บทที่6 ใกล้เพียงนิด

2266 คำ
นัยน์ตาหวานก้มมองชุดเจ้าสาวยาวเฟื่อยไล่ขึ้นมาจนถึงใบหน้ายิ้มไม่หุบของคนเป็นเจ้าสาวก่อนจะระบายยิ้มด้วยความปลื้มอกปลื้มใจราวกับเป็นแม่เจ้าสาวก็ไม่ปาน เพราะอายุเท่ากัน ทำงานที่เดียวกัน เกิดเดือนเดียวกัน และชื่นชอบหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน ทั้งพี่สาวและพี่ชายยังแต่งงานกันทำให้ระหว่างศศิลัลน์กับตัวเอกของงานวันนี้เรียกได้ว่าสนิทยิ่งกว่าเพื่อนที่รู้จักกันมานาน การได้เห็นเขมิกายิ้มไม่หุบและมีวันแต่งงานตามที่วาดฝันไม่ต่างอะไรกับตอนที่เห็นพี่สาวเข้าพิธีมงคล เรื่องน่ายินดีนี้ต่อให้เขียนบรรยายศศิลัลน์ก็ยังลังเลว่าจะบรรยายยังไงให้คนอ่านได้เห็นภาพ เพราะความรู้สึกที่เธอมีมันเอ่อล้นออกมามากมายซะเหลือเกิน “เค้าสวยอะดิ” “ใช่ สวย” “ก็บอกแล้วว่าให้ชิงสารภาพรักเค้าก่อน ตัวก็มัวชักช้าอดไปละกัน” เจ้าสาวคนสวยพูดแล้วก็หัวเราะขบขันแต่คนชักช้าไม่ยอมสารภาพรักก็เลยต้องอดไปกลับค้อนให้ มีหลายคนที่คิดว่าพวกเธอเป็นคู่รักLGBTQ+ ไม่ใช่เพราะสนิทสนมจนแตะเนื้อต้องตัวกันมากไป แต่เป็นเพราะคำพูดชวนให้เข้าใจผิดที่เขมิกาชอบนี่ล่ะ “เดี๋ยวคุณวีมาเห็นก็เข้าใจผิดเอาหรอก...เกิดเขาเอาเธอมาคืนพ่อแม่ คุณป้าเครียดแย่เลย” “นี่ ๆ ระดับนี้เหรอจะถูกเอามาคืน ไม่หรอกนะ ถึงมาได้ยินแล้วเข้าใจผิดก็ไม่ต้องวอรี่น่ะ เดี๋ยวคืนนี้จะจัดชุดใหญ่พิสูจน์ความเป็นหญิงให้ดู จะเอาให้หลงหัวปักหัวปำเลยคอยดู...แต่แกว่า56ได้เปล่าอะ แล้วเขมิกาน้อยจะไหวมั้ย” “ยัยทะลึ่ง” คนถูกถามเอ็ดเจ้าสาวอีกครั้งพร้อมกับส่ายหน้าพรืด แม้ว่าเธอกับอีกฝ่ายจะชอบอะไรคล้ายกันอยู่หลายอย่าง แต่นิสัยกลับไม่เหมือนกันสักเท่าไหร่ เขมิกาคนนี้ออกจะผ่าเผย กล้าพูดกล้าคิด ดูแล้วก๋ากั่นแต่จริง ๆ แล้วก็แค่ภายนอกเท่านั้น ความจริงยัยทะลึ่งเขมิกาก็เป็นแค่สาวน้อยไม่ประสีประสาอะไร ที่ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้นแหละ เขมิกาหัวเราะชอบใจเมื่อถูกด่าเอาจนได้ ความจริงเธอก็แค่พูดให้ตัวเองไม่ตื่นเต้นก็เท่านั้นแหละ เจอศศิลัลน์ด่าเข้าก็ลดอาการตื่นเต้นได้เยอะเลย “ทำเป็นทะลึ่งไปเถอะ อย่าให้ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้ลุกไม่ขึ้นก็แล้วกัน ดูแล้วคุณวีเขาก็อยากพิสูจน์พอสมควรว่าแกกับฉันเนี่ยเล่นเพื่อนกันจริงหรือเปล่า...หนักแน่” “นี่ ๆ ฉันเกือบจะไม่ตื่นกลัวแล้วนะ อย่ามาบลิ้วให้เขวสิ” เจ้าสาวค้อนให้อย่างหมั่นไส้ ยัยเพื่อนคนนี้ขี้แกล้งทำให้เขวจริง ๆ ชักจะหวั่นใจแล้วสิ คราวนี้เป็นศศิลัลน์ที่หัวเราะบ้าง หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบอย่างทะเล้น “ที่สำคัญอย่าลืมดู56ตามที่แกต้องการจริงมั้ยล่ะ ถ้า56จริง...” “ถ้าจริง...” “พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปทำงานแน่ ๆ” “โอ้ยทำไงดี ยิ่งแต่งสวยมากเว่อร์ด้วย ขืนสา56จัดหนักจัดเต็มจะตายมั้ยเนี่ย” ท่าทีสวยมั่นและแรงถูกแสดงออกมาแต่สายตากลับบ่งบอกชัดว่าวิตกจริง ๆ ทำเอาศศิลัลน์ต้องส่ายหน้า “ยัยทะลึ่งเอ๊ย ไม่ต้องกังวล คืนนี้แกจะได้เข้าหอมั้ยยังไม่แน่เลย พี่เขมกับคุณเขตต์มีแผนจะมอมเหล้าคุณสามีแกอยู่ ไม่รู้หรือไง” “งั้น...ปล่อยให้โดนมอมไปดีมั้ย” “ไม่เข้าหอคืนนี้ ก็ยังมีคืนต่อไปและต่อ ๆ ไป แกเลี่ยงไม่ได้ตลอดหรอก” “แต่จริง ๆ แล้วเมาก็ไม่ใช่จะตายด้านสักหน่อย” ประโยคหลังศศิลัลน์พูดลอย ๆ แต่ใบหน้ากลับขึ้นสีมาเล็กน้อยจนต้องเบือนหนีไม่ให้เขมิกาได้เห็น คนบางคนเมาแล้วหื่นกว่าตอนไม่เมาก็มีอยู่เหมือนกันอย่างเช่น... ไม่สิ!!! “อะแฮ่ม ไปกัน ใกล้ได้เวลาพิธีช่วงค่ำแล้ว” เผลอคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาศศิลัลน์ก็ได้แต่ชักชวนเจ้าสาวในวันนี้ออกไปจากห้องแต่งตัวเป็นการเปลี่ยนเรื่อง ทำไมเธอถึงไม่ลืมเรื่องนี้สักทีนะ บาปหนาซะจริง ส่งเจ้าสาวถึงมือเจ้าบ่าวศศิลัลน์ก็ขอตัวกลับไปหาลูกสาวและแม่ที่เข้าไปภายในงานแล้วทิ้งให้คู่บ่าวสาวรับแขกในช่วงค่ำอยู่เพียงลำพัง เขมิกามองตามหลังเพื่อนก่อนจะหลบสายตาเจ้าบ่าวที่มองมา วีรกรเป็นลูกชายของเพื่อนผู้เป็นแม่ที่ไปมาหาสู่กับครอบครัวเธอมาตั้งแต่เด็ก สนิทสนมกับเธอและพี่น้องมาโดยตลอดแต่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขากลับไม่ได้ผลิบานโดยลิขิตฟ้า เป็นลิขิตของแม่ ๆ ที่อยากให้ลูก ๆ ลงเอยกัน ไปเดตสองสามครั้งก็เออออแต่งงานตามคำของแม่ ๆ แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็เป็นรักแรกวัยใสที่เธอไม่เคยลืม ใจเธอตั้งใจจะมัดใจเขาให้ได้หลังแต่งงาน...แต่ดูแล้วอีกฝ่ายจะสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับศศิลัลน์มากทีเดียว สายตาที่มองมาถึงได้ทำให้อึดอัดแบบนี้...ใครก็ได้มาช่วยเธอที “มองขนาดนั้นข้ามไปเข้าหอเลยดีกว่ามั้งเจ้าวี” แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น เขมิกาหันไปมองทันทีก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้พบว่าใครกันที่ช่วยเธอให้หลุดพ้นจากสายตาชวนอึดอัด “พี่เลย์?” “ไง ดีใจด้วยนะตัวเล็ก มีสามีซะที...นายด้วยเจ้าวี มีเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีนะ” เป็นลภณดนัยที่เดินมาพร้อม ๆ กับคุณหญิงภัสตราและแม่เลี้ยงขวัญฤทัยนั่นเอง ชายหนุ่มทักทายคู่บ่าวสาวที่จริง ๆ ก็เป็นลูก ๆ เพื่อนแม่เขาที่ได้เจอะเจอผูกมิตรกันมาตั้งแต่เด็กอย่างพี่คนนึงที่มาร่วมแสดงความยินดีให้น้อง ๆ ก่อนจะลอบถอนใจเมื่อมองผู้เป็นแม่ที่ยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะตั้งแต่หน้าโรงแรมยันถึงห้องจัดเลี้ยง คุณหญิงภัสตราไม่ได้ชนะเขา ท่านไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนจนยอมพามา แต่เป็นเจ้าน้องชายคนกลางที่ถูกผู้เป็นแม่ใช้สารพัดวิธีทำให้ต้องยอมใจอ่อนอนุมัติให้ออกจากโรงพยาบาลทั้งที่อยากให้ดูอาการสักวัน หน้าตาราวกับชัยชนะที่หอมหวานนั้นคือความภาคภูมิใจที่ผู้เป็นแม่แสดงออกเขารู้สึกหมั่นไส้จริง ๆ “มาด้วยเหรอครับพี่เลย์ ผมนึกว่าพี่หนีไปบวชแล้วซะอีก” วีรกรส่งเสียงทักทายเรียกให้ชายหนุ่มหันกลับไปพูดคุยกับคู่บ่าวสาวอีกครั้ง “บวชบ้าอะไร ฉันยังละทางโลกไม่ได้หรอก กลัวคนบางคนแถวนี้แช่งชักหักกระดูก” พูดแล้วก็ส่งสายตาให้คู่บ่าวสาวได้ดูว่าคนบางคนที่ว่านั่นคือใคร แค่เพียงเท่านั้นคุณหญิงภัสตราก็มองค้อนให้พาให้คู่บ่าวสาวหัวเราะขบขันไปด้วย “เห็นมั้ยล่ะ ละได้ที่ไหน” “ดีแล้วค่ะที่ยังไม่ละ ไม่อย่างนั้นไม่ทันเพื่อนแล้วนะคะ พี่สะใภ้ขิมน่ะท้องแล้วนา พี่ยุ พี่ธีร์ก็ลูกหนึ่งแล้ว พี่เขตต์ก็กำลังจะแต่ง พี่วีกับขิมก็เนี่ยแต่งงานแล้ว เหลือแต่บ้านพวกพี่แล้วนะคะ ถ้าขืนชักช้ากว่านี้ตามพวกเราไม่ทันแล้วนะคะ” “ไม่ทันก็ไม่ต้องทันสิ แต่งไปก่อนเลย ไว้เรามีลูกสักห้าหกคนพี่ค่อยตามไปแล้วกัน” โดนคนเป็นเหมือนน้องสาวหาว่าจะตามไม่ทัน ชายหนุ่มกลับไม่ได้รู้สึกมีแรงฮึดสู้ แต่กลับมีท่าทีไม่ยีหระทั้งยังทิ้งท้ายให้คนเป็นเจ้าสาวได้หน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงอีกด้วย “ห้าหกคนอะไร ขิมไม่ใช่แม่วัวพันธ์ดีนะจะได้มีลูกขนาดนั้น” “แต่พี่ว่ามีเยอะ ๆ ก็ดีนะขิม เผื่อพี่เลย์ไม่มีลูก จะได้ให้พี่เลย์ไปเลี้ยงสักคน” คนอื่นทำให้เขินไม่เท่าเจ้าบ่าวทำให้เขิน หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่เมื่อวีรกรพูดมา เขมิกาแทบอยากจะให้เพื่อนสาวอยู่ตรงนี้ด้วยขึ้นมาแล้ว เธอจะได้วิ่งไปหลบหลังได้จะได้ไม่เขินตายไปซะก่อน ผู้ชายพวกนี้น่ะ แกล้งเธอเกินไปแล้ว! “คุณแม่” ไม่มีเพื่อนให้พึ่ง คนถูกล้อมทำให้เขินก็หันไปพึ่งแม่ แต่ก็เหมือนว่าแม่เลี้ยงขวัญฤทัยจะพึ่งไม่ได้ ทั้งยังส่งเสริมลูกเขยซะอีก “เป็นความคิดที่ดีเลยวี...เริ่มคืนนี้เลยนะ แม่จะรอ” “คุณแม่น่ะ” เจ้าสาวงอนเป็นการกลบเกลื่อนไปแล้วแต่แม่เลี้ยงขวัญฤทัยกลับยิ้มชอบใจชักชวนคุณหญิงภัสตราเข้าไปภายในงาน ลภณดนัยยิ้ม ๆ ตบไหล่สื่อความหมายกับวีรกรก่อนจะเดินตามไปทิ้งให้คู่บ่าวสาวรับแขกในพิธีช่วงค่ำต่อ แค่แซวพอหอมปากหอมคอตามประสาคนรู้จักมักคุ้นก็เท่านั้น ไม่ได้กะจะทำให้เขินกันจนไปไม่เป็นอะไร เดินเข้ามาในงานได้ไม่นานคุณหญิงภัสตราก็ผละไปทักทายแม่เจ้าบ่าวที่ตอนเช้ายังไม่ได้เจอก็มีเรื่องซะก่อน ลภณดนัยไม่อยากจะโดนถามเรื่องแต่งงานแต่งการจึงแยกมาหาเขมทัตที่อายุเท่ากันทำให้คบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก “ตอนเมียฉันยืนอยู่แกก็ไม่มาเนอะ” ประโยคทักทายที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ดังมาทันทีที่เดินเข้ามาหา เขมทัตอยากจะกลอกตาที่ไอ้เพื่อนตัวดีโผล่มาตอนที่ภรรยาของเขาแยกไปหาแม่ยายแล้ว ถ้ามาเร็วกว่านี้สักนิดก็คงได้เจอกันสักที เขากะจะอวดเมียสักหน่อย..พลาดโอกาสอีกจนได้ ลภณดนัยยักไหล่ไม่ใส่ใจ เขมทัตจะประชดประชันหมั่นไส้ก็ไม่แปลก ผิดที่ตอนงานแต่งงานเมื่อสามปีก่อนของเพื่อนตัวเขาไม่โผล่หัวมาให้เห็นทั้งตลอดสามปีชวนมาเที่ยวหรือแม้แต่นัดเจอที่กรุงเทพฯเขาก็ไม่โผล่มานั่นล่ะเจ้าเพื่อนตัวดีจึงอยากอวดเมียให้เขาเห็นให้ได้ “แล้วเมียแกไปไหนซะล่ะ นึกว่าเขาจะจับสายจูงแกไว้ตลอดซะอีก” คนถูกหมั่นไส้ลอยหน้าลอยตาถามไม่ได้สนใจค้อนวงใหญ่ที่ถูกส่งมาให้เพราะคำว่าสายจูง “ไปหาแม่ยาย” พี่ชายเจ้าของงานแต่งงานตอบแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องสายจูงอะไร ก็นะถ้าเขาเป็นหมาตัวใหญ่ของภรรยาเขาก็ยอม ท่าทีคลั่งรักของเขมทัตทำให้ลภณดนัยแทบอยากจะกลอกตา ยังจำได้ว่าหลายปีก่อนเจ้าเพื่อนคนนี้ยังนั่งดื่มและลั่นวาจาอยู่เลยว่าจะอยู่เป็นโสดไม่หาบ่วงมาผูกคอ แล้วตอนนี้กลับเอาสายจูง เอ้ย บ่วงมาผูกคอด้วยตัวเองไปซะแล้ว เชื่อไม่ได้จริง ๆ “แล้วนี่แค่มาเป็นเพื่อนน้าภัส หรือว่ามีธุระอะไรล่ะ ถึงได้ยอมโผล่หัวออกจากการจำศีล” “เบื่อ ๆ อีกอย่างท่านประธานสั่งให้มาดูออฟฟิศที่นี่สักหน่อย ตั้งแต่เปิดมายังไม่เคยมีคนมาตรวจงานสักครั้ง” คนที่คล้ายจะเอาตัวเองออกจากการสังสรรค์เหล้ายานารีมาสามสี่ปีตอบ ไม่ได้โต้แย้งกับกระแนะกระแหนว่าจำศีล ด้วยรู้ดีว่าการกระทำของตัวเองแปลกไปเพื่อนจึงได้ลงความเห็นกันไปแบบนั้นแต่ตราบใดที่ลบเรื่องบางเรื่องที่ค้างในใจไม่ได้ เขาก็คงเป็นอย่างนี้ต่อไป จะหนีบวช จะจำศีล อะไรก็พูดกันไปเถอะ เขาไม่รู้สึกอะไรหรอก เขมทัตจดจ้องคนบอกว่าเบื่อก่อนจะนึกหวั่นใจ หรือเพื่อนคนนี้จะละทางโลกหนีไปบวชในป่าแล้วจริง ๆ ถึงได้เริ่มเบื่อหน่ายแล้ว ไม่ได้ ๆ เขาไม่อยากจะก้มกราบแล้วเรียกว่าหลวงพี่หรอกนะ “งั้นพรุ่งนี้ฉันพาไปดูออฟฟิศแล้วกัน พนักงานสาว ๆ สวย ๆ ทั้งนั้นอาจจะทำให้แกหายเบื่อได้” เขมทัตพูดแล้วก็มองซ้ายมองขวา ใจอยากจะให้สายตาหันไปเจอพนักงานสาว ๆ สะสวยสักคนของNTL Construction ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบ ตกแต่ง รับเหมาก่อสร้างครบวงจรที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่และก็เป็นสาขาย่อยของบริษัทแม่ที่ลภณดนัยทำงานอยู่ แต่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นสักคนนอกจากเจ้าสาวของงานที่เป็นมัณฑนากรมือดี...ไม่รู้ไปไหนกันหมดนะเวลาแบบนี้ บ่นในใจไปได้หลายคำก็คล้ายกับสวรรค์เมตตา คนบนฟ้าลิขิต สายตาของเขมทัตจึงหันไปเห็นคนของNTLเข้าให้และฝ่ายนั้นก็ตรงดิ่งมาหาเขาพอดี “พี่เขมคะ พี่ลดาให้ลัลน์มาบอกว่าหิวละ...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม