ตอนที่ 8 รถเข็นขายของคันใหม่

1341 คำ
สนามบิน “ชมพูรู้แล้วใช่ไหมว่ากูกับมึงอยู่ตรงนี้?” พอร์ชถามพลางชะเง้อชะแง้มองหาเจ้าของชื่อ ภายในสนามบินเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาใช้บริการ “อือ” ปืนกันครางเสียงตอบรับเท่านั้นโดยสายตายังคงสอดส่องมองหาไม่ต่างไปจากเพื่อนสนิท หัวใจแกร่งเต้นตุ๊บ ๆ อยากเจอเจ้าของชื่อเต็มทน ก่อนจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างเล็กใบหน้าน่ารักกำลังโบกมือทักทาย “ชมพู” ปืนกันยิ้มกว้างสองเท้าหนักวิ่งตรงเข้าหาหญิงสาว ท่อนแขนแกร่งอ้าออกกว้างแล้วสวมกอดหญิงสาวแน่นด้วยความคิดถึง หมับ! “อ๊ะ!ปืน” ชมพูคลี่ยิ้มแล้วกอดตอบ โดยมีสายตาของพอร์ชจ้องมองอยู่ ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าหล่อกลับจางหายไป แววตาคมสดใสถูกแววตาขุ่นมัวแทรกเข้ามาแทนที่กระทั่งปืนกันปล่อยกอดออกจากชมพู ชมพูคือเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของปืนกันและพอร์ช ทันทีที่เรียนจบมัธยมปลายเธอเลือกไปศึกษาต่อปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา “ขอโทษพวกแกด้วยนะที่ให้รอนาน ๆ อะ” “ไม่เป็นไรเลยชมพู” พอร์ชกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “กูว่าเรารีบไปกันเถอะคนเยอะอึดอัด” “อย่าพูดกูมึงสิปืน ไม่น่าฟังเลย” “ก็มันติดปากแล้วหนิ” ชมพูกอดอกมุ่ยหน้าพลางทำแววตาโกรธเคืองปืนกัน “อ่า ๆ ก็ได้ครับคุณหนูชมพู พวกเราไปกันได้หรือยังครับ?” “ประชดเหรอ?” “เปล่าซะหน่อย” ปืนกันลอยหน้าลอยตาปฏิเสธพลางไหวไหล่ สร้างรอยยิ้มบาง ๆ ให้แก่ชมพู ริมฝีปากจิ้มลิ้มจิ๊ขึ้นเล็กน้อยอย่างหมั่นไส้ มีเพียงพอร์ชเท่านั้นที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดอะไรหลังจากนั้น กระทั่งเดินทางออกจากสนามบิน @ Club Café “แกบทนี้แกสอนนักศึกษายัง” สายธารเหลือบมองเพื่อนสาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อไม่มีเสียงตอบกลับ ฟ้าลดาเอาแต่นั่งจ้องหนังสือบนโต๊ะท่าทางดูเหม่อลอย “ฟ้าใส ฟ้าใส!” “ฮะ?!” “ดูแกใจลอย ๆ นะ มีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า?” “ก็เรื่องทั่ว ๆ ไปแหละแก ไม่มีอะไรมากหรอก ว่าแต่เมื่อกี้แกพูดอะไรนะ?” ฟ้าลดารีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา ขณะในหัวเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็นที่ห้องของนักศึกษาหนุ่มไม่หยุด จนบางครั้งจิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายธารพยักหน้าหงึก ๆ สองสามทีแล้วถาม โดยที่ยังไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้เพื่อนสาว “แกสอนถึงบทไหนแล้ว?” “บทที่ 4 แล้วแหละ พรุ่งนี้เข้าเนื้อหาบทที่ 5” “อ๋อ แล้วเป็นไงบ้างสอนเด็กปี 4” “ก็ดีแก แล้วแกล่ะ?” “ของฉันนะผู้ชาย Sec.1 พูดกันเสียงดังม้ากมาก~ เข้าไปสอนทีไรหูแทบแตก” สายธารกลอกตามองบนพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายพลางทำท่าทางประกอบ สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ฟ้าลดาเบา ๆ แต่ขณะเดียวกัน… ติ้ง~ ฟ้าลดาหลุบตามองตามเสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์รุ่นแอนดรอยด์ธรรมดาบนโต๊ะที่วางคว่ำหน้าอยู่ เธอหยิบยกขึ้นมา บนหน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏข้อความจากปืนกัน เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันพลางกดเปิดอ่าน ณัฐกรณ์ (ลูกศิษย์) : อาจารย์คนสวยครับ? ณัฐกรณ์ (ลูกศิษย์) : พรุ่งนี้แล้วก็วันอังคารช่วงเย็นผมติดธุระที่บ้านงดเรียนไปก่อนนะครับ ณัฐกรณ์ (ลูกศิษย์) : เจอกันที่ห้องเรียนนะครับผม ณัฐกรณ์ (ลูกศิษย์) : ?? ฟ้าลดาระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางกดพิมพ์ข้อความตอบกลับไปแล้ววางคว่ำหน้าโทรศัพท์บนโต๊ะเช่นเดิม ภายในใจรู้สึกห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้รับข้อความจากนักศึกษาหนุ่ม “เกิดอะไรขึ้นแก ดูซึมเชียว” สายธารกล่าวถามพลางวางส้อมตักเค้กบนจานเค้กส้มของตัวเอง “เปล่า ๆ ไม่มีอะไร ว่าแต่แกเถอะเย็นนี้ไปตลาดปะ?” “แหม~รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ” สายธารหรี่ตามองอย่างจับผิด ฟ้าลดายิ้มแห้ง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกไป บ้านฟ้าลดา “เอ้า!นั่นมาพอดีเลย” ฟ้าลดาที่ก้าวขาเข้าประตูบ้านได้ไม่ถึงสามก้าว กลับต้องหยุดเดินแล้วเลื่อนสายตามองไปตามเสียงของผู้เป็นพ่อ มารุตยืนอยู่ตรงทางเข้าบ้านคล้ายเหมือนกำลังจะเดินทางกลับ “สวัสดีค่ะพี่รุต จะกลับแล้วเหรอคะ?” กล่าวถามพร้อมกับสาวเท้าเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามารุตและผู้เป็นพ่อ “ครับ พอดีพี่เอาหนังสือมาคืนเราเฉย ๆ น่ะ” “อ๋อค่ะ อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อนสิคะ ไม่เห็นต้องรีบเลย บ้านเราอยู่ใกล้แค่นี้เองค่ะ” “อยู่ก่อนเถอะตารุต” ศักดิ์กล่าวอย่างเห็นด้วยกับลูกสาว มารุตคลี่ยิ้มพลางเลื่อนสายตาออกจากชายวัยกลางคนไปมองหญิงสาวรุ่นน้องข้างบ้าน แววตาแฝงความรู้สึกดีอยู่ในนั้นมากมาย จากนั้นทั้งสามจึงเดินเข้าบ้าน ก่อนที่ฟ้าลดาจะแยกตัวออกไปช่วยผู้เป็นแม่ตรงครัวหลังบ้านเยื้องกับแปลกผักสวนครัว ทว่าสะดุดตาตรงรถเข็นขายของคันใหม่เอี่ยม ต่างจากคันเก่าตัวรถและหลังคากันแดดกันฝนเสียหายค่อนข้างหนักจากเหตุการณ์ถูกทวงหนี้เมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ยังสามารถขนอาหารไปขายที่ตลาดได้ ซึ่งก็ค่อนข้างลำบากพอสมควร “ฟ้ามาพอดีเลยช่วยแม่ยกกับข้าวไปหน่อยลูก” “แม่คะ ซื้อรถเข็นคันใหม่เหรอ ฟ้าไม่เห็นรู้เลย?” ฟ้าลดากล่าวถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัยพลางสาวเท้าเดินไปหยุดตรงแคร่ไม้ไผ่ “แม่ไม่ได้ซื้อหรอกจ้ะ ก็พ่อหนุ่มปืนกันเพื่อนลูกส่งมาให้ แม่ไม่ทันได้ถามอะไรคนส่งของก็กลับไปซะก่อน ลูกไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” “ไม่ค่ะ” ฟ้าลดาหม่นคิ้วเข้าหากันเป็นปมอย่างไม่เข้าใจถึงเจตนาของนักศึกษาหนุ่ม ไม่รู้ว่าเขาซื้อให้เธอเนื่องในโอกาสอะไรและซื้อให้ทำไม หลังจากช่วยผู้เป็นแม่จัดเตรียมอาหารวางบนโต๊ะอาหารเสร็จ เธอจึงขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ที่สวนหลังบ้าน ตูดดดดด “ครับอาจารย์คนสวย” รอสายไม่นานน้ำเสียงทะเล้นของปลายสายกรอกเข้ามาหยอกเย้า แต่ตอนนี้เธอกลับไม่มีอารมณ์ขัน “ค่ารถเข็นขายของเท่าไหร่คะ ส่งเลขบัญชีมาให้ด้วยนะ อาจารย์จะโอนคืนให้” “ใจเย็น ๆ สิครับอาจารย์เสียงแข็งเชียวน้า~” “...” ฟ้าลดามุ่ยหน้าใช้ความเงียบเข้าต่อต้านนานหลายวินาที ก่อนที่ปลายสายจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “อาจารย์อย่าเงียบสิครับ ผมใจไม่ดีเลย” “ส่งเลขบัญชีพร้อมราคามาให้อาจารย์ด้วยนะ เท่านี้แหละค่ะ” “เดี๋ยวครับอาจารย์ ผมตั้งใจซื้อให้เพราะเห็นว่าอันเก่ามันพังจนล้อแทบไม่ขยับแล้วครับ อีกอย่างพ่ออาจารย์ใช้แรงเข็นเยอะมากกว่าเดิม เกรงว่ากระดูกกระเดี้ยวท่านจะปวดเอาน่ะครับ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ความห่วยใยที่นักศึกษาหนุ่มมีให้แก่ครอบครัวเธอ ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นาน เธอรู้สึกซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย “อาจารย์ขอบคุณนักศึกษามากนะ ที่จริงไม่ต้อง...” “อย่าคิดมากไปเลยครับ ขอแค่อาจารย์รับน้ำใจจากผม ผมก็ดีใจมากแล้วครับ” “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” “เพื่ออาจารย์ผมยินดีครับ” ฟ้าลดากดวางสายพลางยกมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายที่เอาแต่กระหน่ำเต้นไม่หยุด ก่อนจะเลื่อนมาจับริมฝีปากเบา ๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานที่ห้องของนักศึกษาหนุ่มประดังประเดเข้ามาในหัว ทำให้รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที จนแก้มใสทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อราวกับลูกมะเขือเทศสุกงอม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม