ตอนที่ 3 ยอดคนเร้นกาย

1817 คำ
สาวใช้ทั้งสามถูกเรียกตัวมายังโถงกลางเรือนหลักทันทีทันใด เบื้องหน้าของทุกคนคือเรือนร่างสง่างามของเอกบุรุษผู้มีอำนาจสูงสุด เขานั่งบนเก้าอี้สลักลายสีทองด้วยท่าทีสุขุมนุ่มลึก แลดูสงบเยือกเย็นไม่เดือดเนื้อร้อนใจอันใด หลิวไท่หยางนั่งนิ่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น เพียงกวาดตาคมกริบจ้องมองเนิ่นนานมิไหวติง เนตรดั่งก้นทะเลลึกยากคาดเดาห้วงความคิดอย่างแท้จริง ส่งผลให้ทั่วห้องยามนี้อึมครึมอย่างที่สุด คล้ายมีบรรยากาศอึดอัดอย่างประหลาด กลิ่นอายอันตรายครอบงำผู้คนจนหายใจไม่ออก เมื่อนายน้อยเอาแต่นั่งเงียบลุ่มลึก บ่าวไพร่ยิ่งตัวสั่น พากันลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หลายคนแม้ก้มหน้าแต่ก็แอบชำเลืองมองร่างสูงที่นั่งโดดเด่นบนเก้าอี้เป็นระยะ ยิ่งมองก็ยิ่งให้รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลแผ่กำจายออกมา นายน้อยหลิว ท่านแผ่รังสีน่าเกรงขามไม่เกรงใจใครเกินไปแล้ว... ราตรีมืดดำค่อยๆ คืบคลาน หลิวไท่หยางยังคงมองทุกคนอย่างเย็นชา ริมฝีปากสีแดงได้รูปคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น แต่ความน่าหลงใหลนี้กลับผสานความน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงได้อย่างลงตัว แลดูน่ากลัวแต่น่าค้นหาอย่างยิ่ง สาวใช้สองคนที่ถูกซิงเยว่ตบตีพลันหน้าแดงซ่าน ด้วยความที่แอบชื่นชมรักใคร่ในตัวนายน้อยหลิวมากมาย ปรารถนาชิดใกล้ที่สุด ย่อมต้องการเป็นสาวงามตลอดเวลา ทว่ายามนี้ที่กลายสภาพจากสาวงามเป็นสภาพอเนจอนาถผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเล็บแดงเถือก พวกนางจึงรู้สึกอับอายยิ่งนัก คิดพลางตวัดสายตาแดงก่ำ มองตัวต้นเหตุแห่งเภทภัยอย่างแค้นเคืองชิงชัง เมื่อถูกสายตาจ้องถลึงมา ซิงเยว่เพียงเลิกคิ้วมองอย่างไม่ยี่หระ แฝงความยียวนเต็มสองตา ร้ายมาร้ายกลับ! สภาพอเนจอนาถสะบักสะบอมหมดความงามแต่ยังพร้อมแยกเขี้ยวกัดกันเหมือนหมาป่าของพวกนางทำเหิงอันต้องปาดเหงื่อ วันนี้วันวิปลาสอันใด? มิใช่ว่าเรื่องตบตีของบ่าวไพร่ไม่เคยเกิดขึ้น หากแต่การที่นายน้อยหลิวลงมาจัดการสะสางปัญหาเยี่ยงนี้ด้วยตนเองนั่นล่ะ ที่กำลังทำให้เหิงอันอยู่ไม่สุขเลยสักนิด เพียงวันเดียว เขาผมหงอกเต็มศีรษะแล้ว! บ่าวของเขาซื้อตัวอันใดเข้าเรือนมา? ซิงเยว่ผู้นี้กินดีหมีหัวใจเสือหรือไร? ภายใต้คำถามวกวนหลากหลายของพ่อบ้านเหิงและภาวะลนลานของเหล่าบ่าวไพร่ ไม่มีใครเลยที่ล่วงรู้ว่าหัวใจในอกแกร่งข้างซ้ายของผู้เป็นนายกำลังเต้นแรงปานใด หลิวไท่หยางผู้นิ่งสงบมาตลอดกลับมีอาการรุ่มร้อนซุกซ่อน เขาเพิ่งได้ข่าวค่ายโจรจันทราแดงถูกคนของยุทธภพที่สมคบคิดกับราชสำนักโค่นล้มแล้วจนสิ้นซาก ผลงานชิ้นนี้สร้างความดีความชอบใหญ่หลวงยิ่งนัก กลุ่มผู้กล้าและขุนนางภักดีเหล่านั้นได้รับคำตรัสชื่นชมจากองค์จักรพรรดิ ได้รับรางวัลกันถ้วนหน้า ร่ำรวยมั่งมีมหาศาล ผลพวงจากการแสวงหาผลงานนี้ทำให้ค่ายโจรจันทราแดง ถึงคราวย่อยยับ ทุกชีวิตแตกพ่าย ที่ตายล้วนตายไป ที่สูญหายล้วนหาไม่เจอ หนึ่งในนั้นคือซิงเยว่...นางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โชคดีที่คนของค่ายจันทราแดงมิเคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อบุคคลอื่นหรือชุมชนขนาดใหญ่และต่อหน้าธารกำนัล ทำให้การตามหาคนเพื่อสังหารตัดรากถอนโคนไม่อาจกระทำได้โดยง่าย ข่าวที่ได้รับทำหลิวไท่หยางได้ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง มีความเป็นไปได้สูงอย่างมากที่บางทีสตรีร้ายกาจนางนั้นอาจถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสกระทั่งความทรงจำเลือนหาย วรยุทฺธ์ล้ำเลิศที่เพียรฝึกฝนมาหลายปียังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ ทว่าเขากลับมิอาจปักใจเชื่อได้เต็มส่วนในทันที มีเพียงต้องสังเกตพฤติกรรมนางเงียบๆ และนางก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง นิสัยโหดร้ายป่าเถื่อน ทำตัวเป็นอันธพาลครองเมืองเยี่ยงนั้น... กลางห้อง จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านยังคงลอบถลึงตาแค้นมองซิงเยว่ ในขณะที่ซิงเยว่เพียงเลิกคิ้วมองยียวนตอบกลับอย่างไม่หยี่ระ ซิงเยว่ไม่อาจไม่ยอมรับกับตัวเองอย่างไร้ข้อกังขาในนิสัยอันธพาลของตน แม้ความจำเสื่อมแต่นิสัยเลวร้ายเช่นนี้ คงมีมานานแล้วกระมัง หากแต่เมื่อระลึกได้ว่ามิได้อยู่ในห้องรวมที่มีแค่จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้าน ทั้งมีผู้คนรอบด้าน ที่สำคัญยังอยู่ต่อหน้าเจ้านาย ซิงเยว่จึงถอนสายตาตีรวนกวนโทสะกลับ ก้มหน้าเงียบงัน เผื่อโทษหนักจะได้เป็นเบา พยัคฆ์สาวตัวหนึ่งจึงเพียรเก็บเล็บแหลมเก็บเขี้ยวคมเอาไว้อย่างมิดชิด เสแสร้งแกล้งกลัวเพื่อความอยู่รอด แววตาลุ่มลึกของนายน้อยหลิวมองภาพนั้นนิ่งๆ ก้นบึ้งในม่านตาเปล่งประกายบางเบาไร้ใครสังเกตเห็น หากเอ่ยถึงยอดคนเร้นกายที่ประสงค์เก็บงำตัวตน คงมิแคล้วละม้ายคล้ายสาวใช้นางน้อยผู้นี้ ผู้ถูกลบเลือนความทรงจำไปสิ้น เร้นลับทุกสิ่งยิ่งกว่าบุคคลที่จงใจซ่อนตัว ทว่าทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้น หากแต่เพราะจำตัวตนมิได้ จึงไม่ใช่ซ่อนตัวหรือต้องเก็บงำอันใด ซิงเยว่จึงไม่จำเป็นต้องปกปิดนิสัยใจคอ นางยังคงผ่าเผย เป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด ดุจวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือนั่นล่ะ! หลิวไท่หยางยิ่งรู้ดี หากพยัคฆ์ไม่ถูกกระตุกหนวดอวดอ้างบารมีล้ำอาณาเขตส่วนตัวอย่างอุกอาจท้าทาย ไหนเลยจะทำร้ายใครก่อน ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมุมปากเป็นรอยยิ้มบาง รอยยิ้มนี้ยิ่งมองยิ่งลึกลับ ยากคาดเดา มีเพียงเขาเข้าใจอยู่คนเดียว ขอแค่ทดสอบบางสิ่งอีกประการ คำตอบย่อมชัดเจน จังหวะนั้นจิ่นอิ่งรีบเอ่ยเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นไห้ “นายน้อย บ่าวสองคนอยู่ดีๆ ซิงเยว่ก็เข้ามาทำร้ายเจ้าค่ะ” จิ่นอ้านจึงฟ้องร้องเสริมสหายเพื่อขอความเป็นธรรม “ใช่เจ้าค่ะ พวกบ่าวแค่ถามซิงเยว่ดีๆ ว่ามีเรื่องอะไรกับม่านเหนียง ถามว่าปัญหาคืออันใดเท่านั้น ซิงเยว่ก็โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทำร้ายตบตีพวกบ่าวเจ้าค่ะ” สีหน้าของนางทั้งสองแลดูงดงามเย้ายวนชวนสงสาร ท่าทางอ้อนแอ้นอ่อนแอบอบบางชวนถนอมอย่างที่สุด ไม่ว่าบุรุษคนใดได้ยลเป็นต้องเห็นใจทั้งนั้น! “นายน้อย ซิงเยว่ผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก” จิ่นอ้านร่ำไห้น้ำตาดุจไข่มุกร่วงหล่น จิ่นอิ่งซับน้ำตาส่งเสียงอ้อน “นางช่างไร้มโนธรรม จิตใจดำมืดยิ่งนักเจ้าค่ะ นายน้อยได้โปรดจัดการลงทัณฑ์ คืนความเป็นธรรมด้วยเถิดเจ้าค่ะ” อย่างไรเสียพวกนางก็ได้รับสิทธิ์ติดตามปรนนิบัตินายน้อยทุกคราที่เขามาเยือนคฤหาสน์ฤดูร้อนหลิวซิงแห่งนี้ ต่อให้แค่ชงชาโบกพัดยังไม่ถึงขั้นปีนเตียงนอนครางใต้ร่างเพื่อปรนนิบัติอย่างร้อนแรงถึงอกถึงใจ แต่ทว่าน้ำหนักในใจของเขาที่มีต่อสาวใช้ขั้นหนึ่งเช่นนางย่อมไม่อาจดูเบาได้แน่ อย่างน้อยความใส่ใจย่อมมีมากกว่า หากเทียบกับบ่าวไพร่คนอื่นๆ โดยเฉพาะทาสชั้นต่ำที่เพิ่งซื้อตัวมา! จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านผลัดกันฟ้องร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเทาแฝงความออดอ้อนน่าสงสารจับใจ ทว่าหลิวไท่หยางยังคงมองสาวใช้คนงามทั้งสองอย่างเฉยชา ดวงตาคู่คมสงบนิ่ง มีเพียงบางคนที่ส่งผลต่อเนตรเรียวเข้มดำดุจน้ำหมึกของเขา คนผู้นั้นกำลังแสร้งยอมจำนนสงบปากสงบคำ ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตนได้อย่างน่าขัน หลิวไท่หยางปล่อยสาวใช้สองคนโอดครวญต่อไป เขาเพียงปรายตามองซิงเยว่เงียบๆ เห็นนางก้มหน้าหลุบตา ทว่ากลับไร้ระลอกคลื่นสั่นไหวหรือเผยความขลาดเขลาออกมา แม้ยามนี้จะมีฐานะต่ำตมกลายเป็นเพียงทาสต่ำต้อย อีกทั้งความจำยังเลือนหาย ทว่าตัวตนที่แท้จริงกลับมิอาจบิดเบือนเป็นอื่นได้ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาวะใด บุคลิกบางอย่างของนางยังคงเป็นเอกลักษณ์เด่นชัดเฉกเช่นอดีต หลิวไท่หยางค่อยๆ หลับตาลงอย่างเชื่องช้า ยิ่งเขาครุ่นคิดเท่าใดภาพอันงดงามของซิงเยว่ในอดีตก็ยิ่งทับซ้อนกับซิงเยว่ในยามนี้ “นายน้อย...ได้โปรดเจ้าค่ะ” จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านยังคงคร่ำครวญชวนเวทนาผสานเสน่หาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง เสียงนั้นสั่นเครือเจือสะอื้นชวนหวั่นไหวกวนคลื่นอารมณ์อย่างยิ่ง “โปรดคืนความเป็นธรรมให้บ่าวทั้งสองด้วยเจ้าค่ะ” ทว่ากลับเป็นการก่อกวนความคิดคนอย่างที่สุด ชายหนุ่มจึงหลุดจากภวังค์วสันต์ของตน ลืมตามองสาวงามอย่างเฉยชา เขาโบกมือคล้ายรำคาญ สั่งว่า “พาสาวใช้สองนางนี้ออกไปเสียที ย้ายพวกนางไปประจำเรือนเพาะชำ ไม่ต้องรับใช้ข้าแล้ว” “หา! นายน้อย” หน้าที่ในเรือนเพาะชำคือเฝ้าแปลงผักคอยรดน้ำพรวนดิน ตากแดดตากลมจนผิวพรรณแห้งกร้าน “นายน้อย...ไม่นะ! นายน้อย...” เส้นเสียงหวานเผยความหวาดหวั่นลนลานปานนั้นมิได้ส่งผลอันใดต่อหลิวไท่หยาง เขาสนใจเพียงนาง... “ออกไปให้หมด” หลิวไท่หยางไล่ทุกคนไปจากห้องโถงอย่างเบื่อหน่ายก่อนหันมองซิงเยว่ “เจ้า...ตามข้ามา” หญิงสาวผงกศีรษะพยักหน้าเงียบๆ โดยมิได้เปล่งเสียงใด เพียงลุกขึ้นแล้วเดินตามเจ้านายอย่างสงบเสงี่ยม เขาเลี้ยวทางใด นางก็เลี้ยวทางนั้น เขาเข้าห้องใด นางก็เข้าห้องนั้น โดยไม่ทันระวังตัว เพียงพริบตาเสี้ยวลมหายใจ ร่างบอบบางของซิงเยว่พลันถูกจับอุ้มไปโยนลงบนเตียง “อ๊ะ!” หญิงสาวตกใจนัก “นายน้อย ท่าน!” ยามนี้นายน้อยหลิวผู้สุขุมเงียบขรึมสง่างามไหนเลยยังมีอยู่จริง บัดนี้มีเพียงไท่หยาง บุรุษหนุ่มผู้คลุ้มคลั่งในรัก เขาจับสาบเสื้อของซิงเยว่ฉีกกระชากขาดดังแคว่ก และแล้วความจริงพลันปรากฏ บนทรวงอกงดงามของนาง มีปานแดงจันทร์เสี้ยวอยู่จริงๆ เขาเคยเห็นเพราะถูกนางยั่วยวนจนมัวเมาในรสรัก ใช่! เขากับนางเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ทว่าครั้งนั้นเขาหยุดกลางคันเพราะคิดว่าควรแต่งงานกันอย่างถูกต้องก่อนจึงถูกนางตบจนพลัดตกเหวที่เบื้องล่างเป็นม่านน้ำตก กว่าจะปีนขึ้นมาไม่ง่ายเลย “เจ้า...” กำลังจะเอ่ยทักอย่างตื่นเต้นกลับถูกแจกันที่หัวเตียงฟาดจนสลบเหมือด เป็นเจ้า...โม่ซิงเยว่ ไม่ผิดแน่... ประโยคหนึ่งเลือนหายพร้อมสติบุรุษที่หลุดลอย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม