พี่ชาย [my brother]
บทที่ 1
เย็นวันนี้ฉันกลับบ้านมาพร้อมป้ากับน้ำขิงเพราะน้ำชาขอไปเล่นเกมกับเพื่อนต่อ ฉันนั่งเบาะหลังส่วนน้ำขิงนั่งข้างคนขับ
“โรงเรียนใหม่เป็นไงบ้างคะขิง” ป้าถามขึ้นระหว่างที่รถติดไฟแดง
“โอ้ยแม่ ไอ้เรื่องดีดีก็มี เรื่องไม่ดีก็เยอะ” น้ำขิงตอบเสียงห้วน
“เรื่องไม่ดีนี่อะไรล่ะ” ป้าถามต่อ
“ก็อีพวกขี้อิจฉาน่ะสิแม่ มัรู้ว่าขิงเป็นเน็ตไอดอล มันรู้ว่าขิงดัง แล้วก็สวยกว่ามัน มันก็พากันมองจิก แล้วก็แอบนินทาขิงด้วย” โอ้ยมั่นเบอร์ไหนวะเนี่ยน้องฉัน น้ำขิงเป็นเนตไอดอลที่มีชื่อเสียงพอสมควรยอดผู้ติดตามเป็นแสน โพสต์ทีนึงไลค์กันถล่มทลาย แต่ดังมาจากอะไรน่ะหรอ ? เต้นร่อนเอว ฉันเคยเตือนหลายครั้งแล้วว่ามันไม่เท่มันไม่ชิคมันดูเห่อหมออ้อย แต่ก็โดนตอกหน้าหงายทุกครั้ง จนล่าสุดน้ำขิงไปบอกป้าว่าฉันไปคอมเม้นฉีกหน้า (คือเตือนน้องด้วยความหวังดีอะ) ป้าก็มาด่าฉัน ก็เลยคิดได้ว่าเออแม่เค้ายังไม่ว่าแล้วกาฝากแบบฉันจะต้องไปยุ่งทำไม
“แล้วทำไมมีนไม่ดูแลน้อง” ป้ามองด้วยสายตาตำหนิฉันผ่านทากระจกมองหลัง
“มีนกับขิงเรียนคนละตึกค่ะ วันนี้ทั้งวันไม่ได้เจอกันเลย”
“ป้าให้มีนมาดูน้องนะ” ป้าใจเย็นมีนก็ต้องเรียนของมีน น้ำขิงก็โตแล้วมั้ย แต่ก็นั่นแหละเบี้ยล่างอย่างฉันก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับฟังคำตำหนิติเตียนไปตามระเบียบ ทำไงได้เงินก็ใช้ของป้ามาไม่รู้เท่าไหร่ บ้านก็บ้านป้า ได้เรียนทุกวันนี้ก็ป้าทั้งนั้น อะไรที่มันพอจะช่วยได้ก็ช่วย
ติดอยู่บนรถไม่นานก็ถึงบ้านมาถึงก็นั่นแหละเปลี่ยนเสื้อผ้าเคลียร์งานบ้านทุกอย่างตั้งแต่ล้างจานกวาดบ้านถูกบ้านรดน้ำต้นไม้ รีดผ้า บลาๆ เสร็จแล้วถึงจะมีเวลาเป็นของตัวเอง อ่านหนังสือ ทำการบ้าน
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นโอ้ยเพิ่งได้พักค่าฮัลโหล ทำไงได้สุดท้ายฉันก็ต้องยอมวางหนังสือแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูรับงาน (มั่นใจเลยว่าเป็นงาน)
“พี่มีนนี่” น้ำขิงยื่นสมุด 2 เล่มให้กับฉัน
“อะไร”
“การบ้านขิงเองอะ พี่ช่วยทำหน่อยนะ” อ่าวเห้ยการบ้านตัวเองก็ทำสิมาใช้กันแบบนี้ได้ไง
“ทำไมไม่ทำเองล่ะขิง การบ้านเนี่ยอาจารย์เค้าให้เรามาเพื่อทีเราจะได้ทบทวนและฝึกฝนความรู้ที่เรียนมานะ”
“จะทำไม่ทำ!?” น้ำขิงยืนท้าวเอวมองหน้าฉันแบบเอาเรื่อง
“ขิงนี่มันไม่ดีเลยนะ”
“แมมมมมมม่” ทุกทีพอใช้ฉันไม่สำเร็จ หรือไม่ได้อย่างใจก็แหกปากเรียกหาแม่ทุกที เด็กน้อเด็ก
“มีอะไรกันร้องเสียงดังไปถึงข้างนอก” ป้าเดินเข้ามาด้วยความเร็วแสง โดนอีกแล้วสิอีมีนเอ้ย
“ก็พี่มีนอะ ไม่ยอมทำการบ้านให้ขิง” กยังดีที่ฟ้องไปตามตรง ป้าขมวดคิ้วเข้าหากัน
“มีน ทำไมไม่ทำการบ้านให้น้อง” เอ้าชิบหาย คดีพลิก
“ก็ การบ้าน…มันของ “
“ของใครก็ทำไปสิ ช่วยกันได้ก็ช่วย มีนเรียนมาก่อนผ่านมาก่อน น้องไม่เคยเรียนจะทำได้ยังไง ทำไมเป็นคนแบบนี้ เคยคิดจะช่วยอะไรเพื่อแบ่งเบาภาระบ้างมั้ย” ไม่ควรไปเห่อดากหวังดีเลยกู ทุกที ทุกทีไป ไม่เข็ดไม่จำสักที วันนาบีออนท้อป เหลือเกิน สุดท้ายการบ้านทั้งสองเล่มนั้นก็มาปรากฏกายอยู่บนโต๊ะไม้โทรมๆ ในห้องใต้บันไดเล็กๆ ของฉัน คณิตศาสตร์ด้วย กูล่ะโง๊โง่ทางนี้ ฉันเปิดสมุดออกดูโจทย์ บอกได้คำเดียวเลยว่า ตาย โอ้โหสมการห่าอะไรไม่รู้นี่เปิดเรียนวันแรกอาจารย์ก็จัดเต็มเลยหรอ เมื่อมั่นใจแน่ว่าทำไม่ได้ จึงเอาเก็บไว้ก่อนแล้วกางอีกเล่มออกดู ภาษาอังกฤษ เออค่อยยังชั่ว โจทย์คือให้เขียนอาชีพในฝันมา 1หน้ากระดาษแล้ว…ออกไปพรีเซนท์หน้าห้อง ชิบหายละไอ้ครั้นจะไปปลอมตัวพรีเซนท์แทนรึก็ไม่ได้เอาไงดีวะ ฉันเลยตัดสินใจเดินจากห้องตัวเองขึ้นไปเคาะห้องแม่เนตไอดอลที่ชั้น 2 เพื่อสอบถามข้อมูล อย่างน้อยๆ ถ้ารู้ว่าในนี้พูดอะไรบ้างคงพอออกไป ไก่ๆ กาๆ หน้าห้องได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันเคาะประตูอยู่นาน
ปัง!!! จนในที่สุดมันก็ถูกเปิดออกอย่างไม่ค่อยยินดีนัก คนในห้องยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด เดาอาการก็คือไม่พอใจนั่นเอง
“อะไร มีอะไร คนไลฟ์อยู่ต้องมาเสียเวลา แฟนคลับหายเพราะพี่นี่แหละ” ใจเย็นเห้ย พี่มาช่วยเอ็งไงขิง เดี๋ยวก็ออกไปยืนหวีแหกหน้าห้องเพราะพูดไม่ได้หรอก
“การบ้านอะ”
“เสร็จแล้วหรอ” น้ำขิงรีบมองหาสมุดแต่ไม่เจอหรอกไม่ได้เอามา
“ยัง”
“ยังแล้วมาทำไม”
“ก็ฟังก่อนสิ” ตั้งสติเย็นไว้มีนเย็น! ไว้!
“ภาษาอังกฤษเค้าให้เขียนอาชีพในฝันว่าอยากทำอะไร”
“อะไรก็ได้เอาๆ ไปเถอะ” พูดจบนางก็เตรียมปิดประตูหนี ฉันเลยรีบเอามือไปคว้าประตูไว้
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกกะ” นำขิงเริ่มงอแงด้วยความไม่พอใจ นี่งานใครวะเนี่ยทำไมกูต้องไปตื้อเบอร์นี้ด้วย
“เขียนไปแล้วต้องพรีเซนท์หน้าห้องด้วย” เหมือนมันจะได้ผล น้ำขิงชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด
“พี่ว่าไงนะ” ดูจากหน้าสวยๆ ของน้ำขิงแล้วนั้น ฉันก็ไม่แน่ใจว่า นางไม่ได้อ่านโจทย์เลย หรือว่านางอ่านไม่ออกกันแน่ (นี่กูด่าน้องใช่มั้ย)
“พี่บอกว่า เขียนแล้วต้องพรีเซนท์ด้วย”
“เขียนยังไงก็ได้เอาง่านๆ เหมือนท่อง ก ถึง ฮ” วอทนี่มันบทความภาษาอังกฤษนะโว้ย ให้สอนหมาร้องเพลงยังง่ายกว่าอีกมั้ง
“ก็ถึงได้มานี่ไง น้ำขิงคิดภาษาไทยมาพี่จะแปลเป็นอังกฤษให้ แล้วขิงก็หัดพูดพี่จะเขียนคำอ่านเป็นภาษาไทยไว้ให้”
“ไม่เอาอะ พี่ก็ปลอมเป็นขิงไปพรีเซนท์แทนสิ” ใจเย็นขิงมุกนี้พี่เล่นแล้ว และมันเป็นไปไม่ได้เว้ย สุดท้ายฉันก็คว้าน้ำเหลว ยัยขิงไม่ให้ความร่วมมือเอาแต่บอกให้เขียนอะไรก็ได้ไป แล้วถึงเวลาจะหาทางเอาตัวรอดเอง
เสร็จจากการบ้าของขิงกับตัวเองแล้วฉันเลยอกมานั่งเล่นที่ม้านั่งหน้าบ้าน ตอนนี้ก็ค่ำแล้วฉันนั่งมองแสงไฟแทนดวงดาวบนท้องฟ้า เพราะแสงเยอะขนาดนี้ อยากมองดาวคงไม่เห็นแน่ แต่ขณะที่กำลังมองอะไรเพลินๆ ตามันดันไปปะทะกับบางอย่างเข้า ฉันเห็นคนใส่ชุดดำเดินด้อมๆ มองๆ อยู่หน้ารั้วบ้าน ยายที่เจอเมื่อกลางวันหรอวะ (มองๆ ดูแล้วเหมือน) ฉันตัดสินใจเดินออกไปดูใกล้ๆ และก็นั่นแหละใช่จริงๆ จะมีอะไรไม่ดีมั้ยวะเนี่ย แกก็ยิ่งดูลึกลับยังไงไม่รู้ขนตามตัวฉันเริ่มลุกชัน จะว่ากลัวก็กลัวแหละ
“งงล่ะสิว่าข้ามาได้ไง”
“นี่ยายได้ยินความคิดหนูจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย” ไม่ว่าฉันจะคิดอะไรแกก็รู้จริงๆ หรอ เดามั่วรึป่าว
“ปากเสีย หน้าก็สวยปากทำไมหมาแบบนี้ ข้ายังสวยเช้งอยู่เลยมาเรียกยายได้ยังไง” โอ้ยคนแก่ไม่ยอมแก่นี่น่าจับตีก้นจริงๆ โว้ย
“เข้าเรื่องเลย มาทำไม” ไม่อยากเสียเวลานานถ้าใครออกมาเจอเขี้เกียจตอบอีก ถ้าเล่าให้ใครฟังมีหวังโดนด่าว่าบ้าแน่ ขนาดฉันยืนคุยอยู่กับยายเทอะไรนี่ฉันยังคิดว่าตัวเองบ้าเลย
“ข้ามีเองอยากให้เจ้าช่วย” ข้าๆ เจ้าๆ บ้าแน่ๆ เอาไงดีวะจับส่งโรงบาลบ้าดีมั้ย
“ช้ะ !ข้าไม่ได้บ้า” อ่าว ได้ยินอีก (ยายนี่ชักจะรู้มากไปแล้ว)
“ยายบอกว่ายายเป็นแม่มดช้ะ”
“คำก็ยายสองคำก็ยาย เอ็งไม่แกบ้างก็ให้มันรู้ไปโว้ย” มันใช่เรื่องที่จะมาทะเลาะกับคนแก่มั้ยเนี่ย
“ใช่ข้าเป็นแม่มด”
“งั้นยายเสกเงิน เสกบ้าน เสกสมบัติให้ฉันสิจะเชื่อ” เอา เอาก็เอา ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคิดจะคุยกับคนบ้านมันต้องบ้ากว่าโว้ย
“เอ็งนี่มันเพ้อเจ้อเสียจริงๆ ทำไมดวงชะตาเอ็งต้องมาเป็นจิ๊กซอวืตัวสุดท้ายของข้าด้วย” เสกไม่ได้ล่ะสิ โอ้ย เสียเวลาว่ะ ฉันเลยตัดสินใจเดินหันหลังกลับเข้าบ้าน เหนื่อยจะคุยกับคนเสียสติ คุยไปคุยมาเดี๋ยวก็บ้าไปอีกคน
“เดี๋ยวสิ”
“เห้ย!!” ฉันร้องลั่น ทำไมน่ะเหรอ ก็ยายเทเลซ่าดันมาปรากฏตัวตรงหน้าฉันในรั้วบ้านฉันน่ะสิ ตะ แต่ฉันว่าฉันแนใจนะ ว่าฉันไม่ได้เปิดประตูไว้
“อย่างเดียวที่ข้าทำได้ก็คือหายตัวนี่แหละ ทีนี้เอ็งจะเชื่อได้หรือยัง” 3 2 1 ชัตดาวน์อาการวิงเวียนศีรษะหน้ามืดปากฏขึ้นอย่างกระทันหัน ลองคิดดูสิถ้าเจอคนแก่ๆ มาบอกว่าตัวเองเป็นแม่มด หายตัวแวบไปแวบมา เป็นคุณจะทำยังไง เป็นลมค่ะฉันวูบล้มลงนอน ภาพทุกอย่างถูกตัดมืดสนิท
“แม่นั่นแหละใช้มีนจนหมดแรงสลบอยู่หน้าบ้าน” ทันทีที่ได้สติ ค่อยๆ กระพรือขนตาขึ้นเหมือนนางเอกละครฟื้นจากนิทรา เสียงของน้ำชาก็ลอดผ่านหูเข้ามาทันที
“พี่มีนฟื้นละ พี่ชาอย่าเวอร์ได้มั้ย พี่มีนน่ะไม่ตายง่ายๆ หรอก” เรียกยัยน้ำขิงแว้ดๆ เถียงกับน้ำชาดังแทรกขึ้นมา เดี๋ยวนะนี่แกพูดกับฉันขนาดนั้นเลยหรอยัยน้ำขิง ฉันก็คนนะโว้ยเจ็บได้ ตายเป็น
“เป็นไงบ้างมีน” ป้าขยับเข้ามาถามพร้อมกับประคองตัวฉันให้ลุกขึ้น
“พี่มีนไปเป็นลมหน้าบ้านได้ยังไง ดีนะที่พี่ชามาเจอก่อน” ฉันค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ภาพจะตัดไป
“แม่มด” ใช่ฉันหมายถึงยายเทเลซ่านั่นแหละ ฉันเชื่อแล้วว่าเค้าเป็นแม่มด ใช่ไมใช่ไม่รู้แต่ที่รู้ เค้ามาโชว์หายตัวให้ฉันช็อคจนสลบไปแล้ว
“เป็นอะไรรึป่าวมีนหน้าซีดเชียว แล้วเมื่อกี้ว่าไงนะ” น้ำชาถามบ้าง อาการออกขนาดนั้นเลยหรอวะ
“อ๋อ คือ…” สมองตอนนี้มันตื้อไปหมดเลยมันคิดถึงแต่เรื่องยายเทเลซ่า ฉันกลัวเค้ามาเอาฉันไปเป็นทายาท กลัวเค้าฆ่าฉันบูชาซาตาน กลัว กลัว กลัวไปหมด (ดูหนังมากไปปะ)
“ลุงเชียรพอจะมีพระกันแม่มดมั้ยคะ” อยู่ๆก็โผลงออกไปอย่างนั้นทุกคนในบ้านสะตั้นไปแปบนึงก่อนจะ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” หัวเราะกันลั่น เออเอาดิถ้าไม่เจอกับตัวได้ยินแบบนี้ฉันคงขำเหมือนกัน
“นี่พี่ปรับตัวไม่ทันที่ย้ายโรงเรียนใช่มั้ย” ยัยน้ำขิงล้อขึ้นมาทันที เออไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกโว้ย
“คะ คือ ก่อนที่จะเป็นลมไป หนูอ่านเจอในเฟสอะค่ะ เลยสงสัยแล้วก็ ค้างคาว่ามีหรือป่าว เห็นลุงเชียรชอบพระก็เลยถาม” แถไปก่อนถลอกหมดแล้วจ้า
“อ่อ” ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน
“ไม่มีหรอก แม่มดมันมีที่ไหน ถึงมีเค้าอยู่ทางคริสต์น่าจะกลัวไม้กางเขน” ลุงเชียรพูดยิ้มๆ นี่ยังขำฉันอยู่ใช้มั้ยเนี่ย เห้ออออ พอจบเรื่องจบราวพวกเราก็นั่งดูละครหลังข่าวด้วยกัน ฉันล่ะไม่รู้ว่ายายเทเลซ่าจะมาก่อกวนประสาทฉันอีกเมื่อไหร่ ตอนนี้ฉันหวาดระแวงไปหมดแล้ว หลอนไปหมดทุกด้าน