เมื่อกลับเข้าห้องนอน ช้องนางก็กระโดดขึ้นเตียงกรีดร้องดีใจแต่ใช้ผ้าห่มปิดเสียงเอาไว้ กลัวคนจะตกใจตื่นเพราะดึกดื่นแล้ว แต่หล่อนไม่ได้กลัวถูกตำหนิที่ดีใจจนเนื้อตัวสั่นเรื่องจะได้แต่งงานกับน้องชายข้างบ้าน ที่เฝ้าแอบมองมานมนาน
“สมหวังเสียที สมหวังเสียที สมหวังแล้ว รักนายนะพระแสง รักจริงๆ” หล่อนทำได้แค่พูดคนเดียว เพราะไม่กล้าบอกรักเขาต่อหน้าแม้มีโอกาสหลายครั้ง เพราะกลัวเขาจะคิดว่าใช้คำรักมาเป็นบ่วงรัดร้อยเขาไว้
แค่คำรัก มันไม่แรงเท่าเอาเด็กในท้องมาจับนายเสียหน่อย ทำไมต้องกลัว
“ฉันรักนายนะพระแสง” หล่อนตะแคงไปบอกข้างหู เรียกว่ากรอกหูคงจะถูกกว่า
ใช่บอกรักกรอกหูเจ้าบ่าวที่เมาหมดสภาพอยู่บนเตียงหลังผู้ใหญ่ที่มาทำพิธีส่งตัวออกไปแล้ว
ช้องนางลุกขึ้นนั่ง ยังคงมองเสี้ยวหน้าของเจ้าบ่าวสุดหล่อ อยากมองนานๆ อยากให้เขาตื่นมาสบตามองตาหล่อนบ้างจะได้รับรู้ความในใจ แต่อดถามตัวเองไม่ได้ว่าหากเขาไม่เมาหลับเช่นนี้หล่อนจะกล้าพูดคำว่ารักไหม
พระแสงขยับตัวดึงทึ้งเสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวที่หล่อนเป็นคนไปหาเช่ามาให้เขาใส่ตามลำพัง จะว่าไปแล้วหล่อนจัดการทุกอย่างทั้งชุดแต่งงานของบ่าวสาวจ้างบริษัทมาจัดงานแต่งงาน ของชำร่วย แม้กระทั่งขบวนขันหมากหล่อนก็เป็นคนขอร้องเพื่อนๆ ของเขาด้วยตนเอง
เป็นการแต่งงานที่เข้าเนื้อเจ้าสาวที่สุดก็ว่าได้
“เช็ดตัวเสียหน่อยนายจะได้หลับสบาย” หล่อนลงจากเตียงแล้วต้องเดินไปเปิดประตูห้องนอนเพราะมีเสียงเคาะ
ไหนบอกว่าเข้าหอแล้วห้ามออกไปนอกห้องไง แล้วนี่ใครมาเรียก
“ใครคะ” ช้องนางกลัวเสียฤกษ์จึงใช้วิธีถามข้ามประตู
“ยายเองไม่ต้องเปิดประตูหรอก”
“ค่ะๆ มีอะไรคะ”
“อย่าลืมที่ตกลงไว้นะ ที่นอนชุดเล็กอยู่ใต้เตียงนั่นแหละ” ยายมาลัยพูดแค่นี้แล้วเงียบเสียงไป
ช้องนางนิ่งฟังจนได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไปช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮ้อ
หวงหลานชายจริง ขนาดคืนเข้าหอยังมาย้ำเตือนข้อตงลงถ้าทำได้แกคงมานอนขวางอยู่บนเตียงแล้วกระมัง
ไม่น่าตกลงทำเรื่องโง่ๆ เลยช้องเอ๋ย มีอย่างที่ไหนยอมแต่งงานแค่ในนามห้ามแอ้มคุณพระ แต่เอาวะถึงไม่ได้แอ้มคืนนี้ก็ได้ลวนลามลูบคลำ
หล่อนจัดแจงถอดชุดเจ้าบ่าวของเขาออกจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อนเพื่อเช็ดตัวให้ แต่กลับเขินเสียเองจึงต้องหาผ้าขนหนูมาคลุมตรงกลางร่างกายเขาไว้แล้วสอดมือเข้าไปเช็ดส่วนนั้น
หน้าแดงทำไม ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเสียหน่อย เลิกอายแล้วแอ้มมันเลยดีไหม ท่าทางจะสู้มือเสียด้วย
ใจเย็นๆ ช้องนาง ยังไงหล่อนก็เป็นผู้หญิง รอให้เขามาข่มขืนเองเถอะ อดใจไว้ อดใจไว้
พระแสงลืมตาขึ้นมองหลังเจ้าสาวของตนล้มตัวลงนอนข้างเตียง เขาแอบมองในความสลัวของห้องเห็นหล่อนนอนมองเขาครู่ใหญ่ก็หลับสนิทเพราะมีเสียงหายใจสม่ำเสมอให้ได้ยิน เขาไม่ได้เมาจนหมดสภาพ แค่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวใดๆ ในเมื่อยอมเดินตามเกมของยายแล้วก็ต้องทำต่อไปให้สุด เขารู้เหตุผลที่ช้องนางเสนอตัวและเขามีเหตุผลในการยอมรับครั้งนี้ แต่เขาไม่รู้เหตุผลของยายมาลัยที่เลือกช้องนาง เพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่ยายอยากได้มาเป็นสะใภ้นัก
ยายมาลัยเคยเปรยว่าช้องนางกระโดกกระเดกผิดพี่ผิดน้องไม่แปลกที่ไม่มีหนุ่มๆ มาสนใจจนต้องเป็นสาวแก่ขึ้นคาน แต่ช่อม่วงเคยเล่าให้ฟังว่าพี่สาวตนเองไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกสิ้นผู้ชายมานิยมชมชอบเสียเมื่อไหร่ ช้องนางเคยหักอกผู้ชายมาแล้วสามสี่คนตั้งแต่เรียนมัธยมปลายจนรายล่าสุดก็ครูโรงเรียนเดียวกันแต่จะว่าไปแล้วยายมาลัยก็ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนของเขาเลย
พระแสงขยับลงจากเตียงเมื่อช้องนางพลิกตัวแล้วผ้าห่มเลื่อนหลุด เจ้าตัวขยับมือไปกอดซุกไว้ที่ซอกคอบอกอาการหนาวเย็น ชายหนุ่มเลื่อนผ้าห่มมาคลุมให้ถึงคอแล้วอดพิศมองเสี้ยวหน้าของหล่อนไม่ได้
ภาพหนึ่งในความทรงจำอันแสนนานแย้มพรายขึ้นมา
ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมที่ระแก้มหล่อนออกโดยไม่รู้ตัว แต่คนถูกเกลี่ยกลับรับสัมผัสได้และตื่นลืมตาโพรง ก่อนจะผลักเขากระเด็น
“ว้าย! จะทำอะไร”
อ้าว! คุณพระหรอกหรือ โหทำเถอะๆ
หล่อนนึกเสียดายยามเห็นชัดว่าเป็นใคร ทั้งอดตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าไม่น่าโวยวายเลย
อดกินของดีเลยแกนังช้อง
ช้องนางลุกขึ้นนั่งแล้วส่งมือไปช่วยฉุดคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่ไม่ไกล แต่พอเขาขยับยืนขึ้นด้วยตนเอง หล่อนก็กรีดร้องตกใจแต่เอามืออุดปากเอาไว้แล้วหลับตาปี๋
พระแสงรีบกระโดดขึ้นเตียงแล้วดึงผ้ามาคลุมกันอุจาดตาพลางแกล้งถาม
“ใครแก้ผ้าผม”
“นายเมา นายแก้ของนายเองนั่นแหละ นอนเถอะๆ ง่วงแล้ว” ช้องนางไม่ได้หันมอง รีบลดตัวลงนอนหันหลังให้เขาทันที จึงไม่เห็นว่าคนบนเตียงกำลังคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วทำไมคุณไปนอนตรงนั้นละ”
“เหม็นเหล้า นอนเถอะ ราตรีสวัสดิ์” ต้องโกหกออกไปทั้งที่ต่อให้เขาจมในบ่อเหล้าหรือบ่อขี้หล่อนก็กล้านอนใกล้โดยไม่รังเกียจใดๆหล่อนได้ยินเสียงเออออของคนบนเตียงจากนั้นห้องก็เงียบกริบ เงียบจนเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว
เสียงคุ้นเคยปลุกช้องนางให้ตื่นทั้งที่อยากทิ้งตัวให้จมอยู่บนที่นอนนุ่มอีกสักพักใหญ่ หรือนานที่สุดเท่าที่ทำได้ยิ่งดี เพราะเหนื่อยสะสมมาหลายวันจนกระทั่งได้หลับพักผ่อนทั้งคืนแล้วยังไม่อิ่มพอ
ช้องนางตัดใจลุกขึ้นนั่ง มองหาเจ้าของเสียงซึ่งเห็นทันทีว่าเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้หน้าต่างที่ไขม่านออกกว้างปล่อยให้แสงส่องเข้ามาเต็มที่
จากแสงจ้าที่ลอดเข้ามาบอกว่าสายแล้ว
“ตายแล้ว!” หล่อนเผลอร้องตกใจ ก่อนตะครุบปากปิดเสียงแต่ไม่ทันแล้วเพราะพระแสงหันมามองสีหน้าตกใจ เหมือนเขากำลังคุยความลับกับใครแล้วถูกจับได้
“ขอโทษ” หล่อนพูดเสียงเบาหวิวแต่ไม่มีความสำนึกผิดบนใบหน้าเพราะคิดว่าเขาต่างหากต้องสำนึกผิดที่แอบคุยโทรศัพท์ กับใครหล่อนไม่รู้ รู้แต่หึง
ก่อนทั้งสองจะหันไปทางประตูที่มีเสียงเคาะดังๆ
“ตื่นกันหรือยัง”
“ยายมา” พระแสงพูดเสียงเบาหวิว รีบวิ่งมาอุ้มช้องนางไปโยนบนเตียง ดึงผ่ามาห่มให้ดูเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนแล้วดันเครื่องนอนที่หล่อนนอนข้างเตียงไปไว้ใต้เตียง
“เดี๋ยวยายสงสัย” เขายังอุตส่าห์หันมากระซิบก่อนเดินไปเปิดประตู
โถ พ่อคุณของพี่ ช่างไม่รู้เลยว่ายายนี่แหละสั่งให้พี่นอนข้างเตียง
“เพิ่งตื่นครับ” พระแสงบอกเมื่อเปิดประตู เห็นยายมาลัยที่มองผ่านเขาไปชะงักเล็กน้อย แววตาเหมือนถือโกรธใครมาแต่เป็นชั่วแวบสั้นๆ เท่านั้น ก่อนหันมามองหน้าเขา
“ยายรอกินอาหารเช้า” แล้วเดินจากไปทันที เขารีบปิดประตูแล้วหันกลับไปพูดกับคนนั่งหน้าเหวอบนเตียง
“เหมือนยายจะเคืองที่เราตื่นสาย รีบไปอาบน้ำสิ”
“นายไปอาบก่อนสิ ฉันเก็บที่นอนก่อน”
ยายเคืองที่เห็นฉันอยู่บนเตียงต่างหาก หล่อนอยากบอกเช่นนี้
“เอาอย่างนั้นก็ได้” แต่พอเขาขยับเดิน ช้องนางก็รีบลงจากเตียงมาดักหน้า กางแขนกันไม่ให้เดินหนีอีกด้วย
“อะไร” เขาถามเสียงในลำคอ
“ใครโทรมาแต่เช้า”
“เรื่องส่วนตัวผมนะ” เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจชัดเจน
“ส่วนตัวได้ไงเราแต่งงานกันแล้ว และฉันก็ได้ยินนายเรียกว่าดาๆ ใช่แม่ดาราคนนั้นไหม”
“อ้าว รู้แล้วจะถามทำไม”
“ถามเผื่อเป็นกานดาเพื่อนฉันไง ว่าแต่มันโทรมาทำไม พูดอะไรกันนะสิ”
พระแสงส่ายหน้า แยกเขี้ยวใส่แล้วเหวี่ยงหล่อนออกให้พ้นทาง โดยไม่มีคำตอบหรือคำพูดใดๆ แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ ช้องนางยกมือเท้าสะเอวท่าทางขึงขังทว่าทำได้แค่มองโดยไม่กล้ารั้งเขาไว้
ต้องรู้ให้ได้ว่าคุยอะไรกัน ผู้หญิงอะไรหน้าด้านหน้าทน ชอบยุ่งกับผัวชาวบ้าน ช้องนางตำหนิหญิงสาวคนนั้นในใจรวมถึงผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้และคิดจะครอบครองพระแสง
จะว่าไปเราก็ทำเหมือนแย่งผัวชาวบ้าน แถมยังแย่งพ่อมาจากเด็กด้วย
“ไม่ได้แย่ง พระแสงเป็นของฉันมาก่อน” หล่อนพูดเสียงแข็ง พร้อมเชิดคางขึ้นเหมือนกับพูดใส่หน้าคนฟังตรงหน้าและแน่นอนต้องเป็นคนที่คิดจะแย่งเขาไปจากหล่อน
“บ้าหรือเปล่าพูดคนเดียวนะ”
ช้องนางหันไปค้อนกับเสียงที่ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ แม้เจ้าตัวจะไม่เห็นก็ตามที
หล่อนลงมือเก็บห้องหอ มองกลีบกุหลาบเกลื่อนพื้นเกลื่อนที่นอนแล้วอดหยิบขึ้นมาเชยชมไม่ได้ ก่อนมองเตียงขนาดใหญ่ที่ตนเองไม่มีสิทธิ์นอน ลูบมือไปในตำแหน่งที่พระแสงนอนเมื่อคืนถ้าคู่แต่งงานอื่นคืนเข้าหอเช่นนี้จะมีร่องรอยอันใดบนที่นอนขาวสะอาดนี้ไหมนะ
แต่นั่นสำหรับสาวพรหมจรรย์ที่หายากแล้วสำหรับสมัยนี้หรือเปล่าหรืออาจมีแค่ในนิยาย
หยุดๆ อย่าคิดมาก แกเลือกเองนะช้องนาง ช้องนางรีบเตือนสติตนเองก่อนน้ำตาจะรินไหล แล้วรีบกดซับหัวตา ลงมือเก็บที่นอนและปัดกวาดห้องทันที
“เราต้องออกไปพร้อมกัน เร็วๆ เข้า” พระแสงออกมาจากห้องน้ำแล้วเร่ง
ช้องนางจึงค้อนให้อีกทีแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนชะงักกับเสียงโทรศัพท์แล้วหันกลับไปมอง เห็นเขากำลังทำท่าลังเลว่าจะรับไม่รับดี ไม่รู้อะไรดลใจหรืออาจเป็นความหึงหวงตามแบบฉบับคนที่มีสิทธิ์หึงได้อย่างถูกต้องเพราะหล่อนแต่งงานกับเขาแล้ว ทำให้ช้องนางพุ่งไปแย่งโทรศัพท์เคลื่อนที่มาจากมือ
เมื่อพระแสงไม่ยอมจึงแย่งคืนการยื้อแย่งเกิดขึ้นทันที
“เอามานะ อย่ามายุ่งกับมือถือผม ปล่อย”
“ไม่ฉันต้องคุยกับมัน ให้รู้เสียบ้างใครเป็นใคร”
“ใครเป็นใครละ!”
“ก็ฉันเป็นเมียนายนี่ไงล่ะ”
ช้องนางกระชากโทรศัพท์เคลื่อนที่นั่นมาสุดแรง ทว่าปลายผ้าขนหนูที่พระแสงนุ่งอยู่กลับติดมือมาด้วย
“ว้าย! ช้างน้อย” หล่อนรีบปล่อยมือ ทั้งโทรศัพท์และผ้าร่วงลงพื้น เคราะห์ดีที่พระแสงจับชายผ้าไว้ได้ทันแล้วรีบเอามาพันตัว ส่วนตัวคนร้องตกใจนั้นวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
“น้อยตรงไหน เบ้อเริ่มขนาดนี้”