“คุณขวัญครับ นักสืบที่ผมสั่งให้ตามหมอภามกับคุณเกลพึ่งส่งรูปถ่ายมาอัปเดตครับ” ทนายจิรัสย์ยื่นสมาร์ตโฟนไปตรงหน้าของขวัญ
เป็นรูปถ่ายนายแพทย์ภามกับผู้หญิงอีกคนของเขากำลังเลือกซื้อของใช้เด็กอ่อนด้วยกัน..
นักสืบของจิรัสย์ทำงานดีจริงเชียว ขนาดมือภามที่วางแนบประคองแผ่นหลังกีรติยังอุตส่าห์ถ่ายเก็บรายละเอียดมาให้เมียแต่งอย่างเธอได้ดู
ทั้งที่ทำใจไว้แล้ว ทว่าพอได้เห็นสิ่งที่กำลังเป็นไป หัวใจกลับเจ็บปวดราวกับถูกใครบางคนฉีกออกเป็นชิ้น
ยิ่งขยายรูปถ่าย ซูมเข้าไปจนเห็นแววตาสามีที่เต็มไปด้วยความสุข ความรู้สึกของขวัญก็ยิ่งย่อยยับ
ไม่.. เธอต้องยินดีกับพี่ภามสิของขวัญ
“ถ้าคุณขวัญจะฟ้องหย่า ผมมั่นใจว่ายังไงเราก็ชนะ” หลักฐานทุกอย่างมัดตัวนายแพทย์ภามแน่นว่าสามีของขวัญมีผู้หญิงอีกคน
“ไม่ค่ะ ขวัญไม่จำเป็นต้องฟ้องหย่า” เพราะถึงอย่างไรภามก็ยอมหย่าให้เธออยู่แล้ว เขาไม่ต้องการเธอแต่แรก สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มอยากได้จากเธอมีเพียงทายาท ซึ่งตอนนี้ภามคงไม่จำเป็นต้องบังคับให้เธอมีลูกอีกแล้วล่ะ เพราะกีรติคงให้เขาได้แล้ว
“ไปไหนมา โทร. หาทำไมไม่รับ” ไลน์ไปก็ไม่อ่าน แถมออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เที่ยง ทว่ากลับบ้านเอาตอนเที่ยงคืน ชักจะเหลวไหลใหญ่แล้วนะของขวัญ
เป็นครั้งแรกตั้งแต่แต่งงานกับนายแพทย์ภามกระมังที่เธอกลับบ้านหลังเขา แถมสามียังมายืนเท้าสะเอวรอถึงหน้าบ้าน เป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งคู่ “ขวัญนั่งคิดงานที่ร้านกาแฟหน้าปากซอยค่ะ”
“แล้วทำไมไม่เข้าบ้าน จะไปอยู่ที่อื่นทำไม”
“พี่ภามมีธุระอะไรจะคุยกับขวัญหรือเปล่าคะ” คิ้วหนาที่พาดผ่านดวงตาคู่คมขมวดมุ่นเข้าหากัน นายแพทย์ภามมองมายังเธอด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก สามีไม่เคยพอใจอะไรในตัวเธออยู่แล้วนี่
“ทำไม ถ้าพี่ไม่มีธุระก็คุยกับขวัญไม่ได้งั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ ก็เห็นพี่เหมือนรอขวัญอยู่ ขวัญก็ถามดูเผื่อพี่มีธุระจะคุยกับขวัญ”
ที่รอไม่ใช่เพราะมีธุระ แค่อยากกินข้าวเย็นพร้อมภรรยา ทว่าเจ้าหล่อนเล่นกลับบ้านซะเที่ยงคืน ถ้าของขวัญเข้าบ้านช้ากว่านี้อีกสักครึ่งชั่วโมง เขาคงทนอยู่เฉยไม่ไหว เล่นติดต่อไม่ได้ทั้งไลน์ทั้งโทร.“อย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าไม่รับโทรศัพท์ ตอบไลน์พี่หน่อยก็ยังดี”
“เป็นห่วงขวัญ?” แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ สำหรับคนอื่นภามอาจเป็นพ่อไมโครเวฟ แต่กับเธอเขาคือกองเพลิง ห่างไกลคำว่าอบอุ่นลิบลับ
“ก็ถ้าเธอเป็นอะไรไป ย่าเอาพี่ตายแน่”
“คุณย่าไม่ทำอะไรพี่ภามหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่ด่านั่นแหละ อย่าลืมสิว่าพี่เป็นหลานแท้ๆ แต่ขวัญไม่ใช่ซะหน่อย ขวัญเป็นแค่หลานสะใภ้จะไปสำคัญสู้หลานในไส้อย่างพี่ภามได้ยังไงกัน”
ของขวัญเดินเข้าไปควงแขนสามี ออเซาะอย่างที่ชอบทำ เก็บความช้ำไว้ลึกสุดหัวใจ อยากให้ช่วงเวลาสุดท้ายของการได้ชื่อว่าเป็นภรรยานายแพทย์ภามเป็นที่น่าจดจำของเราสอง
อีกอย่างเธอไม่ต้องการทะเลาะกับเขา เพราะวันนี้ทั้งวันเหนื่อยกับเรื่องราวต่าง ๆมามากพอแล้ว
แม้รูปถ่ายเมื่อตอนกลางวันที่ได้เห็น ทำเอาความรู้สึกแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี แต่ของขวัญรู้ว่าต้องจัดการตัวเองยังไง ถึงเจ็บจนต้องแอบร้องไห้คนเดียวในรถยนต์เป็นชั่วโมง พอหยุดร้องก็ไปนั่งเป็นนางเอกเอ็มวีต่อที่ร้านกาแฟเพื่อทำใจก่อนกลับมาเจอหน้าภาม แต่ไม่เป็นไร เธอไหว
เรียกได้ว่ารักเอง เจ็บเอง และปลอบใจตัวเองเอง ซึ่งพอเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้ดีขึ้นอะไรนักหรอก แค่ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นแล้วเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเข้มแข็ง แต่ไม่เหลือน้ำตาให้ไหลออกมาแล้ว
ไม่สิ! นังของขวัญคนนี้มันสตรองเหมือนสีทนได้ต่างหากล่ะ
“คุณย่ารักขวัญมาก ขวัญก็รู้นี่” ของขวัญเป็นลูกสาวของฟุ้งเฟื่อง ฟุ้งเฟื่องเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทที่คุณย่ารักมาก แถมฟุ้งเฟื่องยังเป็นผู้หญิงที่ย่าอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ แต่สุดท้ายคุณหญิงชิดสมัยก็ไม่สมหวังเพราะทั้งนายแพทย์วาโยและฟุ้งเฟื่องต่างก็มีคนของใจกันอยู่แล้ว แม้ตอนนั้นผู้ชายของฟุ้งเฟื่องไม่ใช่ดำรงธรรม ทว่าก็ไม่ใช่นายแพทย์วาโยที่แม่ของขวัญชอบพอ
“แต่รักพี่ภามมากกว่าแน่นอน” เธอเอนศีรษะอิงแอบแนบแขนแน่นหนั่นของสามีที่อีกไม่นานจะกลายเป็นแค่อดีต “พี่ภามท้องร้อง หิวเหรอคะ”
“พี่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”
“อ้าว ทำไมไม่กินล่ะคะ” ก็นึกว่ากินกับผู้หญิงคนนั้นจากนอกบ้านมาเรียบร้อยแล้วซะอีก
“แล้วนี่ขวัญกินอะไรมาหรือยัง กินเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”
“ได้สิคะ พี่ภามชวนทั้งที ขวัญจะปฏิเสธได้ยังไง”