หลังกลับเข้ามาที่บ้าน พาทิศก็ให้คนรับใช้ไปเรียกอารดามาพบที่ห้องหนังสือ
อารดาตื่นเต้นดีใจที่สามีเรียกหา แต่เมื่อได้มาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มบนใบหน้าหวานก็สลายหายไปจนหมด
“ฉันมีเรื่องจะแจ้งให้เธอทราบ”
“ค่ะ”
“ฉันจะพาแววไปฮันนีมูนกับเราด้วย”
อารดาถึงกับเบิกตาค้างเติ่ง ปากอิ่มเผยอกว้างด้วยความตกใจ
“อะ... อะไรนะคะพี่เอก”
“แววอยากไปเที่ยว ฉันก็เลยจะพาแววไปฮันนีมูนกับพวกเราด้วย”
แววตาของอารดามีแต่ความเจ็บปวด ยามมองไปที่พาทิศ
นี่เขา... เขาจะพาผู้หญิงคนนั้นไปฮันนีมูนด้วยอย่างนั้นเหรอ
หัวใจของเขาทำด้วยอะไรกันนะ?
“ฉันหวังว่าเธอจะใจกว้างนะอารดา”
“ดา...”
“ว่าไงล่ะ เธอตกลงหรือเปล่า ที่แววจะไปกับเราด้วย”
หล่อนไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว
“แล้ว... แล้วแต่พี่เอก... เอ่อ... คุณพาทิศเถอะค่ะ”
“อย่างน้อยเธอก็ยังใจกว้างอยู่บ้างนะ อารดา”
หล่อนเห็นรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าหล่อเหลาของพาทิศ
“ดา... ขอตัวนะคะ”
หากหล่อนยืนอยู่ตรงนี้ต่ออีก น้ำตาคงจะไหลท่วมใบหน้าแน่นอน
“ห้ามบอกเรื่องนี้กับคุณหญิงย่า ห้ามทำให้ฉันถูกตำหนิเด็ดขาด เข้าใจไหม”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดโหดร้าย ก่อนจะผงกศีรษะขึ้นลงเป็นการตอบรับ
“ไปได้แล้ว”
อารดาพาตัวเองเดินออกมาจากห้องหนังสือทั้งน้ำตา แข้งขาของหล่อนอ่อนแรง หัวใจก็อ่อนล้า เจ็บปวดจนเหมือนจะขาดใจ
นี่หล่อนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรนะ ทำไม... ทำไมมันถึงโหดร้ายแบบนี้ล่ะ
วันต่อมา... รถตู้หรูราคาแพงระยับก็ขับมาจอดที่หน้าคอนโดของแววดาว ไม่นานหญิงสาวในชุดเดรสยาวสีแดงแป๊ดผ่าสูงจนถึงขาอ่อนก็ก้าวขึ้นมา
แววดาวนั่งข้างๆ กับพาทิศ พร้อมกับจูบแก้มสากของพาทิศโดยไม่สนสายตาของหล่อน และคนขับรถเลยแม้แต่น้อย
“ออกรถได้แล้วสมคิด”
“ครับคุณเอก”
รถตู้หรูแล่นออกมาจากคอนโดหรูที่พาทิศเป็นคนซื้อให้ของแววดาว มุ่งหน้าขึ้นไปบนถนนใหญ่ที่คราคร่ำไปด้วยรถรามากมาย
“แกหุบปากให้สนิทนะสมคิด ถ้าคุณหญิงย่ารู้เรื่องแววเมื่อไหร่ ฉันเอาแกตายแน่” พาทิศกำชับคนขับรถ
“ครับคุณเอก”
แววดาวนั่งลอยหน้าลอยตาเคียงคู่กับพาทิศอย่างไม่ละอายใจ ทั้งๆ ที่เมียแต่งอย่างอารดานั่งอยู่ในรถคันเดียวกันด้วย
อารดาเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่าง พยายามที่จะซ่อนน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง
แววดาวเอี้ยวตัวมองไปที่เบาะด้านหลัง ก่อนจะยิ้มเยาะเมื่อเห็นอารดานั่งหน้าเศร้าอยู่
“ขอบใจนะคุณอารดา ที่ยอมให้ฉันมาฮันนีมูนด้วยน่ะค่ะ”
อารดาไม่ได้ตอบ เพราะถ้าตอบออกไปเสียงสั่นๆ ของตัวเองคงทำให้คู่สนทนาหัวเราะเยาะแน่นอน
“เอกดูสิคะ เมียแต่งคุณไม่ยอมพูดกับแววเลย สงสัยจะรังเกียจแววน่ะค่ะ” แววดาวออดอ้อนชายคนรัก
“อารดา อย่าทำตัวไม่มีมารยาท แววพูดด้วยเธอก็ควรจะตอบสิ”
อารดาเจ็บไปทั้งหัวใจ เจ็บจนจุกไปหมด แม้แต่สมคิดที่ขับรถอยู่ก็ยังอดสงสารอารดาไม่ได้เลย
“เอกพูดด้วยก็ไม่ยอมตอบ เมียแต่งคุณนี่ถ้าท่าทางจะหัวดื้อมากๆ เลยนะคะเอก”
“ช่างเขาเถอะแวว เราไม่เห็นต้องสนใจเลย”
“จริงด้วยค่ะเอก... เรามาสวีตกันดีกว่าเนอะ”
แล้วแววดาวก็เริ่มนัวเนียพาทิศ จูบบ้าง หอมบ้าง เพื่อทำให้อารดาปวดใจ
ซึ่งแววดาวก็ทำสำเร็จ เพราะอารดาที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังเห็นทุกอย่าง และก็เจ็บจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ขับรถตามไปเรื่อยๆ แล้วก็แจ้งข่าวมาเป็นระยะนะ”
คุณหญิงสุปรานีพูดกับคนของตัวเองที่ให้ขับรถตามรถตู้ของพาทิศไป
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหญิง”
“ก็เป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้น่ะสิ เจ้าเอกมันหอบหิ้วแม่แววดาวไปด้วย”
“อะไรนะคะ?”
“มันเอาชู้รักของมันไปด้วย นี่ฉันสงสารหนูดาเหลือเกิน คงน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก”
คุณหญิงสุปรานีสงสารหลานสะใภ้จับหัวใจ
“คุณเอกใจร้ายมากเลยนะคะเนี่ย คุณดาเธอคงเจ็บปวดมาก ที่ต้องยอมให้สามีพาชู้รักไปด้วย”
“แต่ฉันคิดว่าความคิดนี้ไม่น่าจะใช่ของเจ้าเอกหรอก มันน่าจะเป็นของแม่แววดาวนั่น เมื่อไหร่ฉันถึงจะกระชากหน้ากากนังผู้หญิงคนนี้ได้สักทีนะแม่นิ่ม”
“คงต้องใช้เวลาค่ะ ขนาดเรามีคลิปที่แม่นี่เข้าโรงแรมกับผู้ชายไปให้คุณเอกดู แม่นี่ยังไปเป่าหูคุณเอกว่าเป็นคลิปตัดต่อได้เลยค่ะ”
“ก็หลานชายฉันมันโง่ไง หลงผู้หญิงจนไม่มีสมอง”
“คุณเอกคงรักมากนั่นแหละค่ะ เพราะรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน”
คุณหญิงสุปรานีถอนใจออกมาแรงๆ อยากตบกบาลหลานชายเหลือเกิน
“ฉันจะยอมให้แม่แววดาวเฮิมเกริมแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องเอาให้หลาบจำ”
“คุณหญิงจะทำยังไงคะ”
“เดี๋ยวฉันจะให้คนไปลากแม่แววดาวกลับมากรุงเทพฯ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ แผนวางยาที่เราวางกันไว้คงไม่ได้ผลแน่”
“อิฉันเห็นด้วยค่ะ”
ผู้เป็นเจ้านายต่อสายหาคนของตัวเอง ก่อนจะสั่งการไปตามสาย
“เรียบร้อยไหมคะคุณหญิง”
“อืม เรียบร้อยแล้ว ฉันล่ะเหนื่อยใจจริงๆ”
“คุณหญิงใจร่มๆ นะคะ เดี๋ยวอิฉันไปเอายาดมมาให้ค่ะ”
แม่นิ่มวิ่งไปหายาดมเพื่อจะเอามาให้ผู้เป็นเจ้านาย ในขณะที่คุณหญิงสุปรานีนั่งถอดถอนใจหลายครั้งด้วยความเครียด