ทันทีที่เห็นใบหน้าทาสสาวตัวน้อย
ในห้วงภวังค์ความทรงจำ บุรุษหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวจากดินแดนแสนไกล
‘ข้ารักเจ้า ซิงเยว่! เพียงเจ้าเท่านั้นที่ข้าไท่หยางต้องการเคียงคู่ร่วมผูกผมเป็นภรรยา’
‘แต่ข้ามิได้รักท่าน เอาสินสอดกลับไป ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าคนของท่านให้สิ้น’
แน่นอนว่านั่นมิใช่แค่คำขู่ เพราะนางสังหารโหด กลุ่มคนหามหีบหมั้นของเขาตายจนเกลื่อน
‘ไสหัวไปซะ! ก่อนที่ข้าจะฆ่าท่านอีกคน!’
เนตรงามมองกร้าว บ่งบอกว่าทำได้จริง
แค่นางหยามเกียรติโดยการปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า แค่นั้นก็ร้ายกาจพอแล้ว แต่นางยังฆ่าคนของเขาเช่นผักปลา
ทั้งยื่นปลายดาบพาดบนลำคอเขาจนเลือดซึม!
หากมิได้รักแล้วเหตุใดบุปผารัตติกาลเช่นเจ้าถึงยอมให้เพียงข้าได้ยลโฉมภายใต้หน้ากากเงิน เหตุใดถึงมอบความหวังจนข้ามั่นใจในสัมพันธ์
การกระทำแน่ชัดว่ารัก แต่กลับสะบั้นสิ้นเยื่อขาดใย
เช่นนี้จะมิให้ข้าแค้นได้อย่างไร...
แววตาหลิวไท่หยางวูบไหว เผยอารมณ์ซับซ้อน ทั้งโกรธกรุ่น ชิงชัง ทั้งปักใจมิเสื่อมคลาย
ฝ่ามือแกร่งคว้าใบหน้าของทาสสาวอย่างหยาบคาย เผลอบีบคางนางแน่นเมื่อใดมิอาจทราบ
ซิงเยว่นิ่วหน้าน้ำตาซึม แต่มิกล้าส่งเสียงเล็ดลอดจากริมฝีปากแห้งผาก
“นายน้อย...”
เสียงทุ้มของจิ้นสิงดึงสติของหลิวไท่หยางให้กลับคืน เรียวนิ้วแกร่งจึงค่อยๆ คลายออกแต่มิได้ผละจาก
เมื่อครู่เขาแค่เห็นไกลๆ มองแล้วให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา จึงสั่งคนให้เรียกตัวมา ทว่าเมื่อเห็นใกล้ๆ
เหมือนมาก...
ชายหนุ่มหรี่ตาเดินกำลังภายในจับกระแสลมปราณของอีกฝ่าย
ไม่มี...
นางผู้นี้ไร้ซึ่งวรยุทธ์...
หลิวไท่หยางเพ่งพิศรูปโฉมของทาสสาวตรงหน้าที่เหมือนกับสตรีร้ายกาจในความทรงจำทุกส่วนอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ เนตรคมกริบดุจมีดดาบจ้องมองหญิงสาวในห้วงคะนึงไม่วางตา เขาจ้องมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดไม่จาสักคำ สร้างแรงกดดันมหาศาลแผ่กำจายออกมาอย่างเข้มขลัง
“เจ้ามีนามว่าอะไร?”
นายน้อยแห่งคฤหาสน์หลิวถามเสียงราบเรียบ ซิงเยว่ไม่กล้าบอกนามชมชอบที่เพียรคิดโดยพลการเมื่อครู่ จึงเอ่ยตามชื่อที่ถูกผู้คนมอบให้
“หนี่เอ๋อร์เจ้าค่ะ”
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกยาวหมายข่มแรงกดดันที่แผ่ซ่านจนกดทับให้รู้สึกแน่นหน้าอกจากชายตรงหน้า
“เพราะความจำเสื่อมจำนามเดิมมิได้ ทุกคนจึงเรียกบ่าวเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
“เจ้าจำตัวเองมิได้หรือ?” นิ้วเรียวยาวปล่อยคางมน ไต่ถามอย่างเฉยชา ทว่าแววตาคล้ายจับผิดครามครัน
“เกิดสิ่งใดกับเจ้า?”
ซิงเยว่โขกศีรษะตอบ “นายหน้าค้าทาสเล่าให้บ่าวฟังว่าบ้านเดิมของบ่าวถูกโจรร้ายปล้นชิงก่อนจุดไฟเผาจนวอดวาย พ่อแม่พี่น้องล้มตาย วันรุ่งบ่าวกลับจากเดินทางไปค้าขาย ได้เห็นเศษซากครอบครัวจึงกรีดร้องจนสิ้นสติ ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็จำอะไรไม่ได้แล้ว คาดว่าได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจขั้นรุนแรงเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ?” มุมปากได้รูปหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน หลิวไท่หยางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ใต้หล้าจะมีคนใบหน้าเหมือนกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
แม้ไร้ซึ่งลมปราณ กิริยาแตกต่าง ทว่าน้ำเสียงเล่า?
ชายหนุ่มยืดกายขึ้น พาร่างสูงสง่ากลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เปี่ยมเสน่ห์ชวนสะท้านทั่วห้องโถง สาวใช้จิ้มลิ้มสองคนที่คอยรับใช้เบิกตามองอย่างหลงใหล รีบโบกพัดเอาอกเอาใจ
หลิวไท่หยางนิ่วหน้าอย่างรำคาญ เขาสนใจเพียงนาง
“ซิงเยว่...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ต่อไปเปลี่ยนเป็นชื่อนี้แล้วมารับใช้ข้าอย่างใกล้ชิด”
ทาสสาวเจ้าของนามใหม่ได้ยินพลันเบิกตา
สาวใช้พริ้มเพราทั้งสองที่ขนาบข้างขมวดคิ้วฉงน ลอบมองหลิวไท่หยางอย่างไม่เชื่อสายตา
อะไรนะ?
ซิงเยว่มิคาดฝันว่าจะได้ใช้ชื่อที่ตนบังเอิญคิดขึ้นเพราะชมชอบอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังได้ย้ายตัวออกจากเรือนทาสเก่าคร่ำ ได้เลื่อนขั้นเป็นสาวใช้ข้างกายนายน้อย
โชคดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว...
สาวใช้นางหนึ่งชักสีหน้าปั้นปึ่งแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวกล่าววาจาที่บรรจุโทสะไว้เต็มท้อง นางมีนามว่าจิ่นอิ่ง
“นอกจากไม่ถูกลงโทษข้อหาที่ทำร้ายม่านเหนียง ยังได้ขยับฐานะรวดเร็ว ช่างน่าริษยาเสียจริง”
จิ่นอิ่งทำทีคุยกับสาวใช้อีกนางนามว่าจิ่นอ้าน หาได้คุยกับบุคคลที่สามไม่ สายตาของนางมิได้สนใจซิงเยว่สักนิด ทว่าวาจาแข็งกร้าวที่กระทบกระเทียบเช่นนั้นกลับชัดเจนโดยมิต้องคาดเดา ว่านางกล่าววาจาเกรี้ยวกราดกับผู้ใด
จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านนั่งอยู่ด้วยกันบนเตียงในห้องรวมฝั่งตะวันตกของเรือนหลัก ซึ่งเป็นเรือนพำนักของเจ้านายหนุ่ม
“เจ้าจะอิจฉาไปไย จะอย่างไรก็เป็นแค่สาวใช้เช่นกัน รอให้นางย้ายจากห้องรวมฝั่งตะวันตกไปนอนร่วมเตียงกับนายน้อยฝั่งตะวันออกก่อนปะไร ค่อยริษยา หึ!”
จิ่นอ้านแค่นเสียงหยันต่อคำกับจิ่นอิ่งอย่างไร้การปกปิดความเกลียดชังที่มีต่อสตรีผู้เป็นหัวข้อสนทนา นางปรายตาเหยียดไปทางซิงเยว่ปราดหนึ่งก่อนกล่าวอีกว่า
“นายน้อยหลิวของพวกเรามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือสามัญยิ่งนัก ฐานะหรือยังร่ำรวย อำนาจสูงส่งปานนั้น เป็นที่หมายปองของบรรดาสตรีทั่วเมือง สุนัขหิวโซบางตัวจึงคิดเพ้อฝัน อยากอาศัยปีนป่ายขึ้นที่สูงอย่างโง่เขลา”
“จะมีวันนั้นหรือ?” จิ่นอิ่งยิ้มเยาะ “เฮอะๆ เจ้ามิใช่งามกว่านาง กิริยามารยาทถูกใจนายน้อยมากกว่านางรึ?”
เมื่อถูกสหายชื่นชมต่อหน้า จิ่นอ้านก็ยกยิ้มงดงามอย่างลำพองตน
“คนที่จะได้รับความโปรดปรานที่สุด ได้รับอนุญาตยินยอมให้ปรนนิบัติยามค่ำคืน ย่อมเป็นข้าอยู่แล้วล่ะนะ สุนัขตัวอื่นอย่าได้ฝันเฟื่อง! รอจนเน่าตายไปเถอะ!”
“ตายจริง หึๆ”
สิ้นเสียงต่อคำเหล่านั้น เสียงหัวเราะขบขันเผยแววเหยียดหยันถากถางของพวกนางพลันดังครืน
จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านเป็นสตรีที่งดงามหยาดเยิ้มที่สุด พวกนางมักจะถูกเรียกใช้ให้ประจำข้างกายนายน้อยหลิวมาโดยตลอดจึงไม่จำเป็นต้องปั้นหน้ายิ้มหวานใส่สาวใช้ด้วยกันแต่อย่างใด รอยยิ้มละมุนละไมพร่างพราวของพวกนางมีไว้เพื่อนายน้อยหลิวเท่านั้น
และแน่นอนว่าสุนัขตัวอื่นที่ถูกพาดพิงอย่างเดียดฉันท์ย่อมเป็นซิงเยว่ บุคคลที่สามที่นั่งเงียบสงบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งอยู่บนเตียงอีกฝั่งหนึ่งของห้องรวมแห่งนี้
ตั้งแต่ตื่นลืมตาขึ้นมาพร้อมความทรงจำที่ว่างเปล่า ได้ยินประวัติความเป็นมาของตนคร่าวๆ จากหัวหน้าค้าทาส ซิงเยว่ก็รู้แล้วว่าชั่วชีวิตคงถูกลิขิตให้มืดมนไร้หนทางอื่นให้เลือกเดิน
ทว่า....นางจำเป็นต้องอดทนให้คนระดับเดียวกันเหยียดหยันหรือไร?
คำตอบคือ ไม่!
ดวงตาโฉบเฉี่ยวทอประกายวาบคมปลาบปราดหนึ่ง ซิงเยว่กระตุกยิ้มมุมปากเยียบเย็น
เนื่องจากห้องพักแห่งนี้มิได้ใหญ่ เตียงนอนเล็กๆ ยังตั้งเรียงรายใกล้กัน ซิงเยว่ผู้มีเลือดลมรุ่มร้อนจึงลุกพรวด ก้าวเท้าเพียงปราดเดียวก็จับศีรษะของสาวใช้สองคนกระแทกใส่กันได้ถนัดถนี่
ปึก!
เสียงกะโหลกกระทบกันดังลั่นจนห้องหมุน ซิงเยว่ยังยกเท้าเตะทั้งสองอย่างแรง เกิดเสียงดังพลั่กดังลั่น
จิ่นอิ่งกับจิ่นอ้านกลิ้งตกเตียงหัวคะมำ
ทั้งสองกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “กรี๊ด...” ลนลานลุกนั่งบนพื้นห้องเย็นเฉียบสลับกันด่าทอ
“เจ้า! นังทาสชั้นต่ำ!”
“เจ้ากล้าตีพวกข้ารึ? นังสุนัขสกปรก ตายเสียเถอะ!”
ซิงเยว่ยืนเท้าสะเอว ร่างระหงโดดเด่นแผ่กลิ่นอายเฉพาะกายบางอย่างออกมา นางคำรามท้าทาย “เข้ามา! อย่ามัวเห่าเอาแต่หอน นังพวกปากสุนัขเน่า หน้าอัปลักษณ์ เหม็นกลิ่นสาบสาง!”
วาจาหยาบคายแสบสันกระชากใจสูบวิญญาณคนเช่นนั้น สาวใช้สองนางที่ชมชอบการประพฤติตัวสูงส่งประหนึ่งว่าตนเป็นคุณหนูมาโดยตลอดทั้งยังไม่เคยมีใครกล้าถกเถียงตนกลับไหนเลยจะรับมือได้
พวกนางจึงเอาแต่เบิกตาอ้าปากพะงาบ ๆ
“เจ้า...เจ้า”
ซิงเยว่เข้ากระชากหัวทั้งสองอีก “พล่ามอยู่ได้ รำคาญยิ่ง”
“กรี๊ดดดดดด...”
“อ๊ายยยย...”
“ผมข้า โอ๊ย! นังซิงเยว่! ผมข้า”
“ปล่อยนะ นังหมาป่าซิงเยว่ อ๊า!”
ซิงเยว่ไหนเลยจะสนใจเสียงทัดทาน นางยังคงกระโจนตัวอย่างหมายมาดถลกหนังหัวสตรีทั้งสองอย่างเลือดเย็น
เสียงตบตีกันพลันดังสนั่น ลั่นสะเทือนเรือนพัก
ไม่นาน พ่อบ้านเหิงที่ได้รับรายงานก็แทบกระอักเลือด