ร่างบอบบางหอมกรุ่นถลาเข้าสู่อ้อมกอดของคน ๆ นั้นทันทีก่อนที่หน้าสวยจะซุกซบลงบนอกแกร่งที่หอมกรุ่นด้วยน้ำหอมราคาแพง เอยรีบเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่เธอวิ่งมาชนด้วยความไม่ตั้งใจดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก อ๊ะ นี่มันคุณคิณนี่
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจของเธอทำงานทันทีเหมือนรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เธอแอบชอบ
“เธอเป็นอะไรมากไหม แล้วนี่หนีใครมา”
เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเธอกำลังหนีใครมาหรือจะรีบไปไหนถึงได้วิ่งมาเร็วจนเบรกแทบไม่ทันแบบนี้แล้วยังไม่ยอมมองทางอีก
“เอ่อ คือ เอยรู้สึกเหมือนมีใครแอบตามมานะคะ ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีท่าเดียวเลยมัวแต่วิ่งไม่ทันมองทางเลยชนคุณคิณเข้า เอยขอโทษด้วยนะคะขอโทษจริงๆค่ะ”
เอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดเจอกันทีไรมีแต่เรื่องเลยคราวก่อนก็รอบหนึ่งแล้วรอบนี้ก็ยังจะวิ่งมาชนเขาอีกไม่มีความทรงจำดี ๆ เหมือนในละครที่เวลาพระเอกนางเอกเจอกันแบบจังหวะมันได้เลยสักนิด ในละครนั้นช่างแสนละมุนส่วนเธอกับเขามีแต่จังหวะนรกทั้งนั้น ร่างบางคิดในใจเงียบ ๆ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเธอยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาเธอจึงรีบผละออกแทบจะทันทีทำเอา คิณ ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยที่เธอถอยห่างออกจากเขาอย่างกะทันหัน
“แล้วนี่เธอกำลังจะไปไหน”
คิณเอ่ยถามสาวสวยตรงหน้าด้วยความสงสัยเมื่อเธอออกมาจากร้านอาหารตั้งนานแล้วตอนนี้เธอน่าจะไปนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงนอนมากกว่าที่จะมาวิ่งไม่ดูทางบนห้างแห่งนี้
“พอดีรถเอยแบตเตอรีหมดน่ะค่ะ สตาร์ตยังไงก็ไม่ติดเลยโทรแจ้งศูนย์เขาจะมาลากรถวันพรุ่งนี้ เอยเลยว่าจะกลับเข้าไปด้านหน้าห้างแล้วโทรเรียก Taxi มารับน่ะค่ะ”
เสียงหวานใสตอบคนตรงหน้าให้หายสงสัยข้องใจว่าทำไมตอนนี้เธอถึงยังไปไม่ถึงไหนสักที
“ให้ฉันไปส่งไหม กลับ Taxi มันอันตรายนะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วยคนสมัยนี้ไม่น่าไว้ใจเกิดเป็นอะไรขึ้นมากลางทางไม่มีใครช่วยได้นะ”
คิณเอ่ยเตือนเอยด้วยความหวังดีพร้อมกับเสนอตัวช่วยเหลือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว ดึกขนาดนี้จะให้กลับคนเดียวโดยที่ไม่สนใจเลยเขาก็ดูจะเป็นคนใจร้ายเกินไปนะ
“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เอยเรียก Taxi กลับเองดีกว่าเผื่อคุณคิณมีธุระที่ต้องไปทำต่อจะเป็นการรบกวนเวลาคุณคิณเปล่าๆ”
เอ่ยปฏิเสธออกไปเสียงเบาหวิวภายในใจแสนเสียดายที่เสียโอกาสในการใกล้ชิดชายหนุ่มตรงหน้าไป แต่เอยก็แสร้งยิ้มหวานให้เขาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรเธอกลับเองได้
“หึ ฉันไม่มีธุระต่อที่ไหน จะมีก็แค่แวะไปส่งเธอกลับห้องโดยสวัสดิภาพแค่นั้นแหละ”
คำบอกกล่าวที่เป็นเชิงบังคับกลาย ๆ ว่าเขาจะไปส่งเธอให้ได้ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะตอบรับความช่วยเหลือจากเขาทันทีในรอบนี้ ปฏิเสธน้ำใจผู้ใหญ่หลายรอบมันไม่ดีนะพี่ซินดี้สอนมา
“โอเคค่ะ ไปส่งเอยก็ไปส่ง รบกวนด้วยนะคะคุณคิณ”
เอยยิ้มหวานให้ด้วยความจริงใจที่เขามีน้ำใจไปส่งเธอกลับคอนโด
“ไนต์ เจ พวกนายกลับไปได้เลยเดี๋ยวฉันแวะไปส่งเอยก่อนเจอกันพรุ่งนี้ที่บริษัท”
คิณบอกลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าเอยไปที่รถ Bugatti Sport สีดำราคาเกือบร้อยสามสิบล้านที่จอดอยู่ข้างหน้าชิดทางเข้า คิณเดินไปเปิดประตูรถให้เอยขึ้นนั่งก่อนที่เขาจะอ้อมไปทางฝั่งคนขับเมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้วคนสวยที่นั่งตัวเกร็งข้างๆเขากลับลืมคาดเข็มคัด คิณเลยเหวี่ยงตัวเองมาอีกฝั่งหนึ่งเอยที่นั่งอยู่ชะงักทันทีก่อนที่เธอจะรีบเอ่ยถามเขาด้วยความตกใจ
“คุณคิณจะทำอะไรคะ”
เขาเล่นเหวี่ยงตัวมาฝั่งเธอแบบนี้ทำให้เอยคิดดีไม่ได้เลยหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ๆ กับความใกล้ชิดนี้ กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของบุรุษเพศลอยมาแตะจมูกเธอจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอดส่วนใบหน้าของเขาก็อยู่ชิดติดหน้าเธอในระยะประชิด ลมหายใจหอมกรุ่นราดรดอยู่ข้าง ๆ ซอกคอเธอทำเอาเอยรู้สึกว้าวุ่นใจไปหมด ยิ่งใกล้ยิ่งหวั่นไหวอะเคยได้ยินเปล่า งื้อ ใจเต้นแรงขนาดนี้เขาจะได้ยินไหมนะ
“ปกติขับรถไม่คาดเข็มขัดเหรอครับ?”
คิณไม่ได้ตอบคำถามของเอยแต่เขากลับตั้งคำถามเธอกลับแทน ก่อนที่เขาจะย้ายตัวเองกลับไปนั่งประจำที่คนขับเมื่อคาดเข็มขัดให้สาวสวยข้าง ๆ เรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ เอยลืมไปเลยค่ะ ตื่นเต้นไปหน่อยที่ได้นั่งรถราคาแพง”
เอยตอบกลับเสียงเบาอย่างรู้สึกอายที่เผลอปล่อยไก่ออกมาต่อหน้าเขา
คิณกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ออกรถเพื่อไปส่งเธอที่คอนโดในขณะที่คนข้างกายเขาคอยชวนเขาคุยไม่หยุด เสียงหวานเจรจาเจื้อยแจ้วตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่เขาเพิ่งรู้วันนี้ก็คือ เอย อรนลิน พูดเก่งมาก เธอสามารถชวนเข้าคุยได้หลากหลายเรื่องราว คุยเรื่องนี้อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องซะอย่างนั้นแต่ก็ดีที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด
เมื่อรถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าฟุตบาททางเข้าคอนโดของเอยเสียงหวานใสของคนข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นเพื่อขอบคุณคิณ
“เอยขอบคุณคุณคิณมากนะคะ ที่เสียสละเวลามาส่งเอยแทนที่จะได้กลับไปพักผ่อน วันหลังถ้าหากมีอะไรที่เอยพอจะตอบแทนได้ก็บอกนะคะ”
จบประโยคใบหน้าหวานละมุนของคนข้างกายคิณก็ฉีกยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวที่เรียงตัวสวยก่อนที่เอยจะยกมือไหว้ขอบคุณที่เขามาส่งเธอที่คอนโด
“ตอนนี้เลยไหมล่ะครับ”
ไม่ทันที่เอยจะได้เอ่ยถามว่าอะไรยังไงคนหล่อข้างกายเธอก็ยื่นริมฝีปากสีไวน์มาจรดลงที่ริมฝีปากสีพีชของเธอ ก่อนที่เขาจะแช่เอาไว้สักครู่แล้วผละตัวออกไป รอยยิ้มกระชากใจสาว ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาในขณะที่แววตาเขาฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ
“Goodnight Kiss นะครับ นี่ถือเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน”
เสียงของเขาที่ดังขึ้นมาเหมือนเรียกสติเธอที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยความรู้สึกมึนงง ใบหน้าสวยแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่เอยจะเปล่งเสียงออกไปอย่างขัดเขินปนโมโหนิด ๆ
“คนบ้า ใครที่ไหนเขาเรียกค่าตอบแทนเป็นจูบกันเล่า”
เอยไม่รอให้คิณได้พูดอะไรอีกต่อไปเธอก็ชิ่งเปิดประตูออกแล้ววิ่งหนีเข้าไปในคอนโดของเธอทันที หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ตึกตัก ทั้งที่ห้ามใจตัวเองไว้ว่าอย่าไปหลงเสน่ห์คนแบบเขาเพราะเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมที่เธอจะคว้าได้แต่ใจเจ้ากรรมก็กลับหวั่นไหวเสียนี่ แต่บางทีเธอก็อยากลองจะเป็นซินเดอเรลลาเหมือนในนิทานบ้างที่ได้เต้นรำกับเจ้าชายในฝัน แล้วพอถึงเวลาเที่ยงคืนเสียงนาฬิกาดังขึ้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิมแต่เธอคงได้แค่ฝันเพียงเท่านั้น
มือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากรอยจูบบางเบายังคงตราตรึงไม่เลือนหายสงสัยคืนนี้เธอคงหลับฝันดี ได้ใกล้ชิดแค่นี้เธอก็พอใจแล้วสำหรับเอย อรนลิน คนที่แอบหลงรักเขา คิณ อัคนี
ลับหลังร่างบางคิณที่ยังไม่เคลื่อนรถจากไปก็ยกยิ้มมุมปากน้อยๆใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนรถออกไปเพื่อเดินทางกลับคอนโดที่พักทันที วันนี้ได้แกล้งแม่กระต่ายน้อยพอหอมปากหอมคอก็สนุกดี เรื่องงานที่หนักอึ้งอยู่ในหัวสมองเหมือนถูกปลดล็อกคลายออกไปเพียงแค่ได้จูบปากนุ่ม ๆ นั้น