ตอนที่ 9

1459 คำ
ตอนที่ 9 “น่ารักตายละ แค่เพิ่งจะเจอกันไม่นาน คุณเอาเปรียบฉันกี่ครั้งกี่หนแล้ว ฉันไม่แจ้งความจับก็บุญเท่าไหร่แล้วย่ะ” สายตาที่มองมาทำให้เธอหวั่นไหว จึงต้องใช้เสียงเล็ก ๆ ข่มเอาไว้ ดาราเนตรสลัดความรู้สึกแปลก ๆ ที่เริ่มคืบคลานเข้ามาในใจที่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน... แม้จะพยายามย้ำกับตัวเอง อย่าไปหลงเสน่ห์ที่อีกฝ่ายสาดใส่มา แต่ทำไมใจมันถึงไม่รับฟังก็ไม่รู้ หรือเป็นเพราะได้รับการปกป้องจากอีกฝ่าย เลยทำให้เธอนั้นสลัดตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งที่รัดอยู่ไม่ได้ “ก็คุณมันน่าเอาเปรียบนี่น่า จมูกนิด...” นิ้วยาวเคลื่อนมาจับที่จมูก “ปากรูปกระจับอวบอิ่ม...น่าจูบที่สุด ที่ผมรู้แล้วว่าหวานหยดย้อย จนผมแทบไม่อยากห่างเลยจ้ะหนูเนตรจ๋า ขอผมนะ...” ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต ปรมัตถ์โน้มใบหน้าลงไปแนบจุมพิตบนกลีบปากอวบอิ่ม บดคลึงขบกัดอย่างอ่อนโยนแผ่วเบาเหมือนกับผีเสื้อที่โบยบินเสาะหาอาหาร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ขัดขืน แต่ก็ยังไม่ตอบสนองเขาเลยเพิ่มน้ำหนักลงไป ชายหนุ่มกอดกระชับร่างกลมกลึงแนบชิดมากขึ้น เรียวลิ้นสากสอดแทรกล่วงล้ำเข้าไปเที่ยวท่องในโพรงปากนุ่ม กระหวัดพลิกพลิ้วเกี่ยวกับลิ้นเล็กจากปลายจรดโคน ดาราเนตรสั่นสะท้านไหววูบ สองขาสั่นระริกพอ ๆ กับกายที่อ่อนระทวยจนต้องเอนอิงร่างหนา เพื่อขอหลักพักอิงไม่ให้ล้มลง ปรมัตถ์มอบจุมพิตดูดดื่มเหมือนกำลังสูบเอาวิญญาณของอีกฝ่ายออกจากร่าง มือเขาเคลื่อนไหวไปทั่วกายกลมกลึง ไม่ว่าจะจับต้องที่ใดก็ล้วนแล้วแต่ทิ้งเพลิงไฟร้อนผ่าวไว้ให้ นิ้วยาวร้อนเหมือนกับถ่านไฟลากไล้ตามสีข้าง วกไปไล้คลึงเป็นวนกลมเล็ก ๆ บนหน้าท้องแบนราบเรียบเคลื่อนขึ้นไปทีละนิดจนได้พบกับทรวงอกอวบอิ่ม “อืม...หนูเนตร” เสียงครางแผ่วดังจากแผงคอแกร่ง ตอนแรกที่เห็น เขาคิดว่าอกดาราเนตรมีขนาดกะทัดรัด แต่พอสัมผัสเข้าจริง มันกลับเต็มไม้เต็มมือ นุ่มหยุ่นจนอยากที่จะฝังใบหน้าตรงกึ่งกลาง ดูดดื่มความหวานจากปลายยอดทรวงให้ชื่นฉ่ำใจ ชายหนุ่มย่อตัวเล็กน้อย สอดแขนระหว่างข้อพับดันกายกลมกลึงขึ้นจากพื้น พาก้าวเข้าไปในบ้าน เหลือบสายตามองว่าตรงส่วนใดที่เขาจะวางหญิงสาวลงได้บ้าง จะต้องเป็นส่วนที่หลบมุมด้วย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า มันจะไม่เป็นการดี แล้วเขาก็ได้เห็นมุมที่จะใช้สัมผัสกายสาวน้อยได้โดยที่ไม่มีคนขัดจังหวะ ปรมัตถ์ไม่รอช้า เขาก้าวยาว ๆ ไปในทันที ค่อย ๆ วางร่างเล็กลงทั้งที่ยังไม่ถอนจุมพิตหลอกล่อให้อีกฝ่ายนั้นตอบสนอง ฝ่ามือหนาวาดไล้นวดคลึงทั่วกายนุ่ม พลางเกี่ยวสาบเสื้อให้ถอยร่นขึ้นมาทีละน้อย ดาราเนตรรับรู้สัมผัสที่คลอเคลีย เธออยากจะห้าม...ความรู้สึกสะท้านหวั่นไหว แต่พูดไม่ออก ได้แต่มองเสี้ยวหน้าของคนที่มัวแต่ตะลึงงัน มองทรวงอวบอิ่มในเสื้อชั้นในบางเบาที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ มีเสน่ห์จนเธอถึงกับลืมความอายไปเสียสนิท มิหนำซ้ำยังจะอยากจะถูกความปรารถนาครอบงำจนถึงที่สุดด้วย ปรมัตถ์เงยหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาสีนิลวามวาวทอดมองดาราเนตรอย่างอบอุ่น เขาวางมือทาบบนหน้าท้องแบนราบเรียบ “ระหว่างเราคงจะไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว ฉันสัญญาจะไม่ทำให้เธอเจ็บปวด” ปรมัตถ์บอกขณะโน้มใบหน้าลงไปแนบปากเหนือทรวงอวบอิ่ม “อือ...” ดาราเนตรครางรับในลำคอ สัมผัสเขาทำให้เธอปั่นป่วน กายเล็กสั่นสะท้านไหวเหมือนกิ่งไผ่ยามต้องลมแรง เธอไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหนดี จึงยกขึ้นวางบนบ่ากว้าง แต่มันกลับไถลเคลื่อนไปบนต้นคอแกร่ง ปลายนิ้วพาดไปถูกผมนุ่มที่ทำให้เผลอลูบไล้เล่นอย่างไม่รู้ตัว “คุณ...เอ่อ...” กายกลมกลึงสั่นไหวแอ่นโค้งเมื่อถ่านไฟร้อนผ่าวเคลื่อนตัวไปฝังบนเนินทรวงข้างหนึ่ง ริมฝีปากหนาอ้างับปลายยอดที่นูนเด่นขึ้นมา สลับเรียวลิ้นลากไล้เวียนวนผ่านเนื้อผ้าบางเบา ในขณะที่มือก็เคลื่อนเข้าไปครอบครองฟอนเฟ้นอีกข้างอย่างหนักหน่วง “มีอะไรจ๊ะเนตร” ปรมัตถ์ถามทั้งที่ใบหน้ายังซุกไซ้อยู่ระหว่างสองเต้าอวบอิ่มนุ่มนิ่มสลับไปมาทั้งสองทรวง เขาคำรามลั่นเมื่อได้สัมผัสความหอมละมุนจากกายสาว อยากจะเปลี่ยนโซฟาให้เป็นเตียงนอนนุ่ม ๆ ที่เขาจะได้ฉีกทึ้งดึงเสื้อผ้าของดาราเนตรและตัวเองออก ก่อนจะนำพาสองกายละล่องไปท่องสวรรค์ชั้นฟ้า “คือฉัน...” ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เธอรู้สึกว่าร่างกายมันเบาหวิว มันลอย ๆ เหมือนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ที่เธอไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงดี ปรมัตถ์ยิ้มอย่างเอ็นดู เขานวดคลึงผิวเนื้อเนียนนุ่ม สอดแทรกสะกิดตะขอกางเกงจนหลุดออก ทำให้เขาได้สัมผัสเนินเนื้ออิสตรีบอบบางที่ยังไม่แย้มบาน แต่เพราะหูแว่วได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในบ้าน เลยต้องข่มกลั้นความต้องการที่มันเอ่อล้นขึ้นมาให้ทุเลาลง ชายหนุ่มหายใจหอบแรง ขบกัดฟันกรามจนแก้มตอบนูนเด่น ปรมัตถ์เร่งจัดเสื้อผ้าดาราเนตรให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นไปยืนอยู่มองสาวน้อยแก้มแดงน่าหลงใหลอยู่ไม่ไกลที่หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็จะสามารถเอื้อมมือคว้าหญิงสาวมาแนบกายได้ง่าย ๆ “เนตร เนตรแกอยู่ไหนนะ ยายเนตร!” เสียงที่ดังมาปลุกสติดาราเนตรที่เผลอหลงระเริงในเปลวไฟซึ่งไม่เคยได้พานพบได้ชะงัก ใบหน้าสวยหวานแดงปลั่งพอ ๆ กับประกายในดวงตาที่แวววาวราวกับลูกแก้วมองคนที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ใกล้ ๆ แล้วตวัดค้อนใส่ไปวงโต จมูกโด่งได้รูปยู่ย่นใส่คนหน้าเป็น เธอยกมือขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย ริมฝีปากขมุบขมิบด้วยกระดากอายระคนโกรธ “อะไรจ๊ะเมียจ๋า” ปรมัตถ์ร้องถามแบบตีขรุม อดยิ้มไม่ได้กับท่าทีเอียงอายของแม่สาวตรงหน้า “ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ อย่ามาขี้ตู่นะ” “หือ...” รวดเร็วจนดาราเนตรไม่ทันจะได้ตั้งตัว ปรมัตถ์ก็ก้าวเข้าไปนั่งแนบชิด สอดแขนโอบกระชับจนร่างเล็กบางก่ายเกยไปนั่งอยู่บนตัก เขาจับสองมือเล็กกดเอาไว้ ก่อนทาบริมฝีปากบนลำคอระหง “ก็ลองไม่ทำตามความต้องการของผมสิ จะได้ปล้ำมันต่อหน้าต่อตาเพื่อนคุณนี่แหละ” เขาเดาเอาว่าเสียงร้องเรียกเมื่อครู่น่าจะเป็นเพื่อนของดาราเนตร “ก็ลองดูสิ ฉันไม่เอาไม้หน้าสามตีหัวคุณให้เลือดอาบ อย่ามาเรียกว่าดาราเนตร!” หญิงสาวตอบกลับอย่างฮึดฮัด โกรธตัวเองที่เผลอไผล มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ พอถูกชายหนุ่มจับต้องแล้วมันพร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟเสียทุกทีไป จนชักจะหงุดหงิดตัวเองแล้ว “อยากลองอยู่เหมือนกันนะ” ปรมัตถ์ตอบกลับ รอยยิ้มเปื้อนใบหน้า “แต่เอาไว้คราวหน้าดีกว่า กลัวเพื่อนคุณจะรับไม่ได้” ดวงตาเข้มแพรวพราวระยับมองไปทั่วกายกลมกลึงอย่างบอกให้รู้ เขาไม่กลัวสักนิดเดียว “ยายเนตร อยู่นี่เอง ฉันเรียกตั้งนานทำไมแกถึงไม่ตอบ” สาวน้อยร่างเล็ก นัยน์ตากลมโตมาถึงก็ไม่มองอะไรบ่นต่อว่าเพื่อนไปก่อนด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าขาวนวลบูดบึ้งล้อมกรอบด้วยผมที่ยุ่งเหยิง เธอยกมือขึ้นเท้าสะเอว เพราะแวะเข้าไปเอาเสื้อที่ตัดไว้ เลยได้เจอกับพีชาริกาที่ป่าวประกาศเสียงดังลั่นร้านว่า ดาราเนตรหน้าไม่อาย ยืนกอดจูบกับผู้ชายกลางถนน แล้วยังจะบอกว่าเลือกผู้ชาย...กุ๊ยแต่งตัวสกปรกน่าขยะแขยงมาเป็นสามี เธอร้อนใจยืนไม่ติดที่ ต้องรีบบึ่งรถมาอย่างเร่งด่วน จนเกือบจะชนเอากับหลักกิโลและพวกสัตว์น้อยใหญ่ที่วิ่งพล่านไปทั่วถนนเสียหลายครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม