เช้าวันต่อมา
เสียงปลดล็อกรหัสประตูห้องภายในคอนโดหรูดังขึ้นในขณะที่สาวสวยเจ้าของห้องยังคงหลับปุ๋ยอยู่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ใบหน้าสวยใสไร้เครื่ิองสำอางมีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าคล้ายว่าเธอกำลังอยู่ในห้วงนิทราที่แสนหวาน
ซินดี้เปิดประตูห้องนอนเข้ามายืนมองอย่างอ่อนใจนี่ต้องเข้ากองถ่ายสิบโมง แต่ดูสิแปดโมงแล้วแม่นางร้ายของเธอยังนอนฝันหวานน้ำลายยืดอยู่เลย
เธอเดินไปข้าง ๆ เตียงนอนก่อนจะเขย่าแขนเอยเบา ๆ แต่คนที่นอนอยู่กลับหันตัวหนีมาอีกด้านหนึ่งซะนี่ ซินดี้สะกิดอีกรอบ แต่เอยก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับยังคงนอนยิ้มไม่ตื่นจากฝัน จนกระทั่งสุดท้ายแล้วซินดี้ที่ทนไม่ไหวก็ตะโกนขึ้นอย่างดัง
“ยัยเอย ตื่นได้แล้ว”
เสียงร้องโหยหวนของแม่กะเทยทำเอาเอยที่กำลังฝันหวานถึงคุณคิณ อัคนี สะดุ้งเฮือกผุดลุกขึ้นตื่นมานั่งตัวตรงด้วยความตกใจทันทีใบหน้าเนียนสวยมองซ้ายก่อนจะมองขวาก็เจอซินดี้ยืนเท้าสะเอวมองมาที่เธอตาเขียวปั๊ด
“ฝันถึงใครอยู่คะลูกสาว แม่สะกิดตั้งหลายรอบก็เอาแต่นอนยิ้มหวานไม่ยอมตื่นสักที”
ซินดี้เอ็ดคนที่เพิ่งตื่นนอนหน้าตางัวเงียเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ยิ้มหวานจนแทบฉีกถึงรูหูใครกันนะที่อยู่ในความฝันดูฟินเชียว
“แหะ แหะ เมื่อคืนเอยนอนดึกไปหน่อยค่ะเช้านี้เลยเพลินไปนิด”
เอยหัวเราะไม่เต็มเสียงนักอย่างรู้สึกผิดเพราะเขาคนเดียวเลยคุณคิณ มาจุ๊บ Goodnight Kiss แบบนั้นใครจะหลับลงล่ะ ตาค้างทั้งคืนน่ะสิ ส่วนฝันดีน่ะเหรอคิดถึงความฝันก่อนตื่นที่ทำให้ตนยิ้มหวานพลันหน้าก็แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
ในฝันเขากับเธอเป็นสามีภรรยากัน ใช้ชีวิตด้วยกันแล้วก็มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ฮือ บ้าบอสิ้นดีนี่เธอหลงรักเขาจนเก็บมาเพ้อมโนเป็นตุเป็นตะแล้วเหรอนี่
พลันมือสองข้างยกขึ้นมากุมแก้มเนียนใสไว้แล้วส่ายหน้าไปมาอย่างต้องการสลัดความฝันที่เพิ่งตื่นขึ้นมาให้มันออกไปจากหัวทำเอาซินดี้ที่ยืนรออยู่ถึงกับงง ลูกกะเทยเป็นอะไรเนี่ย???
“เอยเป็นอะไรลูก ส่ายหน้าทำไม”
ซินดี้ถามด้วยความสงสัยคิ้วขมวดเข้าหากันจนจะผูกโบแล้วล่ะ
“อะ อ้อ เปล่าค่ะพี่ซินดี้ พอดีฝันดีไปหน่อยดีจนเกินจริงเอยต้อง มูฟออนเอามันออกไปจากหัวก่อน”
เงยหน้าแดง ๆ บอกคุณแม่อย่างขัดเขินก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนอย่างไวเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีถ่ายละครตอนสิบเอ็ดโมงเช้า ซึ่งเธอต้องเข้ากองตอนสิบโมง
“เอยไปอาบน้ำก่อนนะคะพี่ซินดี้สายแล้ว เดี๋ยวรถติดไปถึงกองช้านางเอกแอ๊บแบ๊วจะโวยวายทางสายตาเอาได้”
เอยเบะปากอย่างหมั่นไส้เมื่อพูดถึงนางเอกคนดังนามว่า น้ำฟ้า ซึ่งเธอมีละครที่ต้องถ่ายทำด้วยกันวันนี้ Look นางเอกแอ๊บแบ๊วซะจนเธอรำคาญกับภาพลักษณ์ใส ๆ ที่นางพยายามสร้าง แต่พออยู่กันสองต่อสองทีไรสันดานเดิมก็มักจะออกทุกที ทั้งจิกทั้งกัดทั้งแขวะจนเธอนึกว่าโตมาในสลัมมากกว่าจะเกิดมาในดงผู้ดีตามที่เธอให้สัมภาษณ์ใครต่อใครไว้
“วันนี้แต่งตัวสวย ๆ ดีกว่า เอยต้องสวยฟาดกว่านางหน้าตุ๊กตาปัญญาอ่อนให้ได้ ฮึ”
เอยมีสีหน้ามุ่งมั่นพร้อมทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะเดินนวยนาดไปยังห้องน้ำ
เมื่อเธอจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วตอนนี้ร่างสวยสมส่วนตัวเล็กน่ารักอยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีแดงเพลิงโชว์สัดส่วนงดงาม อกเป็นอก แหงล่ะสิ Cup D นะจ๊ะ บั้นท้ายงามงอนจนผู้ชายอยากสัมผัส หน้าสวยเฉี่ยวแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงที่มองแล้วช่างน่าจูบยิ่งนัก
เอยกำลังยืนหมุนตัวไปมาหน้ากระจกบานใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนที่เธอจะถือกระเป๋าแบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุดมาคล้องแขนไว้แล้วเดินไปหาซินดี้ที่นั่งอ่านตารางงานของเธอในไอแพดอยู่บนโซฟา
“ไปค่ะพี่ซินดี้ เอยพร้อมแล้ว”
เอยสวมแว่นตาสีดำอย่างต้องการปกปิดตัวเองไว้นิดหนึ่งก็ยังดีเมื่อต้องออกไปทำงานข้างนอก
“แหม สวยเลิศนะจ๊ะลูกกะเทย จะแต่งไปประชันกับน้องน้ำฟ้าล่ะสิท่า”
ซินดี้หยอกเย้าเอยยิ้มๆอย่างรู้ทัน
“แหงสิคะ หมั่นไส้หน้าแบ๊ว ๆ แต่งตัวเรียบร้อยอย่างกับลูกคุณหนูทั้ง ๆ ที่วาจาอย่างกับโตมาในสลัม”
หน้าสวยเบะคว่ำยามพูดถึงนางเอกแอ๊บแบ๊วเจอกันครั้งแรกสุภาพมาก ครั้งที่สองเริ่มออกลาย ครั้งที่สามที่ผิดคิวเผลอไปตบโดนหน้าสวยของนางเต็มรัก นางตามไปวีนถึงในห้องน้ำเลยจ้าและใช่ เอยคนนี้จะไม่ทนแต่เธอมักจะโต้กลับด้วยคำพูดจามากกว่าการกระทำที่ต่ำทรามเสมอ
ภายนอกเธอดูอ่อนหวานน่ารักแต่ความจริงข้างในเธอเข้มแข็งและไม่เคยอ่อนแอเลยเนื่องจากเธอกำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่อายุ 18 ปีเธอต้องทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวตั้งแต่นั้นมา เพื่อส่งน้องชายเรียนให้จบมัธยมเธอยอมเสียสละเวลาเกือบสามปีเพื่อตั้งหลักหาเงินใช้หนี้ที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้โดยไม่เคยหนีเจ้าหนี้เลยสักครั้ง
กว่าจะมีวันนี้ได้เธอผ่านการใช้ชีวิตมาหลายรูปแบบรวมถึงนิสัยกล้าได้กล้าเสียที่มันติดตัวเธอมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นใครดีมาเธอดีตอบใครร้ายมาใช่ว่าเธอจะไม่เอาคืน คนแบบเอย อรนลิน ไม่เคยยอมให้ใครรังแกฝ่ายเดียวหรอกนะ
“โอ๊ย เอาเถอะ ๆ อย่าไปหามีเรื่องกันล่ะมันจะดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่”
ซินดี้เตือนเอยอย่างหวังดีเพราะรู้จักนิสัยเธอดีกว่าใคร
“เอยไม่ตบให้เสียมือหรอกค่ะ รุ่นนี้เขาใช้มันสมอง”
เผยยิ้มร้ายออกมาจนซินดี้รู้สึกขนลุก แหม ว่าแต่น้องนางเอกแอ๊บแบ๊วร้ายลับหลังลูกสาวเธอก็ใช่ย่อยภายใต้ใบหน้าไร้เดียงสากลับซ่อนความร้ายกาจเอาไว้อย่างมิดชิดเรื่องเซี้ยว ๆ แบบนี้ไม่พ้นยายข้าวแน่ ๆ สอนมา เฮ้อ กะเทยล่ะเพลียไปกันค่ะไปกองถ่ายกัน
กองถ่ายละคร
เมื่อมาถึงกองถ่ายเอยก็ยกมือไหว้ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่เว้นแม้แต่แม่บ้านประจำกองหรือแม่ครัวก็ตามเธอไม่ได้เอาใจใคร แต่เธอมองว่ามันเป็นมารยาทที่ควรมีต่อผู้ใหญ่มากกว่า คนเป็นเด็กแบบเธอก็ต้องมือไม้อ่อนเป็นธรรมดาส่วนซินดี้แค่แวะมาส่งเพราะรถเอยซ่อมอยู่ที่ศูนย์
“แหมน้องเอย วันนี้แซบนะจ๊ะ แต่งมาเต็มกะไม่ให้พี่ได้ทำหน้าที่แต่งต่อเลยนะเนี่ย”
พี่หมีที่หุ่นหมีสมชื่อช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายเอ่ยแซวคนสวยยิ้ม ๆ
“นี่เบา ๆ เองนะคะ แต่งยังไงก็ไม่สวยเท่าพี่หมีหรอกค่ะ”
เอยยิ้มโชว์ฟันสวยก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวหนาอย่างเอาใจ
“พี่จะลอยได้แล้วนะคะเนี่ยเล่นมาชมกันแบบนี้”
พี่หมียิ้มปลื้มเขินกับคำชมของดาราสาวสวยรุ่นน้องปากหวานจริงเชียว
“เรื่องจริงไม่มีหลอกค่ะ วันนี้ขอจัดจ้านน่าฟาดนะคะ เย็นนี้เอยจะไปเที่ยวผับต่อค่ะ”
เอยขยิบตาหนึ่งข้างให้พี่หมีอย่างรู้กันวันนี้เลิกกองแล้วเธอจะแอบหนีพี่ซินดี้ไปเที่ยวกับแก๊งกะเทยเพื่อนสนิทที่มหา’ลัยกัน เพื่อนผู้หญิงเธอไม่คบหรอกนิสัยตอแหลเกินไป ส่วนเพื่อนกะเทยนั้นเธอเต็มร้อยจ้ะ คิก คิก
กว่าจะถ่ายทำละครสามฉากเสร็จเอยแทบกรี๊ดออกมาให้สมกับความโมโห น้ำฟ้าแกล้งผิดคิวจนผู้กำกับสั่งเทกใหม่อยู่เกือบห้ารอบในแต่ละซีนที่เธอกับน้ำฟ้าต้องเข้าฉากด้วยกัน จนฉากสุดท้ายกว่าที่ผู้กำกับจะสั่งคัต!!เธอลุ้นจนตื่นเต้นไปหมด พอได้ยินเสียงคัตเท่านั้นแหละ โคตรโล่งอะนี่พูดเลย!!
ตอนนี้เธออยู่ในห้องแต่งตัวกำลังเปลี่ยนชุดกลับไปใส่ชุดแซบ ๆ อยู่ ขณะที่กำลังสาละวนกับการดูความเรียบร้อยของชุดก็มีเงา ๆ หนึ่งที่เดินเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเงยหน้าขึ้นมองก็เจอกับน้ำฟ้าคู่อริตัวฉกาจของเธอที่ยืนทำหน้าเย้ยหยันอยู่ตรงหน้า
“ไงจ๊ะ เอย วันนี้เหนื่อยไหม ขอโทษนะที่วันนี้ทำให้โดนสั่งเทกบ่อย ๆ” น้ำฟ้าทำน้ำเสียงอ่อย ๆ อย่างรู้สึกผิดแต่กลับเน้นคำว่าบ่อย ๆ เพื่อยั่วโมโหคนตรงหน้า
“เอ๊ะ ฉันกำลังสงสัยนะน้ำเน่า ว่าละครเรื่องนี้เธอหรือฉันที่เป็นนางเอกหรือเราจะสลับบทกันอยู่ ฉันเป็นนางร้ายที่ต้องท่องบทคำพูดหยาบ ๆ ต่ำ ๆ ในขณะที่เธอเป็นนางเอกต้องท่องบทคำพูดหวาน ๆ ใสซื่อ แต่ดูเหมือนเราจะสลับบทกันท่องเลยเนอะว่าไหม”
ยิ้มหวานเคลือบยาพิษถูกส่งไปให้คนตรงหน้าก่อนที่เอยจะยกมือกอดอกอย่างพร้อมฟาด
“แกว่าใครน้ำเน่ายะ นังเอย”
น้ำฟ้าชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะถามเสียงเข้มด้วยความโมโห
“อุ๊ยตาย โทษทีลืมไปเลยชื่อน้ำฟ้านี่นา แต่อยู่ใกล้ทีไรนี่ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยโชยมาทุกที โทษนะที่ฉันเข้าใจผิด”
เอยยกมือป้องปากพร้อมแสดงสีหน้าขอโทษแต่ปากนี่ยิ้มแทบฉีกถึงหู ไงล่ะทักษะนางร้ายของเอยใช่ย่อยนะจ๊ะ
“ฮึย แก”
น้ำฟ้ายกมือบางขึ้นมาหมายจะฟาดหน้าสวยให้สมกับที่ยั่วโมโหเธอ
“ทำไม จะทำไมน้ำฟ้า ฮึ เธอจะตบฉันเหรอ”
เอยรับมือบางเอาไว้พร้อมกำจนแน่นเหมือนกะจะให้แหลกคามือในขณะที่น้ำฟ้านิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“นี่แกปล่อยฉันนะนังเอย”
น้ำฟ้าตะโกนบอกเอยเสียงกร้าวมือก็พยายามบิดออกจากการเกาะกุมของเอยแต่ทว่าบิดยังไงก็ไม่หลุด
“ตอนยกมือจะฟาดหน้าฉันทำไมไม่คิด พออย่างนี้มาบอกให้ปล่อย หึตลกละน้ำเน่า หน้าสวย ๆ ของฉันมีไว้ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอย่าคิดที่จะมาแตะต้องมันเชียวนะ”
เอยปล่อยมือบางของน้ำฟ้าพร้อมกับผลักเบา ๆ ร่างบอบบางของน้ำฟ้าก็ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น
“แก นังเอย ฮึย ฝากไว้ก่อนเถอะแก”
น้ำฟ้ากรีดร้องเสียงแหลมใส่ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งจากไปทันทีในขณะที่เอยถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย วงการละครดารานางแบบเงินดีก็จริง แต่เอาจริง ๆ ในแต่ละวันเธอต้องเจอกับอะไรบ้างใครจะรู้ ทั้งผู้กำกับหัวงู ทั้งสไตลิสต์ขี้นินทา อีกทั้งนักแสดงด้วยกันที่อิจฉาเธอเกินเบอร์
บางทีเธอก็เหนื่อยกับอะไรแบบนี้แต่เธอก็ต้องอดทนถึงเธอจะใช้หนี้แทนพ่อแม่หมดแล้ว แต่เธอยังต้องส่งเสียตัวเองและน้องชายเรียนให้จบอีกเธอต้องอดทนเท่านั้นเอยบอกตัวเองในใจ