Intro
พี่ชาย [my brother]
00 Intro
“พี่มีนนนน” เสียงยัยน้องตัวดีแหกปากตะโกนร้องเรียกฉันลั่นบ้าน เปิดเรียนวันแรกก็แบบนี้ล่ะนะ วุ่นวายจริงๆ ฉันรีบวิ่งเข้าไปในห้องของน้ำขิงลูกสาวของป้าผู้มีพระคุณสูงยิ่งในชีวิตฉัน
“มีอะไรอีก” มาถึงสภาพที่ฉันเห็นคือห้องถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย น่าจะกำลังหาอะไรสักอย่างอยู่
“ถุงเท้าขิงหาย พี่ซักแล้วเอาไปไว้ไหน” น้ำขิงหันมาโวยใส่ฉัน
“กี่ก็เก็บไว้ในลิ้นชักเดิมนะ ขิงค้นมาขนาดนี้ไม่หายไปแล้วหรือไง”
“พี่ต้องหาให้เจอ” อ้าวเฮ้ย ฉันก็ยังแต่ตัวไม่เสร็จนะเฟ้ย แต่ก็นะเบี้ยล่างอย่างฉันจะไปต่อปากต่อคำอะไรได้ ตั้งแต่แม่กับพ่อเสียไปป้าก็รับฉันมาเลี้ยงส่งเสียให้มีการศึกษาตอนนี้อยู่ ม.5 แล้ว ฉันเพิ่งย้ายโรงเรียนใหม่เนื่องจากน้ำขิงมีเรื่องบ่อยจนต้องโดนเชิญย้าย ป้าอยากให้ฉันช่วยดูแลน้องเลยต้องย้ายด้วย
พอจัดการธุระของน้ำขิงเรียบร้อยแล้วก็ถึงตาที่ฉันจะต้องจัดการธุระของตัวเองบ้างสิ กลับมาจัดการแต่งตัวที่ห้อง ไหนจะต้องออกไปกินข้าวเสร็จแล้วต้องล้างจานอีกงานเยอะจริงๆ
“อ้าวมีน วันนี้ป้ารีบป้าไปก่อนนะ ส่วนน้ำขิงป้าไปส่งเอง มีนก็ไปกับน้ำชาก็แล้วกันนะ” น้ำชาเป็นลูกชายคนโตของป้า รุ่นเดียวกันกับฉันนี่แหละ นี่ก็เห็นว่าย้ายไปได้อยู่ห้องเดียวกับน้ำชาด้วยก็ดีเหมือนกันไปพร้อมกันเลยไม่ต้องไปเสียเวลาเดินเอ๋อ
“เดี๋ยวชาช่วยนะ” พอกินข้าวกันเสร็จแล้ว ฉันก็ลุกขึ้นเตรียมเก็บจานไปล้าง แต่ชาก็มักจะช่วยฉันเสมอ พอจัดการกับจานกองโตเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์ชาไปโรงเรียน ไม่นานก็ถึง โรงเรียนใหม่กับโรงเรียนเก่าห่างกันแค่ซอยเดียว แต่แค่โรงเรียนเก่าเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ถึงโรงเรียนก็เข้าแถวแล้วเดินเข้าห้องเรียน นานพอสมควรกับการที่ต้องทนฟัง ผ.อ. เล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรยาวราวกับเล่ามหากาพย์ 3 ก๊ก ไม่เห็นจะมีใครฟังเลยด้วย ไอ้เราเด็กๆ ก็ตากแดดตากลมกันไป อาจารย์ก็หลบตามพุ่มไม้ไปตามระเบียบ บ่นก็จะถูกถามว่าแค่นี้ทนไม่ได้โตไปจะทำอะไรได้ ขอโทษนะคะหนูไม่ได้จะโตไปเป็นกระบองเพชรค่ะฮัลโหล (จากใจล้วนๆ) นอกเรื่องไปไกลกลับมาที่เรื่องของฉันบ้างล่ะ ชาเดินนำฉันไปที่ห้องเรียน ที่นี่มีห้องเรียนประจำไม่ต้องเดินเรียนแบบโรงเรียนเก่าจะมีก็แค่บางวิชาที่ต้องไปเรียนที่ห้องโดยเฉพาะ ฉันเรียนสายศิลป์ภาษาเพราะค่อนข้างจะโง่กับการคำนวณ ไม่รู้จะต้องเรียนลึกไปทำไมพวกคณิตศาสตร์เครื่องคิดเลขก็มี
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” หัวหน้าห้องเป็นสาวอวบผิวคล้ำดูมีพลังอำนาจในการควบคุมคนทั้งห้องลุกขึ้นออกคำสั่งทำความเคารพ
“สวัสดีครับ/ค่ะ”
“วันนี้นักเรียนใหม่ย้ายมาอยู่ที่ห้องเรา 1 คนทุกคนก็น่าจะได้เห็นกันแล้ว แต่อยากให้มาแนะนำตัวสักหน่อยเชิญข้างหน้าห้องค่ะ” ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะตัวเองเดินลัดเลาะออกไปยังหน้าห้อง
“สวัสดีค่ะชื่อนางสาวมีนรินทร์ สว่างสิริ ชื่อเล่นมีน ย้ายมาจากโรงเรียนสตรีหมีน้อย (สมมติเอา) ”
“ค่ะครูชื่อสุกัลป์ยา จุลจรรโลงใจ เป็นครูประจำชั้น ม.5/2 สอนวิชาภาษาอังกฤษ”
“สวัสดีค่ะ” คือนึกภาพตามว่าอาจารย์ท่านจะแต่งตัวเปรี้ยวๆ เฟี้ยวๆ พูดสำเนียงติดอังกฤษ เวลาพูดจะต้องมีไม้มีมือประกอบคำพูดอะไรแบบนั้นล่ะ หึบันเทิงแน่ๆ ชีวิตใหม่ในโรงเรียนนี้
หลังจากที่อาจารย์โฮมรูมพูดคุยกับพวกเราจบท่านก็ขอตัวไปสอน พวกเราก็รอเรียนวิชาแรกกันไป ฉันได้นั่งข้างน้ำชาเพราะนางจัดการยกโต๊ะมาตั้งให้
“นี่เธอเราชื่ออิงนะ ถนัดวิชาภาษาอังกฤษเรียกได้ว่าเป็นเด็กปั้นอาจารย์สุกัลป์ยาเลย มีอะไรถามเราได้นะ” ผู้หญิงที่นั่งโต๊ะเยื้องๆ กับฉันลักษณะเธอก็จะตัวผอมส่วนสูงสง่าจะสักอืม…150 นิดๆ ผิวขาวผมยาวประบ่า หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน
“แหมอิง ทำไมไม่บอกมีนด้วยล่ะว่าในห้องไม่ค่อยมีคนคุยด้วยอะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้หญิงที่นั่งอยู่มุมสุดหลังสุดของห้องพูดตะโกนข้ามมา ทำเอาอิงเหวอไปเลยเหมือนกัน
“อะไรกันอีกอะ” ชานั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง พร้อมกับวางน้ำเปล่าให้ฉันขวดหนึ่ง
“ก็ปริมดิมาว่าเรา” อิงรีบฟ้องชา แน่ะไม่ธรรมดาว่ะ
“ก็อิงมันโม้ให้มีนฟังว่าตัวเองเก่ง แต่ไม่บอกว่าไม่มีใครคบเพราะเห็นแก่ตัว” นี่ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่วันแรกด้วยวะ
“อะมีนนี่น้ำ เราซื้อมาให้ ร้านค้าอยู่ไกลจะได้ไม่ต้องเดินไกล” ชาไม่สนใจสองคนที่เถียงกันอยู่แต่หันมาคุยกับฉันแทน ช่วงเช้าเราเรียน 4 วิชา บ่ายอีก 2 นี่ยังไม่เจอกับขิงเลยไม่รู้เป็นไงบ้าง
-พักกลางวัน-
ฉันยังไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย คนในห้องดูไม่ค่อนจะเป็นมิตร กันสักคนเลยยิ่งแก๊งยัยปริมยิ่งแล้ว จิกเอาจิกเอาจิกเป็นไก่เลยว่ะ ดูท่าจะเฟี้ยวสุดในห้อง นี่ก็ต้องมาเดินกับแก๊งน้ำชามีแต่ผู้ชายทั้งนั้น (คือผู้ชายทั้งหมดในห้องอะ) คนก็มองสิ ใจเย็นพวกเราเพิ่งย้ายมาไม่มีเพื่อนโว้ย จ้องยังกับเห็นนองอกออกมากลางหน้าฉันยังงั้นอะ พอได้ข้าวแล้วเราก็เดินมานั่งที่โต๊ะกันคือคิดสภาพว่าฉันเป็นดาวล้อมเดือนอะ ผู้ชายห้อมล้อมแล้วอีนี่จะคุยอะไรกับใครได้ล่ะคะ? เรื่องที่เขาคุยกันมันแบบ บอลงี้ เกมงี้ มองสาวงี้ ไอ้เราจะไปแจมเฮ้ยดูนมคนนั้นดิเดินมาทีแบบดึ๋งๆๆๆ มันก็ไม่ใช่ไง ได้แต่นั่งฟังไปแบบเงียบๆ
“มึงดูไอ้พี่ประธานนักเรียนดิ ขี้เก๊กฉิบหาย” ฉันหันไปมองตามนิ้วของคนในกลุ่มที่แอบชี้ไปหาผู้ชายร่างสูงสง่าราวกับราชายีราฟ ผิวขาวออร่าประหนึ่งหลอดนีออนสะท้อนแสงกระแทกเข้ามาในตา จมูกโด่งเป็นสันยิ้มโชว์ฟันขาวเดินเด่นมาแต่ไกล เข้ามาใกล้เครื่องหน้ายิ่งชัด คิ้วดกดำเหมือนปลิงอเมซอนรับด้วยตาคู่คม กลมโตที่พร้อมจะฟาดลงตรงกลางใจคนที่เผลอไปจดจ้อง แต่!! ไอ้เรื่องเก๊กนี่เห็นด้วย แค่เดินมาซื้อข้าวต้องเก๊กเบอร์นั้นเลยเหรอ เดินเสยผมล้วงกระเป๋าย่างก้าวราวกับเดินอยู่บนรันเวย์ คนในโรงอาหารที่เหลียวมองกันคอแทบหลุดไม่รู้มองเพราะหล่อหรือเพราะความเก๊กเบอร์สุดของชี
“เห็นเค้าว่ากันว่ามันแอบชอบโบว์ห้องคิงที่เป็นดาวโรงเรียนอะแต่ไม่มีปัญญาจีบ 55555”
“เออไอ้ชา โบว์ชอบมึงไม่ใช่เหรอวะ จีบเลยดิ ไอ้ประธานมันจะได้หน้าแหก” ผู้ชายอะไรวะเนี่ยขี้เม้าท์ว่ะ ร้ายด้วย
“ไม่เอาอะ ไม่ชอบว่ะ ติดหนู ท่าทางคุณหนูฉิบหาย”
“จีบขำๆ ปะวะ ไม่ชอบก็เลิก” ไอ้ตัวดำๆ ฟันเหยินๆ ที่เอาแต่ยุให้น้ำชาทำเรื่องแย่ๆ นี่มันเป็นคนยังไงวะเนี่ย อยากทำก็ทำเองสิโว้ย
“ห้องสมุดไปทางไหนอะชา มีนอยากอ่านหนังสือ” ฉันกินอิ่มแล้ว รำคาญจะฟังแก๊งผู้ชายขี้เม้านี่แล้ว ไปห้องสมุดดีกว่า
“อืม…ให้ชาไปส่งมั้ย มันค่อนข้างไกลเลยนะจากที่นี่”
“เอ๊ย ไม่เป็นไรชานั่งกับเพื่อนไปเหอะ บอกทางเรามาก็ได้” ฉันไม่อยากจะไปรบกวนเวลาที่ชาอยู่กับเพื่อนอะ แค่มาเดินติดอยู่ในแก๊งผู้ชายแบบนี้คนก็มองไม่ดีแล้ว
“ก็จากตรงนี้นะเดินลัดสนามบาสตรงนั้นไปหน่อยจะเจอร้านค้าสีแดงๆ ตรงแยกให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆ จะเจอตึกแฝดที่มันติดกันมีทางเดินใต้ตึกให้ลอดตรงนั้นแล้วตรงไปอีกหน่อย”
“แค่นี้ใช่มั้ย”
“ยัง จะเจอแปลงเกษตรทดลองเดินลัดไปข้างหลังตรงไปเรื่อยๆ ก็เจอแล้ว”
“เดี๋ยวนะ นี่ห้องสมุดหรือฐานก่อการร้ายยึดครองโลกอะ ทำไมมันซับซ้อนขนาดนี้อะ”
“ชาล้อเล่น...อยู่ข้างๆ ตึกที่เราเรียนนั่นแหละข้างหลังเลย” มันน่ามั้ยล่ะ คนก็จริงจังโว้ยอารมณ์เสีย ฉันลุกจากโต๊ะเอาจานไปเก็บซื้อน้ำติดไปแล้วตรงไปที่ห้องสมุด ไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ทางนั่นแหละ แต่แปลกแฮะยิ่งเดินเหมือนยิ่งไกล ตอนมามันก็เร็วกว่านี้นี่หว่าหรือเราเดินช้า ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงตึกที่เรียนเมื่อเช้า หลังตึกใช่มะ ฉันเดินลัดไปทางข้างตึกเพื่อไปที่ห้องสมุด พอมาถึงก็มองเห็นตึกเก่าๆ ด้านหน้ามาบ่อน้ำขนาดใหญ่และต้นไม้ปกคลุมดูน่ากลัวยังกับตึกร้างในหนังฝรั่ง
“จะไปไหนล่ะสาวน้อย” ฉันหันไปมองต้นเสียงเย็นยะเยือกที่ดังมาจากข้างหลัง หญิงแก่ร่างเล็กผอมซูบผอมขาวยาวถึงกลางหลัง สวมชุดดำทั้งตัวดำยันปาก แหมวัยรุ่นเหมือนกันนะยาย ทาลิปดำด้วย
“หนูจะมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดอะค่ะ แต่ไม่ดีกว่า” พูดจบฉันก็น้อมตัวเดินก้มหลังผ่านยายคนนั้นมา
“เดี๋ยวสิ”
“เฮ้ย” ตกใจอะไรน่ะเหรอ ตกใจยายแกนี่แหละฉันว่าฉันเพิ่งเดินผ่านแกมาแล้วไหงแกมาดักหน้าฉันอีกล่ะ ยาย ไม่นะยาย หนูเพิ่งย้ายมา ยายเป็นคนใช่ไหม
“ฉันไม่ใช่ผีหรอก” แน่ะ! รู้ซะด้วย
“รู้สิก็หนูคิดดังขนาดนี้” อ่อคิดดังไป เฮ้ย! ไม่ใช่ละความคิดนะ คนอื่นจะได้ยินได้ไง
“ได้สิ”
“ยาย ยายเป็นใครเนี่ย”
“เดี๋ยวตบชักเลย เด็กสมัยนี้ปากคอเราะร้ายยายอะไร เรียกข้าว่าเทเลซ่า”
“คุณยะ…” พอขึ้นยะแกก็ถลึงตาใส่เลย
“คุณเทเลซ่า เป็นใครคะ” ทำใจดีสู้เสือไปก่อน คุณเทเลซ่าค่อยๆ ขยับเข้ามาหาฉัน
“ฉันเป็นแม่มด”
“ห้ะ!!!” ฉันกวาดตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า คนถูกมองก็ยืนเชิดอย่างภาคภูมิใจ
“โดนตัวไหนมาเนี่ย พอเลยยายหนูไม่เล่นด้วยละ บาย” พูดจบฉันก็เดินหนีออกมา ย้ายโรงเรียนทั้งทีเจอคนบ้าก่อนเลยเหรอวะ โอ๊ยชีวิตบัดซบ!!