“เดี๋ยวช่วงบ่ายผมมีประชุมที่โรงพยาบาลนะ ช่วยเลื่อนนัดคนไข้ให้ผมหน่อย ส่วนคนนี้ บอกให้เข้ามาสองทุ่ม...”
“ได้ค่ะคุณหมอ”
วันต่อมา เพชรภีมที่พึ่งตรวจคนไข้รอบเช้าเสร็จเดินเข้ามาหาพยาบาลผู้ช่วยของเขาแล้วสั่งขึ้นก่อนจะยื่นเบอร์โทรของคนไข้พิเศษไปให้เธอช่วยเลื่อนนัดออกไปเป็นสองทุ่ม เพราะเขาน่าจะมาไม่ทันหกโมงเย็นอย่างแน่นอน ก่อนจะเดินออกจากคลินิกไป
“เฮ้อออ ทำไมคุณหมอของเราถึงหล่อขนาดนี้คะพี่กัญ...”
“พอเลย ไปทำงานเลยไป”
“ค่าาาาา”
พยาบาลกัญญาอดที่จะหันไปดุให้พยาบาลผู้ช่วยอีกคนที่เอาแต่มองคุณหมอหนุ่มด้วยสายตาหยาดเยิ้มแต่ก็ไม่ได้ดุเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเธอเองก็พอจะเข้าใจเพราะคุณหมอของเธอเล่นหล่อลากไส้ขนาดนั้น เป็นใครก็คงอดปลื้มไม่ได้
“มีอะไรกันรึเปล่า ทำไม ผอ.ถึงเรียกประชุมแม้กระทั่งหมอพิเศษล่ะ?”
เพชรภีมที่เดินเข้ามาในห้องประชุมใหญ่ถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะปกติแล้วเขาไม่ค่อยถูกเรียกเข้ามาร่วมประชุมถ้าไม่ใช่ประชุมทางการแพทย์ที่สำคัญจริงๆ
“อ่าว แกไม่รู้เหรอว่าวันนี้จะมีหมอคนใหม่มา เป็นถึงศาสตราจารย์จบโทที่อเมริกาเลยนะเว้ย” นายแพทย์วีระ เพื่อนสนิทของเพชรภีมบอกขึ้นอย่างรู้สึกตื่นเต้น
“แล้วแกจะตื่นเต้นทำไม แค่หมอใหม่ ก็นึกว่ามีอะไรพิเศษ”
“ก็มันพิเศษตรงที่ หมอคนนี้น่ะเป็นลูกสาวคนโตของ ผอ.ไงล่ะ จบโทมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาลัยชื่อดังของอเมริกาและเธออายุเพียง 28 ปี เป็นไง? พอจะสนใจได้รึยัง อ้ออออ อีกอย่าง สวยยังกับนางฟ้า”
หมอวีระอธิบายออกมายืดยาวแต่ไม่ได้ทำให้เพชรภีมสนใจเท่ากับประโยคสุดท้ายนั่นเลยสักนิด
“หึ! แกเนี่ยน้า พอได้ยินว่าสวยก็สนใจขึ้นมาเลยล่ะสิ นั่นลูก ผอ.เลยนะเว้ย!”
“อือ รู้น่า ใครดีใครได้สิวะ”
สองคุณหมอหนุ่มที่ค่อนข้างจะรู้ไส้รู้พุงกันได้แต่มองหน้ากันอย่างสื่อความหมาย เมื่อวีระเองก็ยังโสดและหมายมั่นปั้นมือลูกสาว ผอ.เหมือนกัน ก่อนที่สองหนุ่มจะได้โต้เถียงกันไปมากกว่านี้ คุณประจักษ์ ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลก็เดินขึ้นไปบนแท่นหน้าห้องประชุมเสียก่อน
“ที่ต้องเรียกประชุมวันนี้ ผมมีเรื่องต้องแจ้งก่อนจะเข้าหัวข้อการประชุม ผมมีศาสตราจารย์แพทย์หญิงคนใหม่จะมาแนะนำให้พวกคุณทุกคนรู้จัก เธอจะเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกศัลยกรรมที่ว่างอยู่ ศาสตราจารย์แพทย์หญิงตะวัน วงษ์วิริยะคุณ...”
พอคุณประจักษ์แนะนำเสร็จ แพทย์หญิงตะวันก็ลุกเดินไปยืนด้านหน้าทำเอาทั้งห้องต่างตกอยู่ในความเงียบเพราะทุกคนกำลังตะลึงกับความสวยสง่าของแพทย์หญิงคนใหม่ ไม่เว้นแม้แต่เพชรภีม เขาเผลอใจเต้นกับความสวยของเธอจนนั่งนิ่งค้างไม่ต่างจากคนอื่น
จากนั้นเธอก็แนะนำตัวเอง และนั่นยิ่งทำให้คนทั้งห้องประชุมต่างเริ่มซุบซิบพูดคุยเมื่อไม่เพียงแค่หน้าตาและรูปร่างของเธอเท่านั้นที่โดดเด่น แต่การศึกษาของเธอก็โดดเด่นไม่แพ้กันจนทุกคนต่างปรบมือยินดีที่ได้เธอมาร่วมงาน
“หมอภีม! ผมขอคุยด้วยหน่อยสิ”
พอเสร็จการประชุม เพชรภีมที่เดินออกมาพร้อมกับวีระก็ถูกคุณประจักษ์เรียกตัวเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยลาเพื่อนแล้วเดินตามคุณประจักษ์ไป
แกร็ก!
“อ่าว มาแล้วเหรอครับ?”
“อื้อ พอดีประชุมพึ่งเสร็จ ว่าแต่ทำไมมาเร็วจังล่ะ”
พอเปิดประตูห้องทำงานของคุณประจักษ์เข้ามา คุณพอลรภี บิดาของเพชรภีมที่นั่งรออยู่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาทักทายคุณประจักษ์อย่างสนิทสนม
“สวัสดีครับคุณพ่อ...” เพชรภีมที่เดินตามเข้ามาเอ่ยทักทายบิดาอย่างนึกแปลกใจ เพราะไม่รู้ว่าบิดาจะมาที่นี่ด้วย
“เอ้า นั่งก่อนๆ หมอด้วย นั่งลงๆเรามีเรื่องต้องคุยกันอีก รอหมอตะวันแปปนึง”
แกร็ก!
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ”
ยังไม่ทันได้นั่ง คุณหมอสาวคนสวยก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน ทำเอาเพชรภีมถึงกับนิ่งค้างเมื่อได้เจอเธออีกครั้งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“นั่งก่อนสิลูก พ่อมีคนอยากแนะนำ” คุณประจักษ์บอกออกมา
“นี่คุณอาพอลเพื่อนของพ่อ ส่วนนี่หมอเพชรภีม เป็นหมอพิเศษให้กับโรงพยาบาลของเราและเป็นลูกชายของคุณอาพอลด้วย” คุณประจักษ์แนะนำออกมา
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักและได้ร่วมงานกัน” เพชรภีมยื่นมือออกไปทักทาย ก่อนที่คุณหมอตะวันจะยื่นมาจับทักทายเขาเช่นกัน
“ยินดีเช่นกันค่ะ”
เธอบอกออกมาพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างรู้สึกเขินอายเมื่อแค่มองก็รู้แล้วว่าเขากำลังสนใจในตัวเธออยู่ ส่วนเพชรภีมเองก็ไม่ต่างกัน แค่มองเขาก็ดูออกว่าเธอเองก็สนใจในตัวเขาเช่นเดียวกันกับที่เขาสนใจเธอ ทำเอาคุณพ่อทั้งสองที่นั่งอยู่ด้วยแอบมองอย่างมีความหวัง เมื่อพากันหมายมั่นปั้นมือให้สองคนนี้แต่งงานกัน เพื่อจะได้มาสืบทอดธุรกิจโรงพยาบาลและดูยังไงทั้งสองคนก็เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
พอแนะนำตัวกันเสร็จ ก็พากันคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆเพื่อให้สนิทกันยิ่งขึ้น ก่อนที่คุณหมอทั้งสองจะขอตัวออกมาเมื่อคุณประจักษ์บอกมีเรื่องต้องคุยต่อกับคุณพอลรภี
“ถ้ามีปัญหาอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ...นี่เป็นนามบัตรผม โทรไปได้ตลอดเวลา...”
พอเดินออกมาจากห้องของคุณประจักษ์ เพชรภีมก็ไม่รอช้าที่จะสานต่อทันที
“ขอบคุณมากนะคะ พอดีตะวันไม่ค่อยมีเพื่อนที่นี่ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณหมอเลยแล้วกันค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยินดีเสมอครับ”
ทั้งสองเดินคุยกันออกมาอย่างรู้สึกถูกคอ ก่อนที่คุณหมอสาวจะขอตัวเพราะต้องไปแนะนำตัวเองที่แผนกต่อ ส่วนเพชรภีมก็ต้องกลับคลินิกเพราะนัดคนไข้พิเศษเอาไว้สองทุ่ม
พลั๊ก!
“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะคุณหมอ...เอ่อ อาจารย์หมอ...”
“ไม่เป็นไร ทีหลังก็เดินดูหน่อย เกิดล้มเจ็บตัวจะทำยังไง”
“ค่ะ...”
เสียงที่ค่อนข้างดุดันทำเอาตามฝันที่เร่งรีบจนเดินชนเข้ากับเพชรภีมถึงกับสะดุ้งตกใจ ก่อนจะเอ่ยขอโทษแล้วเดินเลี่ยงเขาไปทันที
“จะรีบไปไหน?...” นายแพทย์หนุ่มมองตามร่างเล็กที่พอเดินผ่านเข้าไปก็ยังวิ่งต่ออีกอย่างนึกแปลกใจ ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นทิ้งแล้วเดินต่อ
“พี่ซัน!!! พี่ซันจริงๆด้วยยยยย”
ตามฝันที่วิ่งกระหืดกระหอบมาที่แผนกศัลยกรรมถึงกับเผลอตัวตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นพี่สาวกำลังยืนอยู่
“ยัยฝัน! จะตะโกนทำไม ห๊ะ!”
ตะวันต่อว่าออกมาเสียงเบา เพราะตอนนี้เธอกำลังคุยอยู่กับพวกหมอและพยาบาลในแผนก ทำเอาตามฝันที่พึ่งสังเกตเห็นรีบก้มหัวขอโทษขอโพยอย่างสุดแสนอับอาย แต่ทุกคนกลับมองเธออย่างแปลกใจ
“ไปรอในห้องโน่นไป”
“ค่ะ...ขอโทษนะคะ...”
ตามฝันพูดออกมาเสียงแผ่วเบาก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของหมอตะวัน และไม่นานเจ้าของห้องก็เดินกลับเข้ามา
“ยังเซ่อซ่าเหมือนเดิมเลยนะเรา”
“พี่ซันนนนนน เอ่อ ข้างนอกไม่ได้ยินใช่ไหมคะ?...”
พอเห็นพี่สาวเดินกลับเข้ามา ตามฝันก็เริ่มส่งเสียงดังอีกครั้ง ก่อนจะรีบหุบปากเพราะกลัวดังออกไปด้านนอก
“ไม่ได้ยินแล้ว” เจ้าของห้องบอกออกมา
“อ๊ายยยยยย ทำไมมาไม่บอกฝัน ไหนพี่ซันบอกว่ามาเดือนหน้าไงคะ”
ตามฝันรีบวิ่งเข้าไปกอดพี่สาวอย่างสุดแสนจะดีใจ ส่วนตะวันเองก็ดีใจที่ได้เจอน้องสาวสุดรักสุดหวงไม่แพ้กัน ทั้งสองกอดกันด้วยความคิดถึงอยู่อย่างนั้นพร้อมกับเริ่มถามไถ่ซึ่งกันและกัน เมื่อตามฝันนั้นเป็นลูกหลงของคุณประจักษ์กับภรรยา ที่นึกว่าจะมีลูกสาวเพียงคนเดียวคือตะวันเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้ ดันมีตามฝันโผล่มาอีกคนเลยทำให้ทั้งสองอายุค่อนข้างห่างกัน และในโรงพยาบาลนี้ก็แทบไม่มีใครรู้ว่าตามฝันเป็นลูกสาวของคุณประจักษ์ เพราะเธอดันใช้นามสกุลของมารดานั่นเอง