@โรงพยาบาลสัตว์ชื่อดัง
“หมอฆินคะน้องไซบีเรียนเพศชายที่ถูกรถชนพร้อมผ่าตัดแล้วค่ะ”
“ครับเดี๋ยวหมอขอเวลาอีก 10 นาที”
“งั้นดิฉันขอตัวไปเตรียมห้องและอุปกรณ์ก่อนนะคะ”
“ครับ”
“ฆิน” หรือ “ฆินฆายุ” สัตวแพทย์หนุ่มอายุ 33 ปี คุณหมอหนุ่มมาดนิ่งไฟแรงข้างนอกดูเย็นชาไม่ชอบยิ้มเวลาอยู่กับมนุษย์ แต่จะมุ้งมิ้งอ่อนโยนเวลาอยู่กับหมาแมวและสัตว์เลี้ยงทุกชนิด เขาเป็นคนรักสัตว์มากเป็นคนเข้าถึงยากโลกส่วนตัวสูง รูปร่างหน้าตานั้นขาวสะอาดหล่อเหลาพิมพ์นิยมเหมือนดาราเกาหลีที่สาวๆนั้นคลั่งไคล้ สูงโปร่ง จมูกโด่ง ตาคม คิ้วดกดำ เบ้าหน้านั้นครบเครื่องออกแนวโอปป้า ขวัญใจของพนักงานคุณหมอสาวๆทั้งโรงพยาบาลสัตว์กันเลยทีเดียว
เพราะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีการศึกษาก็ดีอาชีพมั่นคงรวยติดอันเศรษฐีของประเทศ ในวัยเด็กถูกพ่อบังคับให้ต้องเรียนหนักมากเรียนพิเศษแทบทุกวันใช้ชีวิตอยู่แต่กับการเรียนจนมีเพื่อนน้อยและกลายเป็นเด็กเก็บกด ตอนนี้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่จึงอยากจะใช้ชีวิตนอกกรอบจากการควบคุมของพ่อกับแม่จึงได้ออกมาเปิดคลินิกรักษาสัตว์เป็นของตัวเองใช้ชื่อว่า “คลินิกเพื่อนสัตว์”
หมอฆินยังอุทิศตัวรักรักษาสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของหรือจากคนยากจนที่ไม่มีเงินจ่าย เขานั้นจะเก็บค่ารักษาถูกมากแทบจะไม่ได้กำไรเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาเองอยากจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่เรียกว่าสัตว์ ส่วนวันจันทร์ - ศุกร์ก็จะเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงของครอบครัว เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเอกอัครราชทูตและคุณหญิงพวงร้อยทายาทเจ้าของโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เขาเป็นผู้บริหารและเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในด้านการรักษาวินิจฉัยโรคและศัลยกรรมแก้ไขความผิดปกติของสัตว์เลี้ยง นักศึกษามหาลัยที่เรียนเฉพาะทางด้านนี้ก็จะมาฝึกงานที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มีชื่อเสียงและมีอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ครบครัน ซึ่งราคาของการบริการรักษาบริบาลสัตว์นั้นก็แพงที่สุดตามมาตรฐานเช่นกัน หมอฆินเองก็ยังทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาสัตวแพทย์เหล่านี้อีกด้วย
หลังจากเลิกงานหมอฆินก็เตรียมตัวจะกลับบ้านที่เขาเปิดเป็นคลินิก เพราะจะเปิดในช่วงเวลาเย็นหลังเลิกงานเป็นต้นไป แม้ว่าจะเป็นคลินิกขนาดเล็กแต่ว่าลูกค้าที่พาสัตว์เลี้ยงเข้ามารับการรักษานั้นก็แน่นทุกวัน เพราะชื่อเสียงฝีมือการรักษายาเวชภัณฑ์ต่างๆที่หมอฆินใช้เป็นแบบเดียวกับที่โรงพยาบาลสัตว์ของครอบครัว ราคาค่ารักษาก็ย่อมเยาว์ทุกคนสามารถเข้าถึง บางครั้งถ้าเจ้าของไม่มีเงินจ่ายเขาเองก็ไม่เรียกเก็บถือว่าเป็นหมอที่มีอุดมการณ์และมีใจรักสัตว์มากคนหนึ่ง
“ไอ้หมอฆินจะรีบกลับไปไหน?”
หมอเวฬสัตวแพทย์หนุ่มรุ่นเดียวกันทำงานที่โรงพยาบาลสัตว์เขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหมอฆิน ทั้งคู่เรียนด้วยกันทำงานด้วยกัน หมอเวฬจะเป็นหมอหนุ่มแบดบอยเจ้าชู้ชอบดื่มชอบเที่ยวมีเสน่ห์เอาใจผู้หญิงเก่ง แตกต่างจากหมอฆินที่เก็บตัวและไม่เคยเห็นเขาคบผู้หญิงคนไหนจริงจัง อาจจะมีคบบ้างไม่กี่คนแต่สุดท้ายเขาและผู้หญิงก็ไปด้วยกันไม่รอด ด้วยนิสัยส่วนตัวและความเย็นชาเข้าถึงยากไหนจะอาชีพที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างอีก จึงทำให้เขาเลือกที่จะเป็นโสดเพราะหาคนที่เข้าใจยาก
“จะกลับบ้านลูกค้ารอเต็มคลินิกแล้ว”
“เฮ้ย!!!…ไม่เอานะอย่ามามองหน้ากูแบบนั้นกูไม่ไปช่วยนะวันนี้ขอตัว”
“มึงลองคิดดูสิว่าถ้าเราช้าแม้แต่นาทีเดียวสัตว์บางตัวอาจจะถึงตายได้นะเว้ย!!…ถ้าหมออย่างมึงเอาแต่เพิกเฉยเอาเวลาว่างไปเที่ยวไปจีบสาวจะมีสัตว์กี่ตัวที่ต้องทุกข์ทรมาน”
“พอๆๆๆ…ไอ้หมอฆินมึงจะรักษาสัตว์ทุกตัวบนโลกนี้ไม่ได้เวลาพักก็คือพักมึงนะจะอยู่แต่กะหมากะแมวไปจนวันตายไม่ได้นะเฮ้ย!!…มึงต้องใช้ชีวิต”
“ชีวิต!!…นี่กูยังไม่ได้ใช้ชีวิตอีกเหรอ?”
“หึ!!…เชื่อเลยไอ้หมอฆินกูอยากจะเห็นตอนมึงมีแฟนสักทีวะ…คนบ้างานจะบ้ารักขนาดไหน?”
“กูยังไม่อยากมีใครทั้งนั้นคนเข้าใจยากซับซ้อนทั้งด้านสรีระร่างกายจิตใจมากกว่าหมาแมวอีก”
“อืมๆๆ…วิชาการก็มาเอาเรื่องสรีรวิทยาของคนมาเทียบกับหมาอีกเวรกรรมกูไปละคืนนี้มีเดท”
“มึงจะไม่เปลี่ยนใจเหรอไอ้หมอเวฬ?…คืนนี้กูจะยกค่ารักษาให้มึงทุกบาททุกสตางค์”
“ไม่เอาเงินกูมีเยอะผู้หญิงต่างหากที่กูขาดไม่ได้”
“เชอะ!!..ไอ้หมอหื่น”
@คลินิกเพื่อนสัตว์
หลังจากที่รักษาสัตว์และปิดคลินิกหมอฆินก็เตรียมตัวอาบน้ำทานอาหารค่ำ เขานั้นทำกิจวัตรประจำวันแบบนี้หลังจากเรียนจบมาหลายปี
“เมี้ยว!!…เมี้ยว!!…”
“ว่าไงครับเชอรีล?”
เจ้าแมวอ้วนลายสลิดหางฟูตัวเมียพันธุ์ผสมที่หมอฆินนั้นขอรับอุปการะเมื่อ 8 เดือนที่แล้วเนื่องจากทำคลอดให้กับแม่ของมันและเชอรีลเองเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุด เจ้าของจึงยกมันให้กับหมอฆินเป็นคนดูแลเพราะเจ้าเชอรีลนั้นเดินไม่ได้มีพัฒนาการช้า ซึ่งหมอฆินเองก็รับเลี้ยงมันด้วยความเต็มใจเฝ้าเลี้ยงดูแลทำกายภาพบำบัดจนเชอรีลเดินได้และมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนแมวทั่วไป
“ทำไม?…จะฟ้องอะไรป๊าหิวเหรอ??…กินจนตัวกลมแล้วนะเรา”
“เมี้ยว!!…เมี้ยว!!..”
เชอรีลคลอเคลียที่ขาของหมอฆินเอาตัวถูไถไปมาออดอ้อนเขาจนต้องอุ้มมันขึ้นมากอดและหอม ทั้งเขาและเชอรีลผูกพันกันมากเพราะในวัยเด็กหมอฆินจะคอยป้อนนมจากขวดและพาเชอรีลไปทำงานด้วยเนื่องจากเป็นแมวทารกต้องป้อนนมทุกๆชั่วโมง จึงทำให้มันติดและรักหมอมากเชอรีลในบางวันก็จะอ้อนมาขอนอนกับเขาเหมือนเช่นวันนี้
“อย่าขึ้นมานอนบนที่นอนป๊า…เชอรีลกลับไปนอนที่ห้องตัวเอง”
เจ้าแมวอ้วนกระโดดขึ้นไปนอนตรงปลายเตียงที่เดิมที่ประจำของมัน ซึ่งหมอฆินนั้นทำห้องให้เชอรีลอีกห้องเป็นบ้านแมวสุดน่ารัก ทว่าเจ้าเชอรีลนั้นติดป๊าของมันมาก จึงไม่ยอมลุกไปตามคำสั่งหมอฆินเองก็เหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างหนัก จึงล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มแล้วก็หลับไปในที่สุด