ภายในห้องอาหาร... มื้อเช้าในวันนี้ช่างน่าอึดอัดเหลือเกิน พาทิศรู้สึกหงุดหงิดกับสมาชิกที่เพิ่มขึ้นมาโดยที่ตัวเองไม่เต็มใจ
คนที่เขาต้องการคืนแฟนสาวอย่างแววดาว ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้
อารดา...
ผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวาย และสับสนอลหม่านไปหมด
ชายหนุ่มวางช้อนลงเพราะกินอาหารเช้าต่อไม่ลงอีกแล้ว เขาปรายตามองเจ้าสาวที่ตัวเองไม่เคยต้องการอย่างอารดาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมขอตัวครับ”
“เมื่อคืนแกหายหัวไปไหนมาเจ้าเอก”
ไม่ใช่แค่น้ำเสียงของคุณหญิงย่าเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่แววตาที่ท่านใช้มองหลานชายก็อัดแน่นไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
พาทิศสบตาคุณหญิงย่า ก่อนจะถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ใครคาบข่าวไปบอกคุณหญิงย่าเหรอครับ หรือว่าเธอ อารดา”
เขาอดไม่ได้ที่จะโยนความผิดให้กับผู้หญิงที่นั่งก้มหน้าเงียบๆ
“ดา... ไม่ได้...” อารดากำลังอ้าปากจะปฏิเสธ แต่ก็ยังพูดไม่ทันจบ คุณหญิงสุปรานีก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเสียก่อน
“หนูดาไม่ใช่คนขี้ฟ้อง และที่ย่ารู้ว่าแกหายหัวออกไปเมื่อคืนน่ะ ก็เพราะมีคนรับใช้เห็นแกขับรถกลับมาตอนรุ่งสาง”
พาทิศอึ้งไปเถียงไม่ออก
“แกออกไปนอนกับแม่แววดาวมาใช่ไหมไอ้หลานไม่รักดี”
“ใช่ครับ ผมไปนอนกับแววมา แล้วมันผิดตรงไหนครับ ในเมื่อผมกับแววรักกัน เรารักกันมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ผมต้องกล้ำกลืนฝืนทนแต่งงานกับคนดีของคุณหญิงย่า ก็เพราะไม่มีทางเลือก” พาทิศโต้แย้งเสียงกระด้าง
“ที่แกไม่มีทางเลือก ก็เพราะว่าแกต้องการมรดกของฉันยังไงล่ะ ดังนั้นเมื่อแกเลือกที่จะเอามรดกของฉันแล้ว แกก็ต้องทำหน้าที่ผัวที่ดี ไม่ใช่คืนเข้าหอออกไปแรดกับชู้รักอย่างแม่แววดาวนั่น”
“ที่ผมไปนอนกับแวว ก็เพราะว่าผมไม่ได้พิศวาสคนดีของคุณหญิงย่ายังไงล่ะครับ”
ย่ากับหลานโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร แต่คนที่เจ็บปวดคือคนที่นั่งฟังอย่างอารดา หัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยรอยร้าว น้ำตาเอ่อล้นสองขอบตาจนน่าเวทนา
“ถ้าแกเลือกที่จะไปนอนกับแม่แววดาว งั้นสิ่งที่เราตกลงกันเอาไว้ก็คือว่าเป็นโมฆะก็แล้วกันนะ มรดกทุกอย่างฉันจะยกให้หนูดาวให้หมด”
“ผมไม่ยอมครับ”
เขาหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้านิ่ง แสดงบทบาทนางเอกผู้น่าสงสารด้วยความรังเกียจ
“ผมไม่มีวันยอมให้คนอื่นมาชุบมือเปิบเอาสมบัติของตระกูลเราไปได้หรอกครับ”
“ถ้าแกหวงสมบัติ แกก็ต้องซื่อสัตย์กับหนูดาห้ามนอกกาย นอกใจหนูดาอีก”
“แล้วถ้าผมไม่รับปากล่ะครับ”
สองย่าหลานจ้องตากัน
“แกก็จะถูกอัญเชิญออกไปจากที่นี่ และกลายเป็นคนเหลือแต่ตัวยังไงล่ะ เจ้าเอก”
“นี่คุณหญิงย่าเห็นคนอื่นดีกว่าหลานในไส้ของตัวเองเหรอครับ”
“ทีแกยังเห็นแม่แววดาวดีกว่าย่าที่เลี้ยงดูแลมาตั้งแต่แบเบาะอย่างฉันได้เลย แล้วทำไมฉันจะเห็นหนูดาดีกว่าแกไม่ได้ เอาล่ะ เลือกมา ว่าจะเอายังไง”
พาทิศหงุดหงิด และโมโหมาก แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้กับคุณหญิงย่าของตัวเองได้
“ตกลงครับ”
“ตกลงอะไร พูดออกมาให้ชัดๆ เจ้าเอก”
“ผมตกลงว่าจะไม่นอกกายอารดาอีกครับ”
“แล้วนอกใจล่ะ”
“หัวใจของผมรักแววไปแล้ว จะให้ผมเลิกรักแววคงทำไม่ได้หรอกครับ”
อารดาเจ็บจนน้ำตาที่เอ่อล้นสองขอบตาไหลลงมาเปื้อนแก้ม มือขาวสะอาดรีบยกขึ้นป้ายทิ้ง เพราะเกรงว่าคนอื่นจะสังเกตเห็ต แต่คุณหญิงสุปรานีก็เห็นเข้าจนได้
“ฉันขอทำนายล่วงหน้าเอาไว้เลยนะ ว่าสักวันแกจะต้องเป็นคนคุกเข่าขอความรักจากหนูดา”
พาทิศหัวเราะเยาะหยัน หันไปมองอารดาด้วยสายตาดูแคลน
“ผมคงต้องเมายาบ้า หรือกลายเป็นคนจิตเวชนั่นแหละครับ ผมถึงจะทำแบบนั้นได้”
“แล้วย่าจะคอยดู คอยดูคนปากดีอย่างแก เจ้าเอก”
ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อยอย่างไม่แยแส ไม่แคร์เจ้าสาวหมาดๆ ของตัวเองแม้แต่น้อย เขาจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่คุณหญิงสุปรานีเรียกเอาไว้อีกรอบ
“อย่าเพิ่งไป ย่ายังมีอีกเรื่องต้องคุยกับแก”
“เรื่องอะไรอีกล่ะครับ”
“ฮันนีมูนของแกกับหนูดา”
พาทิศส่ายหน้าดิก
“ผมไม่ไปครับ ผมไม่ว่าง”
“ถ้าแกไม่ไป ก็เก็บข้าวเก็บของออกไปอยู่วัดได้เลย”
“คุณหญิงย่า!”
พาทิศไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณย่าของตัวเองจะใจร้ายกับเขา และเอาอกเอาใจอารดาถึงขนาดนี้
“ว่ายังไง แกจะไปฮันนีมูนกับหนูดาไหมเจ้าเอก”
แล้วเขามีทางเลือกที่ไหนกันล่ะ พาทิศหงุดหงิดในใจเหลือเกิน และก็อดที่จะโมโหคนที่นั่งก้มหน้าเฉยๆ อย่างอารดาไม่ได้
“ไปก็ไปครับ”
“ดีมาก เดี๋ยวย่าจะให้คนจองสถานที่ฮันนีมูนไว้รอ”
คุณหญิงสุปรานีระบายยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยถามอารดา
“หนูดาอยากไปฮันนีมูนในประเทศหรือต่างประเทศล่ะลูก”
“คือดา...”
อารดาเงยหน้าขึ้น และก็สบตากับพาทิศเข้าโดยบังเอิญ สายตาของเขาดุดันจนหล่อนหวาดกลัว
“ใน... ประเทศก็ได้ค่ะคุณหญิง”
คุณหญิงสุปรานีอมยิ้ม มองอารดาด้วยสายตาเอ็นดูระคนสงสาร