ตอนที่2 คืนละเท่าไหร่
รถของบิดาที่เพิ่งขับออกไปจากมหาลัยไม่ได้เรียกความสนใจจากเขาได้เท่าหญิงสาวเพิ่งลงมาจากรถเลย เมียน้อยของบิดาเดินผ่านหน้าเขาไปเป็นเรื่องปกติเพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ที่ไม่ปกติคือเขาในตอนนี้กำลังเดินตามเธอไป
“เธอชื่อพระพายเหรอ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้สองเท้าชะงัก เธอค่อย ๆ หันกลับมามองคนตัวสูงในชุดนักศึกษามีเสื้อช็อปสาขาวิศวะฯสวมทับ เขาน่าจะเป็นรุ่นพี่
รัชชานนท์ที่ว่าจะถามเธอย้ำอีกครั้งแต่กลับลืมว่าจะทำอะไรต่อเพียงแค่เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ใกล้ ๆ ดวงตาของเธอแค่ปรายมาเขาก็เหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“พี่ถามว่าอะไรนะคะ”
“เธอชื่อพระพายหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ ชื่อพระพาย” ไม่ต้องสืบหาอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ก่อนหน้าก็เห็นอยู่ว่าพ่อเขาเป็นคนมาส่งเธอเอง ‘พระพายเดียวกันนี่แหละ’
“แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าคนที่มาส่งเธอเมื่อกี้เขามีเมียที่จดทะเบียน”
“พี่จะพูดอะไรคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงสั่นเครือเพราะไม่รู้ว่าชายตรงหน้ามาด้วยความคิดแบบไหน แต่รัชชานนท์นั้นปักใจไปว่าเธอกลัวที่เขารู้เรื่องสกปรกนี้
“ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวนี้เมียน้อยไม่ต้องอยู่อย่างหลบซ่อนแล้วสินะ ถึงได้หน้าหนากันทั้งคู่” เขาคว้าข้อมือคนที่กำลังจะเดินหนีไว้ ณ ตอนนี้แววตามีมนต์สะกดกำลังฉายแววหวาดกลัวให้เขานึกสนุก
“ได้จากพ่อฉันคืนละเท่าไหร่ล่ะ ฉันจ่ายให้มากกว่าได้นะ จะเหมาไปเลี้ยงเพื่อน”
“ปล่อยฉันนะคะ”
“กลัวเหรอ เมียน้อยอย่างเธอกลัวเป็นด้วย” มุมปากของชายหนุ่มประดับด้วยรอยยิ้มน่าเกรง ข้อมือของพระพายถูกบีบแน่นขึ้นแม้จะพยายามบิดให้หลุดจากเขาอย่างไรก็ไม่ง่ายเลย
“ปล่อยฉันเถอะ เจ็บ”
พลั่ก!
“อ๊ะ!” ร่างบางล้มพับไปกับพื้นเมื่อเขาไม่เพียงแค่ปล่อย แต่ยังสะบัดเธอด้วยความหมั่นไส้สุดขีดก่อนจะเดินผ่านเธอไปเหมือนไม่ได้เพิ่งก่อเรื่อง
“น้อง เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” พระพายพยายามหยัดตัวลุกขึ้นแต่เพราะยังตกใจไม่หายทำให้เธอทิ้งตัวลงนั่งพับเพียบอีกครั้ง
“น้องครับ”
หญิงสาวถูกเขาช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และสีหน้าที่ซีดเผือดของเธอก็ทำให้เขากังวลว่าเจ็บตรงไหนมากกว่าที่เห็นหรือเปล่า
“น้อง”
“ขอบคุณพี่มากนะคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้มเมื่อเธอตอบอย่างไม่ใส่ใจและรีบเดินจากไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำกระเป๋าเงินตกเอาไว้ตรงที่เธอนั่งพับเมื่อครู่ เขาเดินไปหยิบมันขึ้นมาและถือวิสาสะเปิดมันเผื่อจะเจอบัตรประชาชนของเธอ
“พระพาย วิมลกุล”
.....
หลังเข้าเรียบแบบสมองหลุดลอยหญิงสาวก็ใช้น้ำเย็น ๆ ประพรมกรอบหน้าเรียกสติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าทำเธอระแวงและใจหวิวสั่นด้วยความกังวล
“โห ยังใช้กระเป๋ารุ่นเก่าอยู่อีกเหรอ” พระพายหันมองหญิงสาวที่ยืนส่องกระจกอยู่ข้าง ๆ และเพราะที่นี่คือห้องน้ำเสียงพูดจึงดังแจ่มชัดจนไม่คิดว่าเธอจะได้ยินผิด
“ดูจากรถที่ขับเขาน่าจะรวยอยู่น้า ขี้งกเหรอถึงไม่ค่อยเปย์?” พระพายเลือกที่จะเงียบเพราะเธอถูกมองว่าเป็นแบบนั้นไปแล้ว แก้ตัวไปคงเป็นเรื่องตลกให้คนพวกนั้นขำเปล่า ๆ
“เราเรียนคลาสเดียวกันนะ เห็นเธอนั่งคนเดียวตลอดเลยไม่มีเพื่อนเหรอ”
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นมาเป็นเพื่อนกันมั้ยล่ะ ฉันก็ไม่มีคนคบ” หญิงสาวคนนั้นพิงสะโพกผายกับขอบอ่างล้างหน้ารอคอยคำตอบ จากสีหน้าที่เธอกำลังยิ้มนั่นก็ดูเป็นมิตรเหตุผลอะไรถึงไม่มีคนคบกัน
“ว่าไง”
“แน่ใจเหรอคะ”
“ทำไมล่ะ ฉันเองก็เสี่ยเลี้ยงเหมือนกัน”
“แต่ฉันไม่ใช่นะคะ”
“ไม่ต้องอายหรอก อีพวกนั้นก็เสี่ยเลี้ยงกันทั้งนั้นแหละแต่มันแอ๊บ” พระพายกลัวการมีเพื่อนใหม่อยู่ไม่น้อย แต่การจะปฏิเสธก็ดูจะร้ายแรงเกินไป
“ค่ะ”
“เอาเบอร์เธอมาสิ จะได้ติดต่อกันฉันชื่อเชอร์ชี่นะเรียกสั้น ๆ ว่ารี่ได้เลย”
หลังจากแลกเบอร์ติดต่อกันสองสาวก็แยกย้ายทั้งที่พระพายคิดเอาไว้ว่าจะชวนเธอไปกินมื้อกลางวันด้วยกัน
“ตาแก่หื่นโทรตามแล้ว บ่ายไม่น่าจะมาทัน” นี่คือคำพูดทิ้งท้ายก่อนที่พระพายจะยืนอึ้งอยู่คนเดียวในห้องน้ำแบบนั้น