คฤหาสน์ ทินกร
“อาหารเย็นพร้อมแล้วปืน คุณน้ามายให้มาตาม”
“อือ เสร็จพอดี” ปืนกันส่งยิ้มให้เพื่อนสาวคนสนิทพลางเก็บโทรศัพท์เครื่องหรูเข้ากระเป๋ากางเกงยีน แล้วสาวเท้าเดินกลับเข้าบ้าน ซึ่งผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นแม่ รวมถึงผู้ให้กำเนิดของเพื่อนสาวคนสนิทนั่งรอในห้องอาหาร ส่วนพอร์ชขอตัวกลับไปก่อนเพราะติดธุระสำคัญ
“ทานเยอะ ๆ นะหนูชมพู” พิรดากล่าวกับหลานสาวที่เห็นหน้ามาตั้งแต่ยังเป็นทารก เธอนั่งตรงข้ามกับสามีและด้านข้างคือเมษาภรรยาของแทนที่นั่งข้างกับสามี ส่วนลูกชายนั่งข้างแทนตรงข้ามกับหลานสาว
“ค่ะคุณน้า ชมพูคิดถึงอาหารไทยฝีมือคุณแม่กับคุณน้าที่สุดเลยค่ะ”
พิรดาและเมษาหันมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กับคำตอบชมพู
“หนูชมพูจะกลับมาอยู่ไทยถาวรเมื่อไหร่?” ทินกรกล่าวถาม
ชมพูที่กำลังจะอ้าปากตอบกลับต้องหุบลงเป็นเส้นตรงเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยแทรกขึ้น ซึ่งเธอไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ “คงอยู่ที่นู่นถาวรครับ ผมยกบริษัทสาขาสองให้ชมพูดูแลต่อจากผม”
“กูไม่ได้ถามมึงไอ้แทนอย่าเสือกตอบแทนหลานกูดิ!”
แทนตีหน้ามึนไหวไหล่อย่างไม่สะท้านกับสายตาอำมหิตที่มาเฟียใหญ่จ้องมอง ทินกรเห็นอย่างนั้นก็ส่ายหน้าเอือมระอาแล้วกล่าวถามความเห็นจากหลานสาวอีกครั้ง “จริงอย่างที่พ่อหนูว่าไหม?”
“คงต้องอย่างนั้นแล้วค่ะคุณอา”
“ดูเธออยากอยู่ไทยมากกว่าอยู่เมกานะ” ปืนกันที่สังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวจึงเอ่ยออกไป ทำให้ผู้เป็นอาตวัดสายตามองมาอย่างคาดโทษทันที แต่เขาก็ไหวไหล่พลางตักอาหารเข้าปากแทน ทำไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่ตัวเองพูด ส่วนชมพูก็นั่งทานข้าวอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรกระทั่งรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จ
“...”
“เรียนเป็นยังไงบ้างปืน?” ขณะเดินออกมาสวนหน้าบ้านรับบรรยากาศอันสดชื่นในยามค่ำคืน ที่ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป
“ก็เรื่อย ๆ แหละ เทอมหน้าก็ฝึกงานแล้วแม่ง!โคตรขี้เกียจ”
“หึ แค่สามเดือนเองเร็วจะตาย”
“เธอล่ะจะอยู่เมกาถาวรจริง ๆ เหรอ?” ปืนกันหยุดเดินแล้วหันไปสบตากับเพื่อนสาวคนสนิทแววตาจริงจังกว่าทุกครั้ง
ชมพูพ่นลมหายใจพลางหลุบตามองต่ำครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นตอบ “อืม! ฉันไม่อยากขัดใจพ่อน่ะ”
“บางอย่างขัดใจบ้างก็ได้นะ ฝืนไปก็ไม่มีความสุข ชีวิตเป็นของเธอ...เธอมีสิทธิ์ทำตามที่ใจต้องการ”
“หึ ๆ นั่นสิเนอะ ลองดูก่อนสักปีถ้าไม่สนุกจริง ๆ ค่อยกลับไทย”
“อือ ฉันจะรอวันที่เธอกลับมา”
“อื้ม!”
ปืนกันมองตามหลังเพื่อนสาวคนสนิทที่เดินนำไปยังเก้าอี้นั่งในสวนแววตาหม่นลงเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินตามไป
หลายวันต่อมา
@สนามแข่งรถ BG
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผมเข้าไปได้ไหมครับนายน้อย?”
ขณะที่เพลงเศร้ากำลังบรรเลงไปอย่างได้อารมณ์ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความขุ่นมัวในใจ ตามด้วยเสียงของลูกน้องคนสนิท ปืนกันที่อยู่ในท่าเอ็นหลังพิงพนักเก้าอี้ เหยียดท่อนขาพาดบนโต๊ะทำงาน ส่งเสียงในปากอย่างรำคาญก่อนจะเอ่ยตอบออกไปพลางแกว่งแก้ววิสกี้ในมือวน ๆ “เข้ามา”
ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาในทันที
เดเดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานแล้วโค้งศีรษะทำความเคารพนายน้อย ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ต้องแจ้งออกไป “นายใหญ่ฝากมาว่าให้นายน้อยไปส่งสินค้าแทนคืนนี้ครับ”
ปั่ก!
“อือ มึงไปเอาเหล้ามาให้กูอีกขวดดิ” ปืนกันเอาขาลงจากโต๊ะทำงานแล้ววางกระแทกแก้วเปล่าลงบนโต๊ะทำงาน
“ผมว่านายน้อยพอก่อนไหมครับ เดี๋ยวคืนนี้จะไปส่งของไม่ไหวเอานะครับ” เดเอ่ยออกไปอย่างหวังดี เนื่องจากขวดวิสกี้ที่นายน้อยดื่มหมดไปแล้ววางเรียงกันบนโต๊ะทำงานถึงสองขวดด้วยกัน แม้ว่าผู้เป็นนายจะคอแข็งมากก็ตาม แต่หากดื่มไปอีกขวดสติคงลดลงมากพอสมควร
“ไปเอามาให้กู” เสียงลอดไรฟันที่เปล่งออกมาจากปากนายน้อยพร้อมกับแววตาน่ากลัวจ้องเขม็งอย่างกดดัน ทำให้เดไม่กล้าขัดใจ ทำได้เพียงโค้งศีรษะน้อมรับคำสั่งแล้วเดินออกไป โดยที่ภายในใจเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ตลอดสี่วันที่ผ่านมานายน้อยเอาแต่ดื่มจนเมามาย หนำซ้ำยังไม่ไปเรียน ทำตัวเสเพลราวกับคนอกหัก
“...”
ลูกน้องคนสนิทออกไปได้ไม่ทันไรบานประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
“เอาเวลามานั่งกินเหล้าไปเรียนดีกว่าไหม กูขี้เกียจเอางานมาให้มึงแล้ว” ไตรบ่นพร้อมกับวางใบงานวิชาต่าง ๆ ของวันนี้ไว้บนโต๊ะให้กับเพื่อนสนิท แล้วเลื่อนเก้าอี้ออกกระแทกตัวนั่ง ปืนกันหลุบตามองกระดาษเอสี่บนโต๊ะนิ่งครู่หนึ่ง
“มึงมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ถามแบบนี้จะไล่กู?”
“กูอยากอยู่คนเดียว”
“พูดอย่างกับคนอกหักงั้นแหละ ไหนจะไอ้เพลงเศร้าพวกนี้อีก”
“กูไม่มีวันอกหัก”
“อย่ามั่นหน้าให้มากนักไอ้สัส มึงมัวแต่นั่งดื่มอยู่อย่างนี้แพ้พนันพวกกูไม่รู้ด้วยนะ อีกไม่กี่วันจะครบอาทิตย์อย่างที่มึงเคยประกาศไว้แล้วหนิ ได้กินอาจารย์คนสวยยังวะ ได้แค่จูบไม่นับนะโว้ย!”
ปืนกันฟังอยู่เงียบ ๆ พลางดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มไปมาอย่างวิตกไม่น้อย จากสถานการณ์เมื่อหลายวันก่อน เขาสามารถทำให้อาจารย์สาวคล้อยตามได้ไม่ยาก หากเดินหน้ารุกเต็มกำลังอีกหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังวางใจไม่ได้
“อย่าให้เสียชื่อปืนกันสามวันปิดจ๊อบก็แล้วกัน ถึงครั้งนี้ไม่นับก็เถอะ”
ประโยคของเพื่อนสนิททำให้ปืนกันรู้สึกกดดันและหนักใจไม่น้อย ซึ่งเรื่องผู้หญิงไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องคิดแผนการให้เปลือกสมองมากเท่าอาจารย์สาวที่จืดชืดไร้รสชาติมาก่อน
แต่ระหว่างบทสนทนาลูกน้องคนสนิทก็นำวิสกี้มาเสิร์ฟแล้วเดินออกไป
“พูดจบแล้วก็กลับไป”
“มึงไล่กูสองครั้งแล้วนะไอ้สัส!” ไตรแหวใส่แต่เมื่อเจอกับสายตาจริงจังของเพื่อนสนิทที่มองมาแสดงถึงความต้องการอยู่คนเดียวจริง ๆ จึงเลือกที่จะยอมไปแต่โดยดี “เออไปก็ได้วะ เอ่อ!ไอ้ปืนกูลืมบอกมึงไปเรื่องหนึ่ง”
“อะไร?”
“อาจารย์ภีมดูเหมือนชอบเหยื่อมึงเลยว่ะ เห็นตามวอแวมาสองสามวันแล้ว”
ปืนกันกัดฟันกรอกพลางกำหมัดแน่นอย่างหัวเสียทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนสนิท อารมณ์เศร้าก่อนหน้านั้นถูกอารมณ์โกรธเข้าแทรกในทันที