หลังจากทุกคนแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยพร้อมเดินก็ต่างพากันยืนประจำตำแหน่งคิวที่ถูกจัดเตรียมไว้ ก่อนจะทยอยพากันเดินออกไป
“ฟู่วว~” เสียงร่างเล็กในชุดเดรสเปิดอกมีผ้าคลุมลอบถอนหายใจระงับความประหม่าที่มี ก่อนจะยกยิ้มหวานเดินตรงออกไปยังเวทีที่อยู่ตรงหน้าอย่างสดใสตามประสา ลลินพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดกับตัวเอง ซึ่งถึงใบหน้าหวานน่ารักจะแสดงท่าทีประหม่าออกมา ทว่าก็สามารถเดินออกมาได้เป็นอย่างดี กระทั่งการเดินในรอบของร่างเล็กจบลง
“เย้~” เจ้าของใบหน้าใสยิ้มหวานออกมาด้วยความโล่งใจที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดขึ้นบนเวที โดยในขณะที่ลลินกำลังยืนอยู่ด้านหลังเวทีขนาดใหญ่
“สวยมากเลยเนอะ” ไฮโซสาวหลายคนก็ต่างเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกันหลังจากที่เทียริน่าเดินออกไปด้วยชุดที่โดดเด่นเหมาะสมกับร่างสวยของหญิงสาว
“คนส่งชุดจริง คือสวยมาก” ทั้งทีมงานและไฮโซสาวต่างเอ่ย ลลินที่ได้ยินจึงหันไปมองยังเทียริน่าที่เดินสง่าอยู่อย่างเป็นที่สนใจของคนมากมาย
“สวยจริง ๆ ค่ะ ^^” ริมฝีปากสีหวานยิ้มบอกด้วยความเห็นอย่างจริงใจ
“ทุกคนคะ เดี๋ยวเชิญเดินขึ้นไปบนเวทีกันอีกครั้งนะคะ” ผ้าแพรเดินเข้ามาพูดกับไฮโซสาวที่ยืนกันอยู่ รวมถึงลลิน ทำให้ทุกคนที่ได้ยินจึงต่างเดินกลับไปยังบนเวทีขนาดใหญ่อีกครั้ง ซึ่งเทียริน่านั้นยังคงโดดเด่นเป็นที่น่าสนใจสำหรับทุกคน กระทั่ง…
ตึก
ตึก
เสียงสองเท้าหนักของชายวัยกลางคนเดินถือดอกไม้สีหวานตรงเข้ามา
“คุณพ่อ~” ลลินที่เห็นพ่อตัวเองเดินเข้ามาก็ยิ้มหวานเอ่ย พิเชษฐ์จึงยิ้มตอบกลับลูกสาวพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้ตามคิวที่ผ้าแพรจัดเตรียมเอาไว้ โดยมันเป็นซีนเปิดตัวนักการเมืองคนดังที่ทำให้หลายคนได้รับรู้ได้ถึงความรักความอบอุ่นที่สองพ่อลูกมีต่อกัน
“ขอบคุณนะคะ” เสียงหวานบอกคนเป็นพ่อตาใส ทุกคนที่เห็นจึงหันไปสนใจยังสองพ่อลูกคนดัง จนกลบความโดดเด่นของเทียริน่าไปหมด ร่างสวยที่เคยถูกหลายคนจับตามองก็ได้แต่ลอบมองสองพ่อลูกคนดังนั้นด้วยแววตามีความไม่พอใจซ่อนอยู่ ในตอนนั้นเอง
"น้องลลินนี่เกิดมาพร้อมความเพียบพร้อมจริง ๆ เนอะ..." ไฮโซสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลเทียริน่าเอ่ยพูดกับเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“จริง พ่อก็คือตระกูลนักธุรกิจเก่งกันอยู่แล้วก่อนผันตัวมาเป็นนักการเมือง ส่วนแม่ตระกูลผู้ดีเก่าแก่”
“แต่ไม่ใช่แค่เพราะชื่อเสียงวงศ์ตระกูลนะ น้องเองก็วางตัวดีมาก ไม่หยิ่งเลย แม้จะมาจากครอบครัวที่ดีขนาดนั้น เป็นกันเองมาก”
“จริง น้องน่ารักจริงนะ ตอนแรกคิดว่าแอ็บ แต่พอเจอจริง ๆ คือเป็นคนน่ารักจริง ๆ เลย”
“นั่นสิ แล้วดูใจดีตลอดเวลา ไม่เคยเห็นโมโหหรือโกรธใครเลยนะ”
“เนอะ คนอะไรจะเพียบพร้อมขนาดนี้ ไม่มีข้อเสียเลย” ไฮโซสาวยังคงยืนพูดคุยเอ่ยชื่นชมไปยังร่างเล็กที่ยืนถูกนักข่าวหลายสำนักขอถ่ายรูปอยู่กับพ่อตัวเองด้วยรอยยิ้มหวานสดใส เทียริน่าที่เห็นและได้ยินทุกอย่างจึงจ้องมองยังภาพตรงหน้านิ่งด้วยแววตาเริ่มฉายออกมาถึงความไม่พอใจที่มีต่อหญิงสาวตัวเล็กที่มาแย่งการเป็นจุดสนใจของเธออยู่เป็นประจำด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ที่เพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเต็มอก
“ไม่มีข้อเสียงั้นเหรอ…”
ด้านลลิน
“ท่านครับ ใกล้ถึงเวลานัดกับท่านวิชวลแล้วครับ” เสียงผู้ช่วยคนสนิทเดินเข้ามาเอ่ยบอกกับพิเชษฐ์ที่กำลังยืนพูดคุยอยู่กับลูกสาวตัวเล็กของตัวเอง ชายวัยกลางคนที่ได้ยินแบบนั้นจึงพยักหน้าเชิงรับรู้ ก่อนจะหันกลับไปพูดคุยกับร่างเล็กที่ยืนอยู่
“พ่อต้องไปก่อน”
“ค่ะ” ลลินที่รู้ถึงหน้าที่ของพ่อตัวเองก็ยิ้มหวานตอบ
“ลินกลับยังไง กลับบ้านไหม เดี๋ยวพ่อให้คนมารับ”
“ไม่ค่ะ วันนี้หนูกลับคอนโด”
“ไม่กลับบ้านเลยนะ”
“ลินมีส่งเอกสารฝึกงานอีกค่ะ ต้องรีบส่งภายในวันพรุ่งนี้ก่อนเข้ารับการฝึกงาน”
“…”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”
“เอาคืนพ่อหรือเปล่า?”
“คะ?”
“พ่อก็ชอบไม่มีเวลาให้เรา เราเอาคืนพ่อใช่ไหม”
“ไม่ใช่ซะหน่อยค่ะ” พูดจบ คนตัวเล็กก็โผกอดพ่อตัวเองด้วยท่าทีออดอ้อน
“เพราะช่วงนี้ลินต้องเร่งส่งเอกสารฝึกงานจริง ๆ แต่ถ้าลินเริ่มว่างแล้ว ลินจะกลับไปนอนที่บ้านด้วยกันนะคะ ^^” เจ้าของใบหน้าเรียวใสเงยหน้าบอกพ่อตัวเองตาหยี ทำเอาพิเชษฐ์ที่เห็นแบบนั้นจำต้องยอม
“อืม แบบนั้นก็ได้” เมื่อได้ยินคำพูดจำยอมของคนเป็นพ่อ ลลินก็ยิ้มหวานออกมาในทันที ทว่า
“แล้ววันนี้จะกลับยังไง”
“เอ่อ…”
“?”
“แท็กซี่ค่ะ” สุดท้ายเรียวปากสวยจำต้องตอบกลับตามตรง นักการเมืองคนดังที่ได้ยินจึงจ้องมองยังใบหน้าเล็กของคนเป็นลูกสาวแววตาเข้ม
“ลลิน…”
“ลินกลับได้ค่ะพ่อ มันไม่ไกล”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพ่อให้คนขับรถมารับ”
“ไม่เอาค่ะ”
“ลลิน”
“กว่าคนขับรถจะมาถึงที่นี่ มันก็จะยิ่งดึกนะคะ พ่อจะให้ลินนั่งรออยู่ที่นี่เหรอคะ รถก็ติดด้วยนะ” หญิงสาวรีบหาข้ออ้าง ซึ่งมันมีน้ำหนักพอสมควร พิเชษฐ์ที่ได้ยินก็ชะงักนิ่งเอาแต่จ้องมองลูกสาวตัวเองอยู่อย่างนั้น กระทั่งผู้ช่วยคนสนิทเดินเข้ามาเอ่ยย้ำ
“ท่านครับ ต้องรีบไปแล้ว
“คอยโทรหาพ่อด้วย” สุดท้ายนักการเมืองคนดังก็จำต้องหันเอ่ยบอกลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองน้ำเสียงห่วงใย
“ได้ค่ะ” เรียวปากสีหวานจึงรีบยิ้มกว้างรับคำ ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะสาวเท้าเดินออกไปยังประตูทางออกห้องโถงใหญ่โดยมีดวงตากลมของคนเป็นลูกที่มองตามแผ่นหลังพ่อตัวเองไปด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมกับหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อทำการเปลี่ยนชุดเช็ดล้างเครื่องสำอาง ทว่าทันทีที่สองเท้าเดินกลับเข้าไปภายในห้อง
“ยังไม่กลับอีกเหรอคะ” ร่างบางเอ่ยถามหญิงสาวที่ยังนั่งอยู่ภายในห้องที่ผู้คนต่างทยอยกันกลับหลังงานจบ
“ค่ะ พอดีว่าจะรอให้รถหายติดอีกหน่อย”
“อ๋อ~” ลลินยิ้มหวานตอบกลับอย่างรับรู้พลางเดินเข้าไปยังภายในห้องแต่งตัวเพื่อทำการเปลี่ยนกลับมาเป็นชุดเดิมของตัวเอง ซึ่งหลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ ร่างบางก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางขนาดเล็กที่พกมาทำการเช็ดล้างเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าเรียวใสด้วยความเบามือ แต่ด้วยความที่ร่างเล็กนั้นสายตาสั้นเกือบหนึ่งร้อย ทำให้มีความเก้กังอยู่ไม่น้อย จนทำให้คนที่นั่งอยู่หันถาม
“ให้ฉันช่วยไหมคะ”
“คะ? อ อ้อ ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวฉัน…” ไม่รอให้เจ้าของใบหน้าใสลูกสาวนักการเมืองชื่อดังตอบปฏิเสธ ร่างสวยที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นหยิบสำลีแผ่นบาง
“ให้ฉันช่วยดีกว่า” ว่าแล้ว มือเรียวก็ชุบสำลีด้วยคลีนซิงสำหรับทำความสะอาดหน้าค่อย ๆ ลูบเข้าไปทำความสะอาดให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเบามือ ในตอนแรกลลินก็รู้สึกตกใจปนเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีตั้งใจช่วยของอีกคน คนตัวเล็กก็ยิ้มกว้างปล่อยให้ช่วยอย่างเต็มใจ