“ฉันเจ็บ ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะคุณคิมหันต์” ปานดาวหันมากระซิบต่อว่าชายหนุ่ม แต่อาการนั้นหาได้รอดจากสายตาของรอม สองคนนี้เป็นแฟนกันจริงๆ หรือเปล่า
“คุณคิมขา วีวี่หิวแล้วล่ะค่ะ เราหาอะไรทานกันก่อนไหม” วีรดาหันไปอ้อนชายหนุ่มทันที จะให้นั่งเฉยอยู่ได้ไง ในเมื่อทั้งสามหนุ่มไม่ได้สนใจเธอเลย
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่านะ วีวี่” คิมหันต์เอ่ยออกไปอย่างตัดความรำคาญ
“ไม่ต้องหรอกคุณ วีวี่ ฉันว่าก็อยู่ทานกันทั้งหมดนี่แหละ”
“ปานดาว” คิมหันต์เอ่ยออกมาอย่างตกใจ แต่ชายหนุ่มอีกสองคนมองทั้งสองด้วยความสงสัย โดยเฉพาะรอมนั้นยิ่งสงสัยการกระทำของผู้ช่วยเลขาเขาเหลือเกิน แล้วยังอาการที่แสดงถึงความเกลียดน้องชายคนเล็กของเขาอีก มันมีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้อีกหรือเปล่า
“ท่านประธานกับท่านรองคือดิฉันขอตัวก่อนแป๊บหนึ่งนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขออนุญาตก่อนลุกจากโต๊ะ แต่ไม่ทันได้เดินก็มีมือหนึ่งดึงเธอให้กลับมานั่งลงที่เดิม
“จะไปไหน...ปานดาว” คิมหันต์ถามเสียงเข้ม ในใจกลับรู้สึกกังวลกับสีหน้าไร้ความรู้สึกของปานดาวอย่างบอกไม่ถูก
“จะบ้าหรือไงคุณคิมหันต์ ฉันจะไปห้องน้ำ ทำไมคุณมีปัญหาอะไรกับฉันอีก” ปานดาวโวยวายออกมาด้วยอารมณ์ที่โกรธคุกรุ่นขึ้นมาอีก
“เจ้าคิม ฉันว่าแกปล่อยแขนปานดาวก่อนดีกว่า” เวคินทร์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง “เอ่อ...แล้วต่อไปเราก็เรียกผมตามเจ้าคิมก็แล้วกัน ไม่ต้องเรียกท่านประธานหรอก” เขาหันไปเอ่ยกับปานดาว ในเมื่อเป็นภรรยาของคิมหันต์ ก็เท่ากับเป็นน้องสะใภ้ของเขาด้วย “แล้วอีกอย่างเรียกแทนตัวเองว่า ปาน กับพวกผมด้วยละกัน” แล้วเอ่ยเสริมอีกครั้ง
“เอ่อ...คือว่ามันไม่ดีมั้งคะ อีกอย่างดิฉันก็ไม่ได้...” ปานดาวกล่าวอย่างอึดอัด เพราะเธอกับคิมหันต์ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ เจอกันยังไม่ถึงอาทิตย์ ชีวิตเธอก็เจอแต่ปัญหา หากต้องช่วยเหลือเขาจริงๆ เชื่อเถอะว่าชีวิตที่เหลือของเธอ คงไม่มีวันพบความสุขแน่
“มีอะไรหรือเปล่า ปานดาว บอกผมได้นะ” รอมเอ่ยถามผู้ช่วยเลขาออกไปด้วยความเป็นห่วง เขาไม่เชื่อเรื่องที่น้องชายบอกแม้แต่น้อย แต่เพื่อความไม่ประมาท เขาควรเงียบเอาไว้ แล้วรอดูเหตุการณ์ไปก่อน
“ท่านรองค่ะ คือว่า...” ปานดาวเอ่ยออกไปพร้อมกับยิ้มหวานให้รอมกับเวคินทร์ โดยที่หญิงสาวไม่ได้รู้เลยว่าชายหนุ่มสองคนนี้คิดอย่างไรกับเธอ แต่จากที่เธอดูแล้วท่านรองน่าคุยกว่าคนอื่นๆส่วนท่านประธานดูจะขรึมไปหน่อย
“ไม่เป็นไร ยังไงต่อไปเราก็จะมาเป็นสะใภ้เล็กของบ้านนี่นา” เวคินทร์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเหมือนจะต้องการให้น้องชายคนรองตัดใจจากหญิงสาวด้วย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้องชายเขาสองคนถึงมาชอบผู้หญิงคนเดียวกันได้ สำหรับน้องชายคนรองชอบหญิงสาวลักษณะปานดาวนี่ก็ไม่แปลกเพราะมันชอบผู้หญิงลักษณะนี้อยู่แล้ว แต่เจ้าน้องชายคนเล็กของเขานี่สิตั้งแต่มันโตมายังไม่เคยเห็นผู้หญิงของมันนิสัยแบบปานดาวสักคน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“แล้วนี่เราเรียนจบอะไรมา” เวคินทร์เอ่ยถามปานดาวออกมาอีกครั้ง
“แม่นี่เขาบอกว่าเขาจบโทมาค่ะพี่คิงส์” วีรดาเอ่ยเรียกบอกชายหนุ่มอย่างสนิทสนมโดยที่เธอไม่ได้สนใจสายตาเฉยชาของเวคินทร์เลย
“จบปริญญาโทมาเหรอ” เวคินทร์เอ่ยออกไปอย่างแปลกใจ
“แล้วทำไมในใบสมัครบอกว่าเราจบแค่ปริญญาตรีล่ะ” รอมถามขึ้นมาทันทีด้วยความสงสัย
“คือจริงๆ ปานจบโทมาได้ปีกว่าแล้วค่ะ แต่ตอนไปสมัครงานเขียนไปในใบสมัครงานว่าจบโทมาแล้ว มีหลายบริษัทเขาไม่รับนะคะ ตอนเขียนใบสมัครเข้าที่บริษัทก็เลยระบุแค่ปริญญาตรีค่ะ” ปานดาวตอบพร้อมกับก้มหน้านั่งจับมือตัวเอง
“แล้วนี่เราจบโทด้านอะไรมา” เวคินทร์เอ่ยถามหญิงสาวด้วยความทึ่งและแปลกใจในตัวหญิงสาวเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้รุกอะไรเธอมากมาย
“แล้วตอนนี้เราอายุจริงๆ เท่าไร” รอมเอ่ยถามต่อทันที
“คือ ปานจบโทด้านบริหารมาค่ะ อายุ 27” ปานดาวตอบออกมาพร้อมกับหันไปจ้องหน้าหญิงสาวตัวต้นเหตุที่นั่งอยู่ข้างชายหนุ่มตัวปัญหา
“อืมม์ เรื่องประวัติไม่ได้โกหกครับพี่คิงส์” รอมหันไปบอกพี่ชาย แล้วหันกลับมามองหน้าผู้ช่วยเลขาเขาด้วยความรู้สึกทึ่งในตัวหญิงสาว
“แล้วนี่แกรู้หรือเปล่าเจ้าคิมว่าเมียแจบอะไรมา” เวคินทร์หันไปถามน้องชายคนเล็กทันทีเหมือนกัน เมื่อได้รับรู้ถึงประวัติของสะใภ้คนเล็ก ซึ่งทำให้เขายิ้มกว้างทีเดียวอย่างน้อยไอ้น้องชายตัวดีก็หาเมียที่มีความรู้ความสามารถได้มากขนาดนี้
“นี่พวกพี่คิงส์กับพี่รอมจะยอมให้แม่นี่โกหกอีกหรือคะ บางทีแม่นี่อาจจะโกหกมากกว่านี้ก็ได้นะคะ” วีรดาเอ่ยออกมาด้วยความแค้น
“ถ้ายังอยากนั่งอยู่ตรงนี้ก็กรุณาหุบปากซะ ถ้าไม่อยากถูกตบ” ปานดาวเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย ทำไมต้องมานั่งให้บุคคลที่เธอไม่คุ้นเคยเข้ามาสอบถามหรือชักประวัติเธอซะขนาดนี้ แล้วยังสายตาของผู้หญิงที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้อีก
“ดูสิคะ พี่คิมขา มันด่าวีวี่” วีรดาหันไปอ้อนชายหนุ่มทันทีที่โดนผู้หญิงที่บังอาจมาแย่งคนที่เธอหมายปองตอกกลับ
“ผมว่าคุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ แค่คุณอยู่ใกล้ผมแบบนี้ ภรรยาผมก็โกรธผมจะแย่แล้ว...ถือว่าผมขอร้องเถอะวีวี่”
“แต่วีวี่ก็เป็นเมียคุณคนหนึ่งเหมือนกัน วีวี่ไม่ยอมหรอก” หญิงสาวยังคงลอยหน้าลอยตา โดยไม่สนใจสายตาของสองหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวเลยด้วยซ้ำ
“ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอระหว่างเรื่องของเรา” คิมหันต์เอ่ยออกไปพร้อมกับหันไปมองหญิงสาวอีกคนทันทีด้วยความหนักใจ
“คุณเวคินทร์กับคุณรอมคะ คือว่าปานขอตัวดีกว่าค่ะ อยู่ตรงนี้นานรับรองว่าไม่ยัยชะนีน้อยก็น้องชายคุณเวคินทร์กับคุณรอมอาจจะโดนปานเชือดทิ้งก็ได้” ปานดาวเอ่ยออกไปเมื่อเห็นยัยชะนีน้อยที่เธอเป็นคนตั้งชื่อให้ยังคงเกาะน้องชายคนเล็กของเจ้านายเธออยู่ไม่ห่าง
“อ้าว ไหนว่าเราจะไปทานข้าวด้วยกันไง ปาน” คิมหันต์หันมาถามหญิงสาวทันทีแต่เขาไม่สามารถเดินมาได้เพราะหญิงสาวอีกคนยังคงกอดเขาแน่น
“ฉันคงไม่กล้าไปไหนกับคุณหรอกค่ะ คุณคิมหันต์ อืมม์...แล้วก็คุณวีรดา ทางบ้านคุณเขาไม่สอนมารยาทหรือสมบัติผู้ดีบ้างหรือคะ ถึงได้ทำกริยาแบบนี้กลางสาธารณะชน การศึกษาไม่ได้ช่วยให้ความคิดคุณพัฒนาเลยเหรอ ดิฉันอายแทนพ่อแม่คุณจริงๆ” ปานดาวเอ่ยจบก็หันไปกล่าวขอโทษเจ้านายหนุ่มทั้งสองแล้วก็ลุกขึ้นหันหลังเดินออกมาจากร้าน
“ ปล่อยผมเสียทีผมรำคาญ”
คิมหันต์เอ่ยออกมาอย่างเกรี้ยวกราดแต่ไม่มีทีท่าเลยที่หญิงสาวคนนี้จะออกห่างจากเขา
“พี่คิงส์กับพี่รอมจะไปไหนครับ”
“ฉันก็จะไปแล้วเหมือนกับ ปานดาวรอพี่ด้วย” รอมเอ่ยออกมาหลังจากนั่งอยู่นาน ‘ใช่เขาสะใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าผู้ช่วยเลขาเขาจะฝีปากสุดยอดขนาดนี้ เมื่อกี้เธอพูดออกมาแต่ละคำ ทำเอาเขาสะอึกไปเลย ด่าได้เจ็บแสบมาก’
“พี่คิงส์ล่ะครับจะไปกับผมหรือเปล่า”
“ไปสิ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะเดินตามปานดาวเขาไม่ทัน”
เวคินทร์เอ่ยออกมาพร้อมกับลุกขึ้นตามน้องชายคนรองออกไปจากร้านเช่นกัน เวคินทร์นั่งฟังคำพูดที่ผู้ช่วยเลขาของน้องชายพูดแล้วสะอึกไปเหมือนกัน เขาก็ไม่คิดว่าผู้ช่วยเลขาของน้องชายคนรองเขาฝีปากกล้าได้ขนาดนี้ เขาหันมองน้องชายคนเล็กอีกครั้งก็พบว่ายังคงทะเลาะกับยัยชะนีน้อยที่ผู้ช่วยเลขาของน้องชายคนรองเขาตั้งฉายาเอาไว้
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...