บทที่ ๒ ก็บอกแล้วว่าไม่ยอม
เสียงห้ามล้อรถดังขึ้น ร่างที่กระโดดมาขวางหน้ายกมืออุดหูกันเสียง แปลกที่ไม่กลัวตายแต่กลัวเสียงดังที่ได้ยิน
“จะบ้าหรือไง” พระแสงบีบแตรไล่ เมื่อเห็นว่าตนเองไม่ได้ชนคนที่กระโดดมาขวางรถ จึงไม่จำเป็นต้องลงไปดู คนนั้นรีบเอามือลงแล้วเดินมาหา เขารีบลดกระจกลงทันทีเมื่อเห็นหน้าชัดว่าใคร
“อยากตายหรือไง” เขารีบละคำหลังไว้
ตอนเด็กเรียกพี่ช้อน พอโตขึ้นมาเขาเรียกพี่บ้าง เจ้บ้าง ตามช่อม่วง แต่หลังเกิดเรื่องนั้นขึ้นเขาละอายปากหากเรียกหล่อนว่าพี่อีกต่อไป
“ตายแน่ แต่เป็นนายนะ ลงมาคุยกันก่อน” หล่อนบอกแล้วเปิดประตูรถแต่ติดล็อก และเจ้าของไม่มีทีท่าว่าจะเปิดลงมาเอง
“หรือนายอยากรับกรรมเลี้ยงลูกใครก็ไม่รู้ไปตลอดชีวิต” คำพูดของช้องนางทำให้ชายหนุ่มพยักหน้า
“เอารถไปเก็บก่อนได้ไหม ไปรอที่เรือนสิ เดี๋ยวผมตามไป”เขารู้ว่ายายต้องเป็นคนบอก และยายก็ต้องรู้ว่าช้องนางจะมาพูดกับเขาเรื่องอะไร ดีไม่ดีช้องนางอาจรับไม้ต่อมาจากยายเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนหล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ยายยอมให้เข้าใกล้เขา คงเพราะอายุที่มากกว่าและถือเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย ทั้งยังเป็นพี่สาวของช่อม่วงคนเคยชอบพอกัน
ช้องนางทำตามอย่างว่าง่ายโดยเดินไปรอเขาที่เรือนริมน้ำ เมื่อพระแสงจอดรถเข้าที่แล้วจึงเดินตามไป หากตาไม่ฝาดจะเห็นยายมาลัยโผล่หน้ามาทางหน้าต่างชั้นสองของบ้านแล้วผลุบหายไป ไม่ว่ายายมาลัยจะมาสมทบหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก
ฉันรอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย...
ช้องนางอดคิดไม่ได้เมื่อเดินมารอเขาตรงนี้แทนที่จะขึ้นไปนั่งรอที่ชานเรือน ไม่นานพระแสงก็เดินตามมาพร้อมกล่องอาหารกับขวดน้ำดื่ม
“อะไร ยังไม่กินข้าวหรือ”
“ครับ กินมั้ย” เขานั่งไขว่ห้าง วางขวดน้ำใกล้ตัว แล้วเปิดกล่องอาหารกลิ่นคุ้นเคยพลางยื่นมาชวน แต่ช้องนางส่ายหน้า
โถพ่อคุณของพี่นั่งไขว้หาง เอ๊ย! ไขว่ห้างก็หล่อ
“ตามสบาย อุ่นให้มั้ย” หล่อนอาสา แต่เขาไม่รับความหวังดี
“ไม่เป็นไร ผมกินได้ ว่าแต่มีเรื่องอะไรจะพูดกับผมละ” ถามพลางตักข้าวไข่เจียวที่ไม่ต้องราดซอสพริกเข้าปากเป็นข้าวกล่องที่หิ้วมาจากร้านข้างทางเพราะไม่อยากรบกวนครัวร้านช่อม่วงหรือคนในบ้าน แม้จะรู้ว่าแม่ครัวและยายมาลัยพร้อมจะให้รบกวนเสมอ แต่ความอาทรมักมาพร้อมกับคำสั่งสอนหรือเขาอยากเรียกว่าค่อนแคะไปถึงความเสเพลของคนบนฟ้าทุกครั้งจนเขาไม่รู้ว่าทำไมยายถึงเกลียดพ่อนัก เมื่อไม่อยากฟังคำตำนิเหล่านั้นเขาก็เลิกรบกวนไปโดยปริยาย
“ยายบอกให้เราแต่งงานกัน”
ข้าวในปากพุ่งพรวดใส่หน้าคนพูด
“ขอโทษๆ” เขารีบวางกล่องข้าวแล้วลุกไปเช็ดหน้า ปัดเศษข้าวเศษไข่ที่แปะติดหน้าช้องนาง ก่อนควักผ้าเช็ดหน้ามาเทน้ำจากขวดใส่ บีบหมาดแล้วเช็ดอีกรอบ
“พอๆ” หล่อนรีบบอกพลางดึงมือเขามากำไว้ แล้วตั้งใจกำไว้อย่างนั้น
“พูดอีกทีสิ ยายว่ายังไงนะ” เขาดึงมือกลับ ขยับไปนั่งที่เดิมแต่คงกินข้าวต่อไม่ลง
“ฟังดีๆ นะ” ช้องนางถ่ายทอดเรื่องที่คุยกับยายมาลัยให้เขาฟัง
เมื่อยายมาลัยตามมาไล่สาวๆ ของพระแสงออกจากบ้านซึ่งเป็นเรื่องปกติ จนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว แต่ครานี้แม่สาวคนนั้นไม่ยอมไป ยืนกรานว่าพระแสงอนุญาตให้อยู่ด้วยเพราะหล่อนกำลังท้องลูกของเขา ตอนนั้นยายมาลัยไม่อาจปลุกหลานชายขึ้นมาสอบถามความจริงได้
“เพราะนายเมาเหมือนหมา”
“ไม่เหมือนเสียหน่อย” เขาเถียงอ้อมแอ้ม แต่รู้ตัวว่าเมื่อคืนเมาหนักมาก เพราะช็อกกับเรื่องที่ดาริกานักแสดงสาวที่กำลังโด่งดังบอก แน่นอนเขาจะเป็นคนดับอนาคตของหล่อนด้วยความสัมพันธ์ฉาบฉวยไม่ได้
ช้องนางทำเสียงไม่พอใจแล้วค้อนส่ง ก่อนเล่าต่อ
ยายมาลัยไม่เชื่อว่าหลานชายจอมเจ้าชู้จะพลาดทำผู้หญิงท้องได้ เพราะเตือนเรื่องการป้องกันอยู่ตลอดตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่นมีความต้องการตามธรรมชาติ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้ แม้จะมีหญิงสาวมาร้องแรกแหกกระเชออยากเป็นคู่ผัวตัวเมียกับพระแสงแบบจริงๆ จังๆ อยู่บ้างการที่ผู้หญิงพวกนั้นทำตัวง่ายๆ ยอมนอนกับเขาง่ายดาย จึงไม่มีสิทธิ์ร้องขอความรับผิดชอบหรือความผูกพันใดๆ
แต่ดาราคนนี้ยืนกรานว่าท้องกับเขาและต้องการให้เขารับผิดชอบด้วยการแต่งงาน เพราะหล่อนเป็นนักแสดงมีหน้าตาชื่อเสียงในวงสังคม เขาจะฟันแล้วทิ้งเช่นผู้หญิงอื่นๆ ไม่ได้
“เมื่อยายจัดการไม่ได้ ฉันเลยต้องลงมือเอง” หล่อนพูดแล้วยิ้ม
“ทำยังไง ถ้าเขาท้องกับผม ผมก็ต้องรับผิดชอบ ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษพอ”
“เหรอ!” หล่อนค้อนใส่อีกรอบ ค้อนด้วยเหตุผลส่วนตัวที่คิดว่าคงไม่มีใครรู้ ก่อนตัดใจพูดต่อ “เราคุยกันแล้ว หมายถึง ยาย ฉันแล้วก็ผู้หญิงคนนั้น ยายยินดีรับเด็กคนนั้นถ้านังนั่นไปตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าลูกนายจริง”
“หลังคลอดนะหรือครับ”
“ใช่”
“แล้วใครจะอุ้มท้องรอ”
“ถ้าอยากได้นายก็ต้องรอ”
“อ้าว! ก็คุณบอกว่ายายให้เราแต่งงานกัน ยังไง” เขางง
“นายนอนกับมันกี่ครั้ง” หล่อนลดระดับคำที่ใช้เรียกบุคคลที่สามต่ำลงเรื่อยๆ เพราะเกลียดผู้หญิงทุกคนที่บังอาจเข้ามาข้องแวะกับเขา ผู้ชายที่ตีตราจองไว้ในใจตั้งแต่เล็กๆ ผู้ชายที่เกือบได้มาครอบครองเป็นสมบัติส่วนตัวอยู่แล้ว
ช้องนางตัดความคิดทิ้ง จ้องตาเขาเพื่อรอคำตอบ แต่พระแสงกลับหลุบตาหนีแล้วบอกเสียงค่อย
“ครั้งเดียว”
“ครั้งเดียว! แล้วคิดว่ามันใช่ลูกนายไหม”
“คุณช้องก็รู้ว่าครั้งเดียวก็มีสิทธิ์ท้องได้ถ้า”
“ซวย” หล่อนเติมให้ “เอาเถอะถึงยังไงมันก็ต้องรอคลอดลูกก่อนแล้วตรวจดีเอ็นเอ ระหว่างนี้ยายมาลัยบอกให้เราแต่งงานกัน จะได้ไม่มีชะนีหน้าไหนมาอ้างสิทธิ์ความเป็นเมียนายอีก”
พระแสงมองหน้าช้องนาง หล่อนพูดเหมือนการแต่งงานเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันไม่ได้สลักสำคัญอันใดเลย แต่ก็รู้ว่าหล่อนทำเพื่อเขาตามคำขอของยายมาลัย
“พูดง่ายจัง แต่งงานทั้งที่ไม่ได้รัก แต่งเพื่อกันคนอื่นเข้ามาวุ่นวายนี่นะ”ยังไงเขาก็คิดว่ามันง่ายไป ซึ่งคงไม่มีใครคิดจะทำเช่นนี้
ทำไมจะไม่รักละ ช้องนางอยากตะโกนกรอกหูเขานัก
“ใช่” หล่อนพยักหน้า
“แล้วทำไมยายถึงเลือกคุณ”
เพราะฉันสวยมั้ง หล่อนอยากบอกไปแบบนี้ ทั้งที่จริงแล้วคือหล่อนไม่รู้ว่าทำไมแค่เสนอตัวเล่นๆ แต่ยายมาลัยกลับยอมจริงๆ เพียงแต่ต้องทำตามข้อตกลงของแกอย่างเคร่งครัด
“ต้องแต่งกับแม่ช้องนี่แหละคนอื่นจะได้ไม่มาวุ่นวาย แล้วแกก็ไม่ต้องเสี่ยงถูกไล่ออกจากงาน” ยายมาลัยให้คำตอบ พร้อมเดินมาหา สองคนรีบลุกขึ้นเหมือนรอต้อนรับบุคคลสำคัญ
“ถ้าผมไม่” พระแสงตั้งใจจะปฏิเสธแต่เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของช้องนางดังขึ้นเสียก่อน หล่อนหันมายิ้มเจื่อนๆ แล้วรีบเดินห่างออกเล็กน้อยเพื่อพูดสาย
“อะไรนายมังกร ป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก”
พระแสงได้ยินชื่อคนที่โทรมาหาช้องนาง แต่ไม่ได้ยินว่าต่อมานั้นสนทนาอะไรกัน เพราะเหมือนหล่อนตั้งใจลดเสียงลงและเดินห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ไม่นานหล่อนก็เดินกลับมาพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ แล้วย่อตัวลงนั่ง แต่นั่งไม่ทันติดพื้นก็เด้งขึ้นยืนตรงตกใจกับคำตกลงง่ายดายของพระแสง
“ครับแต่งก็แต่ง แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”
“ไม่ต้องทำอะไร ยายกับแม่ช้องจัดการเอง ขอบใจนะที่ว่าง่ายแบบนี้ กินข้าวต่อเถอะ ยายไปนอนแล้ว” ยายมาลัยยิ้ม โล่งใจไปโข ก่อนหันไปมองช้องนางที่ยังยืนค้างเก้อๆ เขินๆ
“ยังไม่กลับหรือ”คำถามแบบนี้ไม่ต้องฉลาดก็รู้ว่าไล่
“กลับค่ะ” ตอบตะกุกตะกัก แล้วชี้ไปทางท่าน้ำ ที่มีช่องทางเล็กๆ พอให้เดินผ่านไปบ้านหล่อนได้ไม่ต้องอ้อมไปด้านหน้าซึ่งหล่อนใช้เป็นประจำ ก่อนหันไปสบตาว่าที่เจ้าบ่าว ยอมรับว่าแปลกใจเล็กน้อยที่เขาตกลงง่ายดาย โดยหล่อนกับยายมาลัยไม่ต้องเหนื่อยกับการบังคับขู่เข็ญ
“ฝันดีนะ” มันเป็นคำลาที่เอ่ยเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี เพื่อให้ตนเองละสายตาจากเขา
“โทรมาทำไมดึกๆ”
“ใคร อ๋อ เจ้ามังกรนะหรือ”
“อือ”
“ไม่มีอะไร โทรมาขอบคุณที่ฝากขนมไปให้ ไปนะ ฝันดีนะ” เอ่ยลาอีกครั้ง มองเขานานกว่าจะตัดใจหันหลังเดินจากมา
ใช่ หล่อนหักห้ามใจตัวเองให้จากมาได้ยากนัก และเป็นเช่นนี้ทุกครั้งยามพบปะกัน ช้องนางจะต้องรอให้เขาหันหลังให้แล้วเดินจากไปเอง
เหมือนครั้งนั้น