ตอนที่1เมียน้อย
.....
บ้านหลังใหญ่ที่ดูน่าอยู่จากสายตาคนนอก แต่คนในบ้านกลับแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางทั้งที่มีกันอยู่แค่สามคนพ่อแม่ลูก รัชชานนท์ทายาทคนเดียวของสุริยเดชหน้าบึ้งตึงทันทีที่กลับบ้านในรอบสัปดาห์แต่ได้เห็นมารดานอนน้ำตาไหลบนเตียงกว้างเพียงลำพัง
“แม่”
“เรย์! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูกไม่เห็นบอกก่อนเลย แม่จะได้ให้เด็กเตรียม...”
“เขาทำร้ายแม่อีกหรือเปล่า”
“...”
“ผมบอกแล้วว่าหย่าให้เขาไปเถอะ แม่จะเก็บเขาไว้ทำไม”
“เรย์ ใจเย็น ๆ นะลูก อย่าโมโหพ่อเขาเลยนะมันบาป” เดือนเพ็ญใช้น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลมลูกชาย แม้ว่าตัวเองจะเจ็บไม่น้อยที่พ่อลูกต้องมาแตกแยกกัน
“ถ้าเวรกรรมมีจริงเขาไม่ได้เสวยสุขบนความทุกข์ของแม่หรอก”
“แม่จ้างนักสืบไปตามมาแล้วนะ ผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้นมันชื่อพระพาย”
“รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ที่ผ่านมาผมไม่เห็นว่าแม่จะทำอะไรเขาได้”
“แต่นังคนนี้มันเรียนที่เดียวกับลูกนะเรย์ แม่เจ็บที่สุดคือนังเมียน้อยมันเรียนที่เดียวกับลูก หยามหน้ากันเกินไปมั้ย” รัชชานนท์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะชวนมารดาพูดเรื่องอื่น
“แม่กินข้าวหรือยัง ผมว่าแม่พักผ่อนเถอะ”
“เรย์จะไปแล้วเหรอ”
“ผมแค่ผ่านมา ไม่อยากอยู่นานเดี๋ยวเจอเขา” รัชชานนท์พูดเสียงเย็นชาพร้อมกับดึงผ้าขึ้นห่มให้มารดา
“ยอมขอโทษพ่อเขาเถอะนะเรย์ พ่อเขาก็ไม่ได้โกรธลูกจริงจัง..”
“ผมไม่ผิด แม่เลิกประเหลาะผมได้แล้ว” เดือนเพ็ญยิ้มอย่างขมขื่นที่บ้านมันร้อนเพราะความมักมากของสามี
“เราเป็นลูกนะ ยอมก่อนไม่น่าเสียหาย”
“เดี๋ยวผมตามพี่น้อยหน่ามานอนเป็นเพื่อนนะ”
“ก่อนไปหยิบยานอนหลับให้แม่ที” รัชชานนท์ลอบถอนหายใจให้มารดา ถึงขนาดต้องพึ่งยานอนหลับเกือบทุกคืน ตอนไม่หลับก็ทรมานใจแต่ก็ยังไม่ปล่อยยอมทะเบียนสมรสกระดาษโง่ ๆ นั่น
“แม่ทนได้เรย์ แม่จะไม่ยอมให้สมบัติแม้แต่ชิ้นเดียวของสุริยเดชกระเด็นไปถึงมือใครหรอก”
“ของแม่ก็มีไม่น้อย เลิกทนเถอะครับ”
“แม่รักพ่อเขามาก แม่ทำใจปล่อยเขาไปไม่ได้เรย์”
พระพาย นักศึกษาสาวปีหนึ่งสาขาบริหารธุรกิจเจ้าของใบหน้าเย่อหยิ่ง นิ่งเรียบจนดูไม่ใช่คนเฟรนด์ลี่เท่าใดนัก เธอต้องมาเรียนในมหาลัยที่ไร้เพื่อนเก่าจึงกลายเป็นคนตัวคนเดียวอย่างไม่มีทางเลือก
ณ เวลานี้เธออึดอัด และรอเวลาไปถึงมหาวิทยาลัยอย่างใจจดใจจ่อกลัวอะไรต่ออะไรให้วุ่นไปหมด
“พิมเงินหนูใช้วันละเท่าไหร่ล่ะ”
“สามร้อยค่ะ”
“พอใช้รึนั่น เอาจากลุงไปอีกสิ” ดวงตาที่เกือบจะเดาความรู้สึกของเธอไม่ออกเหลือบมองเงินปึกใหญ่ที่ยื่นมาให้ แต่หญิงสาวไม่คิดจะรับความหวังดีหรือหวังอะไรจากเขา
“เดี๋ยวสิ รับไปเถอะ” เขารั้งเธอไว้ด้วยการจับที่ต้นแขน ก่อนจะต้องปล่อยเพราะสายตาไม่พอใจที่เธอใช้มอง
“ปลดล็อคประตูรถให้ด้วยค่ะ”
“ถ้าหนูไม่รับเงินก็ไม่ต้องลง” พระพายเบื่อหน้าเขาเต็มทนจึงคว้าเงินเจ้าปัญหานั่นมันจากมือที่ที่มีร่องรอยบอกว่าเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว เมื่อสมใจคนให้เขาก็ปลดล็อคประตูให้หญิงสาว
ปึง
“กำเงินฟ่อนใหญ่ลงมาเชียวล่ะวันนี้” พระพายฝืนใจเมินคำสบประมาทพวกนั้นเพราะเธอก็กำเงินลงมาจากรถจริง ๆ ที่ไม่ชอบติดรถเขามาก็เพราะแบบนี้นี่แหละ