บ้านฟ้าลดา
“ผมไปทำงานก่อนนะครับคุณลุงคุณน้า” เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จจึงต้องไปทำงาน ทั้งศักดิ์ทั้งเทียนใสต่างออกมาส่งหนุ่มข้างบ้านและลูกสาวตรงหน้าประตู
“จ้ะ ขับรถดี ๆ นะ” เทียนใสเป็นฝ่ายเอ่ยตอบรับ
“หนูไปนะ” ศักดิ์และเทียนใสต่างพยักหน้ารับลูกสาว แต่ระหว่างนั้นรถปอร์เช่สีเทาสุดหรูขับเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบท่าหน้าประตูรั้ว
“แล้วนั่นรถใครกัน” ศักดิ์กล่าวขึ้นพลางชะเง้อมองดูเจ้าของรถ ซึ่งฟ้าลดาจำรถปอร์เช่คันดังกล่าวได้ในทันที ไม่นานเจ้าของร่างสูงก็ปรากฏตัวด้วยชุดสูทสีดำกึ่งทางการเชตผมขึ้นอย่างดูดี
การมาเยือนของนักศึกษาหนุ่มหลังจากหายเงียบไปจากชีวิตเธอสี่วันเต็ม ๆ และลักษณะการแต่งกายต่างไปจากที่เคยเห็น ทำให้เธอนึกสงสัยขึ้นมา
“พ่อหนุ่มปืนกันนี่เอง” เทียนใสเอ่ยแล้วเดินตรงไปทางประตูรั้วพร้อมกับศักดิ์ ฟ้าลดาเองก็เช่นกัน ส่วนมารุตมีแววครุ่นคิดขณะเดินตามหลังฟ้าลดาไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ก่อเกิดขึ้นในใจ
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ปืนกันละสายตาออกจากชายหนุ่มอีกคนที่เดินเข้ามาคนสุดท้าย กล่าวสวัสดีพร้อมทั้งพนมมือขึ้นไหว้ชายวัยกลางคนและหญิงวัยกลางคนอย่างนอบน้อม ศักดิ์และเทียนใสพยักหน้ารับเด็กหนุ่มที่เชื่อว่าคือเพื่อนสมัยเรียนของลูกสาว
มารุตย่นคิ้วเล็กน้อยเกิดความสงสัยในสรรพนามของชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน ใช้เรียกบิดามารดาของรุ่นน้องสาวข้างบ้านดูคล้ายสนิทสนมกันมากทีเดียว และเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารุ่นน้องสาวข้างบ้านมีเพื่อนผู้ชาย
“วันนี้แต่งตัวหล่อเชียวนะพ่อหนุ่ม” ศักดิ์กล่าวชม
“ขอบคุณครับ”
“มีอะไรหรือเปล่า?” ฟ้าลดาชิงถามตัดหน้าผู้เป็นแม่ที่กำลังจะอ้าปากถามประโยคต่อไปกับนักศึกษาหนุ่ม
“ผมผ่านมาทางนี้พอดี เลยกะว่าจะมารับเออ...” ปืนกันหยุดชะงักกลางประโยค ขณะสมองกำลังค้นหาสรรพนามที่ต้องใช้เรียกอาจารย์สาวเมื่ออยู่ต่อหน้าบิดามารดาของเธอ เมื่อคิดได้จึงรีบเอ่ยออกไป “...มารับฟ้าไปมหาลัยด้วยน่ะครับ”
ริมฝีปากหนาแย้มยิ้มแห้งพร้อมทั้งส่งแววตาอ้อน ๆ ไปให้อาจารย์สาว เพื่อขอลดหย่อนความผิดในสรรพนามที่เรียก
“เออ...คือว่า..” ฟ้าลดามีสีหน้ากระอักกระอ่วนและกำลังจะปฏิเสธ แต่กลับต้องกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงท้องไปก่อนเมื่อนักศึกษาหนุ่มเอ่ยแทรกตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“อีกอย่างผมมีธุระที่ต้องคุยด้วยน่ะครับ”
ฟ้าลดาเลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม เพราะไม่รู้ว่าธุระที่นักศึกษาหนุ่มกล่าวถึงคืออะไร ส่วนมารุตที่มาก่อน เขาตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่ออาสาพารุ่นน้องสาวข้างบ้านไปส่งถึงที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเธอตอบตกลง แต่ขอให้เขาไปส่งถึงแค่ป้ายรถเมล์เท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีชายหนุ่มแปลกหน้ามาเสนอตัว หนำซ้ำรถยนต์ยังหรูหราน่านั่ง ต่างจากมอเตอร์ไซค์รุ่นธรรมดาของเขาอย่างริบหรี่ ทำเอาเขาใจแป้วขึ้นมาทันที
“เรื่องสอนพิเศษครับ” ปืนกันตอบออกไปพลางตวัดมองชายหนุ่มที่ยืนข้างอาจารย์สาวแวบหนึ่ง
ฟ้าลดากลอกตาไปด้านข้างมองมารุตอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนหนึ่งก็จะพูดคุยเรื่องงาน ส่วนอีกคนก็มาก่อน
“ไหน ๆ พ่อปืนกันมีเรื่องงานจะคุยกับยัยฟ้า งั้นยัยฟ้าก็ไปกับพ่อปืนกันเถอะ อีกอย่างโรงเรียนตารุตอยู่อีกทาง ตารุตเองจะได้ไม่เสียเวลากลับไปกลับมาด้วย” เทียนใสเป็นฝ่ายจัดแจงตามเหตุและผล สร้างความไม่พอใจให้แก่มารุตอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อจริงอย่างที่หญิงวัยกลางคนว่าเขาจึงต้องจำนนและไม่ดื้อรั้น
“งั้นผมขอตัวพาฟ้าไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ” เมื่อได้รับคำตอบรับจากชายหญิงวัยกลางคนทั้งสอง เขาจึงถือวิสาสะคว้าข้อมือเล็กของอาจารย์สาวให้เดินตามไปทันที สร้างความตกใจให้ฟ้าลดาเล็กน้อย
ในขณะที่มารุตยังคงมองตามหลังทั้งคู่ไป กระทั่งทั้งคู่ลับตา
@ภายในรถ
“ที่ผมขาดการติดต่อไปเลย ผมขอโทษนะครับ คือผมไปทำงานกับพ่อที่ต่างประเทศมาน่ะครับ งานยุ่ง ๆ ไม่มีค่อยมีเวลาว่างจับโทรศัพท์เลยครับ” ปืนกันสร้างคำอธิบายโกหกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังให้ดูน่าเชื่อถือ ขณะบังคับพวงมาลัยรถขับออกจากประตูรั้วบ้าน
“ไม่เป็นไรจ้ะ อาจารย์ฝากงานไว้กับเพื่อนนักศึกษาได้รับแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
“แล้วธุระที่ว่าล่ะ?”
“ซี๊ด~” ปืนกันส่งเสียงในปากพลางทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนเอ่ยออกไปอย่างหน้ามึน “นั่นสิครับผมจะพูดอะไรกับอาจารย์นะ ผมลืมไปแล้วอะ ไว้ผมคิดออกจะบอกอาจารย์อีกทีนะครับ”
ฟ้าลดาหม่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยมองนักศึกษาหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ และเป็นจังหวะที่นักศึกษาหนุ่มหันมองมาพอดี
“อย่ามองผมด้วยสายตาจับผิดแบบนั้นสิครับอาจารย์”
“โกหกกันเหรอ?”
“ครับ” ฟ้าลดาคลายคิ้วออกจากกันทันควัน เพราะจู่ ๆ นักศึกษาหนุ่มก็ตอบออกมาตามตรง ทำเอาเธอมึนงงอยู่ไม่น้อย “ที่จริงผมตั้งใจมารับอาจารย์แหละครับผมคิดถึง”
ตึกตัก!ฟ้าลดาเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างอึ้งงัน ขณะหัวใจของเธอพากันกระหน่ำเต้นแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ จนต้องบีบมือตัวเองแน่น อีกทั้งความรู้สึกบางอย่างยังก่อตัวขึ้นในใจทำเธอตั้งรับไม่ทัน
“โกรธผมหรือเปล่า”
ฟ้าลดรีบเบนสายตามองไปทางอื่นพลางเกี่ยวปอยผมทัดใบหูแก้เขิน ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปอย่างไม่เป็นตัวเองสักเท่าไหร่ “ไม่จ้ะ”
“ผมดีใจนะครับที่อาจารย์ไม่โกรธผม”
ฟ้าลดาที่ไม่รู้จะตอบอะไรก็ได้แต่นั่งเงียบ ๆ มองออกไปนอกหน้าต่างรถ โดยที่สมองพลันครุ่นคิดไปต่าง ๆ นานาไม่หยุด เพราะประโยคบอกคิดถึงของนักศึกษาหนุ่มที่ทำเอาหัวใจเธอปั่นป่วนไปหมด จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย
“ขอบคุณนะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”
ฟ้าลดาคลี่ยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปปลดเข็มขัดนิรภัย โดยที่ปืนกันยังคงจ้องมองอยู่
“อาจารย์ครับ”
“หืม?”
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากเรียกอาจารย์เฉย ๆ ไม่ได้เรียกนานคิดถึงน่ะครับ” ปืนกันพูดหยอดพลอยให้ฟ้าลดาเสียอาการหนักกว่าเดิม เธออึ้งสบตากับนักศึกษาหนุ่มอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ โดยที่จังหวะหัวใจยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาเต้นเป็นปกติ
เธอพยายามเก็บสีหน้าแล้วแค่นยิ้มบาง ๆ อย่างไม่กล้าสบตากับเจ้าของใบหน้าหล่อ เธอตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบไปหมด
“ไปนะ”
“ครับ”
ฟ้าลดาส่งยิ้มจาง ๆ ไปให้ปืนกันแล้วรีบเปิดประตูก้าวขาลงจากรถทันที เธอยืนส่งนักศึกษาหนุ่มจนกระทั่งรถเปอร์เซ่สุดหรูขับเคลื่อนผ่านไป
“ฟู่~” เธอหลับตาพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งอก ระยะเวลาที่เธอนั่งรถมากับนักศึกษาหนุ่ม ไม่มีวินาทีไหนที่เธอไม่รู้สึกเกร็ง เธอทาบมือตรงอกข้างซ้ายอย่างแปลกใจกับก้อนเนื้อข้างในที่พากันกระหน่ำเต้นอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดราวกับจะทะลุออกมาให้ได้
“สวัสดีครับอาจารย์ฟ้าใส”
ประโยคขานเรียกฉุดรั้งให้ฟ้าลดาหลุดออกจากภวังค์ เธอหันมองไปตามน้ำเสียงสุภาพน่าฟังแล้วกล่าวรับตามมารยาท “สวัสดีค่ะอาจารย์ภีม”
“แฟนมาส่งเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ค่ะ!” ปฏิเสธออกไปทันควันพลางยกไม้ยกมือประกอบ สร้างรอยยิ้มดีใจให้กับภีมทันที ทั้งคู่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ากำลังมีใครบางคนแอบมองอยู่ไกล ๆ
“ครับ ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทจนเกินไป ผมถามเรื่องส่วนตัวอาจารย์ได้ไหมครับ”
“ค่ะ”
“อาจารย์ฟ้าใสมีแฟนหรือมีใครในใจแล้วยังครับ”
“ฟ้ายังไม่มีใครค่ะ” ฟ้าลดาตอบออกไปตามตรง แม้ว่าจะรู้สึกตงิด ๆ กับคำถามของอาจารย์หนุ่มก็ตาม
“อ๋อครับ”
“งั้นฟ้าไปที่ตึกก่อนนะคะ”
“ครับ ไว้เจอกันนะครับ”
“ค่ะ” ฟ้าลดาตอบรับเพียงเท่านั้นแล้วสาวเท้าเดินไปทันที โดยมีสายตาของภีมมองตามไปอย่างไม่วางตา