคดีมักไม่มาติดๆ กัน แต่เรื่องโชคร้ายมักมาติดกันเสมอ (ที่มาจากนิยายแปลเรื่องจอมนางคู่บัลลังก์)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม