ธารทิพย์ฉีกยิ้มกว้างให้บุรินทร์ที่นั่งอยูบนโซฟาของล็อบบี้อพาร์ตเมนต์ หล่อนเดินมานั่งข้างชายหนุ่มที่ตนแอบหลังรัก ก่อนทักทาย
“สวัสดีค่ะพี่น็อต”
หล่อนไหว้เขาอย่างสวยงาม เพราะรู้ดีว่า เขาชอบผู้หญิงเรียบร้อย พูดจาไพเราะ และมีนิสัยอ่อนหวาน ซึ่งตรงข้ามกับหล่อนทุกอย่าง
“ทำไมวาไปทำรายงานบ้านเพื่อนถึงไม่บอกพี่ก่อน น้ำเองก็น่าจะบอกพี่ด้วย”
บุรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเล็กน้อย ใบหน้าหล่อบึ้งตึง มองธารทิพย์นิ่ง
“นี่พี่น็อต วาโตแล้วนะพี่ อายุยี่สิบสองแล้ว โตขนาดนี้จะไปที่ไหนก็ได้ อีกอย่างน้ำคงเอาโซ่ไปล่ามเท้าวาไม่ได้ด้วย ที่สำคัญที่สุดพี่น็อตไม่ได้สั่งให้น้ำรายงานความประพฤติและความเคลื่อนไหวของวาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้น้ำไม่ผิด จะผิดก็คือพี่ที่ไม่โทรมาบอกล่วงหน้า อยู่ๆ ก็มาแบบนี้ แห้วรับประทานก็อย่ามาโทษใคร” ธารทิพย์ใส่เป็นชุด งอนใส่บุรินทร์จนคอแทบหัก
“พี่พูดนิดเดียว ใส่มาเป็นชุดเลยนะ”
“ก็มันน่าใส่ไหมล่ะ ตัวเองผิดเองแล้วมาโทษคนอื่น” หล่อนใส่อีกชุด ค้อนให้เขาวงใหญ่ “แล้วนี่มาหาวาทำไม จะมาสืบข่าวไปบอกพี่เหนือหรือไง”
“พี่ก็ทำตามหน้าที่ เหนือฝากให้พี่ดูแลวา พี่ก็ทำตาม ตอนที่เยาว์ไปอยู่เมืองไทย เหนือก็ดูแลเยาว์แทนพี่ ดูแลอย่างดีด้วย พี่ก็ต้องดูแลวาให้ดีสิ”
เยาวภาคือน้องสาวต่างบิดาของบุรินทร์ ที่ช่วงหนึ่งกลับไปเมืองไทยเพื่อดูแลบิดาที่ป่วยหนัก เขาเป็นห่วงเยาวภาที่ไม่ค่อยทันคน อาจถูกบิดาและญาติที่ติดเหล้าและการพนันหลอกเอาเงินหรือมุ่งร้าย เขาจึงไว้วานเหนือเมฆให้ดูแลเยาวภา เหนือเมฆไม่เพียงแค่ดูแลเรื่องที่พัก อาหารการกิน ยังส่งคนมาอยู่เป็นเพื่อนเยาวภาสองคน เยาวภาไปไหนจะมีคนของเหนือเมฆตามประกบ บุรินทร์จึงดูแลวารุณีไม่ต่างกับน้องสาว ตอบแทนความมีน้ำใจของเพื่อนรัก
“ไม่ใช่ว่าแอบมีใจให้วาหรือไง ถึงได้เทียวไล้เทียวขื่อบ่อยมากๆ ขนาดนี้ หัวบันไดที่นี่จะไม่แห้งอยู่แล้ว” ธารทิพย์พูดตามตรง พูดไปเจ็บหัวใจไป
“แอบมีใจให้วาไม่เห็นแปลก วาทั้งสวยนิสัยก็ดี มารยาทก็งาม ไม่เหมือนเราหรอก อย่างกับม้าดีดกะโหลก ใครเอาเป็นเมียปวดหัวแย่” บุรินทร์พูดอย่างไม่ไว้หน้า ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง
“พี่น็อต!” ธารทิพย์เอ่ยชื่อเล่นอีกฝ่ายเสียงสูง อยากตอกกลับไปแรงๆ แต่พอนึกขึ้นได้ว่า ตนเองต้องทำให้บุรินทร์ออกไปจากที่นี่ หล่อนต้องข่มความเสียใจ และคำพูดโต้เถียงไว้ก่อน “พี่น็อต ไปหาอะไรกินกันดีกว่า น้ำหิว”
หล่อนมามุกเดิม
“เจอหน้าก็หิวเลยนะ ไปตายอดตายอยากที่ไหนมา” บุรินทร์แซว
“ก็น้ำเป็นคนนี่คะ คนก็ต้องกิน ต้องถ่าย ไม่ใช่อิ่มทิพย์ที่ไม่ต้องหิว หรือพี่น็อตหิวไม่เป็น ถึงได้พูดแบบนี้” ธารทิพย์โต้กลับ “ไม่รู้ล่ะ น้ำหิวแล้ว หิวสุดๆ หิวมากๆ หิวจนเวียนหัว ตาลาย ท้องร้อง หิวจนจะอาเจียนละ...”
“พอแล้วพอ ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าหิวขนาดนี้ไปหาอะไรกินกันเลยดีกว่า พูดมากลมออกจากท้องจะยิ่งทำให้หิวมากขึ้น” บุรินทร์ห้ามคนพูดมาก แล้วลุกขึ้นยืน “อยากกินอะไรล่ะ”
“ส้มตำ” เมนูอาหารที่ธารทิพย์อยากกิน มีเพียงร้านอาหารไทยในกรุงโรมที่มี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
“หิวจัดขนาดนี้กินส้มตำเนี่ยนะ ไม่กลัวแสบท้องเหรอ”
“กลัวไม่แสบมากกว่า” พูดจบ ธารทิพย์ก็ลุกขึ้นยืน จังหวะที่หล่อนลุกขึ้นยืน รถซุปเปอร์คาร์ของนานโอแล่นมาจอดหน้าอพาร์ตเมนต์พอดี “รีบไปกันเถอะพี่น็อต น้ำหิวจนไส้ลากแล้ว”
ธารทิพย์จับแขนบุรินทร์ก่อนพาเดินออกจากอพาร์ตเมนต์ หล่อนต้องรีบพาบุรินทร์ออกไปจากที่นี่ก่อนนานโอจะมาเห็นตน หากเห็นเขาต้องทักธารทิพย์แน่นอน และนั่นอาจทำให้บุรินทร์สงสัย เป็นความโชคดีของธารทิพย์ที่ว่า บุรินทร์จอดรถอยู่ห่างรถของนานโอห้าคัน หากจอดติดกัน หล่อนคงต้องใช้สมองอันชาญฉลาดคิดหาทางออกแน่นอน เมื่อเข้ามานั่งในรถของบุรินทร์ ธารทิพย์รีบส่งข้อความบอกวารุณีตามแผนที่วางไว้
........................................
ดอกลิลลี่สีขาวถูกยื่นไปตรงหน้าวารุณี สาวสวยในชุดเดรสสีชมพูที่ค่อนข้างรัดรูป อวดส่วนเว้าส่วนโค้งที่เรียกเลือดลมของนานโอให้ปั่นป่วน ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่ช่วยขับความสวยให้โดดเด่น เส้นผมหล่อนตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ดูดี หล่อนถักเปียก้างปลาด้านหน้าทั้งสองข้าง แล้วเก็บปลายผมไว้ที่ด้านหลัง ทำไรผมให้ปรกหน้าเล็กน้อย แค่นี้ก็ทำให้ความโดดเด่นบนใบหน้าวารุณีเพิ่มมากขึ้น หล่อนสวยชวนมอง
“ขอบคุณค่ะ” วารุณีรับดอกไม้ไว้ในมือ นำมาหอมเช่นทุกครั้งที่ได้รับดอกไม้จากเขา
“ผมอยากเป็นดอกไม้ดอกนี้จังครับ” วารุณีช้อนตามองผู้พูด ก่อนปล่อยคำถามใส่
“ทำไมคะ”
“ก็เพราะคุณจะได้หอมผมเหมือนกับที่หอมดอกไม้ไงครับ”
วารุณียิ้มเขิน ความเขินอายจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่หล่อนเจอหน้านานโอ เขาจะสรรหาคำพูดหวานๆ ชวนเลี่ยนมาพูดเสมอ เป็นคำพูดที่ส่งผลตรงถึงหัวใจดวงน้อยให้เต้นแรง พองโตคล้ายลูกโป่งไปทุกวัน
“เราไปกันเถอะคะ ไปถึงช้าจะเสียมารยาท” หล่อนเบี่ยงประเด็น
“เชิญครับเจ้าหญิงของผม” เขาผายมือแล้วส่งยิ้ม สองหนุ่มสาวจึงพากันเดินไปที่รถหรู ก่อนที่ฝ่ายชายจะเปิดประตูรถให้ฝ่ายหญิงเข้าไปนั่ง แล้วเสร็จจึงนำพาตัวเองไปนั่งประจำที่คนขับ จากนั้นก็ทะยานรถตรงไปยังคฤหาสน์เดอมาร์ชี
ระหว่างที่นานโอขับรถไปยังจุดหมาย ทั้งสองคุยกันไปด้วย มีเรื่องหนึ่งที่หล่อนเองก็เพิ่งรู้ว่า ในงานแต่งงานวันนั้นที่ทั้งคู่เจอกัน เป็นงานแต่งงานของราซิเอลโล่ หลานชายของเขากับเพชรหอม เพื่อนสนิทของช้องนางพี่สะใภ้ของตน ช่างเป็นความบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อเลย ความที่เขาเล่าเรื่องราวให้ฟัง ทำให้เกิดคำถามหนึ่งในใจ จนหล่อนต้องถามออกไป
“คุณนานโอคะ ทำไมนามสกุลของคุณถึงได้ต่างกับพี่ชายคะ”
“เราเป็นลูกคนละแม่ครับ ผมเป็นลูกชายของเมียคนที่สองของคุณพ่อ หรือจะพูดง่ายๆ คือผมเป็นลูกเมียน้อย” นานโอคายความจริงให้วารุณีรับรู้ และเป็นความจริงที่น้อยคนนักจะรู้
“ฉันขอโทษนะคะที่ถามออกไปแบบนั้น” วารุณีรู้สึกผิดขึ้นมาทันใด ที่ตนเองเสียมารยาทถาม
“คุณไม่ผิดครับ ไม่ต้องขอโทษ ผมเต็มใจเล่าด้วย” นานโอหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้วารุณี ก่อนหันหน้าไปมองถนน “คุณพ่อผมเป็นคนเจ้าชู้ มีเมียไปเรื่อย แม่ของผมเป็นลูกสาวของคนมีชื่อเสียงบนเกาะชิชิลี ความที่แม่ของผมเป็นคนไม่ค่อยทันคนจึงถูกคุณพ่อหลอกว่า เลิกกับเมียแล้ว แต่ยังอยู่ด้วยกันเพื่อลูก แม่ของผมก็เชื่อ รวมทั้งคุณตาก็เชื่อด้วย อาจเป็นเพราะคุณพ่อไม่ได้ออกงานกับแม่มาเรีย ไม่ได้เป็นข่าวกันนานมาก ทุกคนจึงหลงเชื่อ มารู้ว่าถูกหลอกก็ตอนก่อนใกล้คลอด คุณตาของผมโกรธมาก ไม่ยอมให้คุณพ่อเข้าใกล้คุณแม่กับผม คุณพ่อตามขอโทษอยู่นานเป็นปี จนคุณตาใจอ่อน แต่มีข้อแม้ว่า ผมต้องใช้นามสกุลคุณตา นามสกุลที่ผมใช้มาตั้งแต่เกิด เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ครับ”
“แล้วคุณล่ะคะ แอบมีเมียมีลูกซุกไว้หรือเปล่า” วารุณีถามแกมหยอก
“ถ้าผมมีลูกมีเมียซุกไว้ ผมไม่พาคุณไปบ้านของผมและกำลังจะพาไปบ้านพี่ชายหรอกครับ”
“ฉันว่าเราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน คุณมั่นใจมากถึงขนาดพาฉันไปบ้านพี่ชายคุณหรือคะ หรือว่าคุณทำแบบนี้บ่อยจนเป็นความเคยชิน”
นานโอเข้าใจเหตุผลของคำถามนี้ ชื่อเสียงของเขาด้านผู้หญิงเบาเสียเมื่อไหร่ แถมครองตัวเป็นโสดมาจนถึงอายุสี่สิบเจ็ด วารุณีจึงคิดว่า เขาไม่จริงจังกับใคร
“คุณจะเชื่อคำตอบหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมตอบคุณตรงนี้เลยว่า คุณเป็นผู้หญิงคนแรกและจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมพาไปแนะนำให้ครอบครัวผมรู้จัก อย่างที่ผมบอกคุณไป คุณคือคนพิเศษของผมครับ ฉะนั้นทุกอย่างที่ผมทำให้คุณจะพิเศษกว่าใครๆ” นานโอไม่วายหยอดคำหวาน “คุณยังไม่ต้องเชื่อคำพูดของผมก็ได้ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองครับ”
วารุณียิ้มเขินกับคำพูดของนานโอ เป็นคำพูดในหลายคำของเขาที่ทำให้หัวใจวารุณีพองขยาย เอิบอิ่มอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเปิดประตูรับนานโอเข้ามาทีละน้อย
การไปดินเนอร์กับครอบครัวของนานโอครั้งนี้ วารุณีได้พบกับรามิเอล โซเฟียน่า ราซิเอลโล่ เพชรหอมและน้องยศนัย ที่หล่อนเพิ่งรู้ว่า นานโอเป็นอาของราซิเอลโล่ ถือว่าโลกกลมทีเดียว ทำให้การประหม่าของหล่อนลดลง เพราะอย่างน้อยก็ได้พบกับคนคุ้นเคย แต่ไม่พบกับบิดาของเขาที่ขณะนี้พักผ่อนอยู่ที่ฝรั่งเศส วารุณีได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีและอบอุ่น ความประหม่าก่อนหน้าเหือดหายเมื่อทุกคนให้ความเป็นกันเองของทุกคน
หลังจากมื้อพิเศษผ่านพ้นไป หนุ่มต่างวัยทั้งสามไปนั่งดื่มกันอีกห้องหนึ่ง เพชรหอมพายศนัยเข้านอน วารุณีจึงตามขึ้นไปด้วย และนั่นทำให้สองสาวได้มีเวลาอยู่กันตามลำพัง
“พี่เพ้นท์อย่าบอกเรื่องที่คุณนานโอพาวามาดินเนอร์ที่นี่กับพี่กุ้งนะคะ วากลัวว่าพี่กุ้งจะไปบอกพี่เหนือ ถ้าพี่เหนือรู้เรื่อง มีหวังโกรธวาแน่ๆ ค่ะ”
วารุณีขอความร่วมมือจากเพชรหอมที่เข้าใจเหตุผล
“พี่ไม่บอกหรอก พี่จะให้วาเป็นคนบอกเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่เพ้นท์”
“พี่ว่านะ วาน่าจะบอกพี่เหนือก่อนที่จะมีคนคาบข่าวไปบอก ให้พี่เหนือรู้จากปากวาเองดีที่สุด” เพชรหอมแนะนำ
“วายังไม่มั่นใจค่ะ วาเพิ่งรู้จักคุณนานโอไม่นาน” วารุณีบอกตามตรง
“พี่ว่าระยะเวลาบางทีก็ไม่สำคัญนะ ดูอย่างกุ้งสิ รู้จักตั้มมาสองปีแต่เหมือนไม่รู้จักกันเลย ต่างกับที่รู้จักพี่เหนือเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ปักใจรักง่ายดาย คุณอาเท่าที่พี่รู้จัก เขาไม่ใช่คนเลวร้าย ไม่ได้เจ้าชู้ ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตก็ล้วนแล้วแต่ซื้อกินทั้งนั้น ไม่มีข้อผูกพันใดๆ คุณเอลโล่บอกพี่ว่า คุณอาไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ไม่เคยพาผู้หญิงมาทำความรู้จักกับทางบ้านเลยสักคน วาเป็นคนแรกเลยนะรู้ไหม” เพชรหอมบอกเพิ่มเติม “ที่พี่พูดไม่ใช่เพราะเชียร์คุณอานะ แต่บอกให้วารู้ไว้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวาเพียงคนเดียวว่าจะตัดสินใจยังไง เรื่องความรักจะให้คนอื่นมาชี้แนะไม่ได้ วาต้องใช้หัวใจของวาตัดสิน เพราะผลที่ออกมาไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ จะสมหวัง ผิดหวังหรือเสียใจ วารู้สึกเช่นนั้นเพียงคนเดียว”
วารุณีคิดตามคำพูดของเพชรหอม จะว่าไปความรักไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีระยะเวลาที่แน่นอนว่า กี่วัน กี่เดือน กี่ปีถึงจะมอบคำว่ารักให้อีกฝ่าย ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับหัวใจของคนคนนั้น
เรื่องนี้วารุณีต้องตัดสินใจเองจริงๆ
“คนเราฝืนความรักไม่ได้หรอกนะวา ต่อให้วาพยายามจะไม่รัก แต่ก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้ อย่างพี่ไง พี่พยายามเกลียดคุณเอลโล่ ใจแข็งไม่อ่อนให้เขา สุดท้ายพี่ก็แพ้ใจตัวเอง ให้หัวใจนำทางนะวา”
ใช่...วารุณีห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
นานโอเข้ามาทำให้หัวใจของหล่อนเบิกบาน มีความชุ่มชื้นเสมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา หล่อนมีความสุขยามอยู่ใกล้เขา รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แค่นี้คงมากพอให้หล่อนคิดว่า ตัวเองรักนานโอ เป็นความรักที่รวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
หลุมพรางรักตกลงไปง่าย ทว่าตะกายขึ้นได้ยากนัก แต่หากคิดจะกระโจนลงไป ทุกหัวใจต้องมีความเข้มแข็ง เพื่อจะได้ต่อสู้กับผลลัพธ์ในภายภาคหน้า ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องทานรับให้ไหว