ทาโร่ทำหน้าอึ้งนิดๆ ตอนได้ยินฉันพูดแบบนั้น เขาผ่อนลมหายใจยาวเหยียด จ้องฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงกว่าเดิม
“ใจดีจังเลยนะครับท่านซายูริ แบบนี้ไงใครๆ ถึงเป็นห่วงว่าท่านจะนำกลุ่มได้ยังไง ...แต่ความรับผิดชอบก็สำคัญสำหรับคนเป็นผู้นำเหมือนกัน เอาเป็นว่าครั้งนี้ผมจะว่าอะไรถึงผมจะไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรท่านซายูริก็เถอะ”
“ขอบใจนะ”
หลังจากนั้นฉันกับทาโร่ก็เดินออกมาข้างนอกเพื่อตามหาอัยย์ มีลูกน้องติดตามมาที่งานเลี้ยงสามสี่คนก็ช่วยกันตามหาเงียบๆ ผ่านไปสักพักโทรศัพท์ของทาโร่ก็ดังขึ้น
“ว่าไง เจอไหม... อยู่ไหนนะ”
เสียงที่เหมือนจะได้ได้เรื่องของทาโร่ทำให้ฉันที่กำลังกวาดมองไปรอบๆ ทางเดินตรงหน้าดึงสายตากลับมามองทันที
“เจออัยย์แล้วเหรอ”
“ครับ อยู่ที่ห้องน้ำชั้นล่างของโรงแรม” ทาโร่วางสายแล้วหันมาตอบด้วยสีหน้าสงบ
“แล้ว...”
“ดูเหมือนคุณหนูอัยย์จะแค่หลงทางเฉยๆ”
“หลงทาง”
ฉันอึ้งไปชั่วขณะกับเหตุผลเด็กอนุบาลนั่น ก้าวถอยหลังอย่างอ่อนแรงจนทาโร่ต้องช่วยจับแขนด้วยห่วงว่าจะล้ม ฉันรีบยกมือขึ้นบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะกลับมายืนอย่างมั่นคง ในใจรู้สึกโล่งและเจ็บไปพร้อมๆ กัน
โล่งใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอัยย์ ขณะเดียวกันก็เจ็บใจที่โดนคาวะบีบคอฟรี
ฉันมาถึงล็อบบี้ของโรงแรมก็เจอคาวะนั่งอยู่กับอัยย์ก่อนแล้ว กับลูกน้องอีกสามคนที่ยืนจังก้าเฝ้าอยู่ด้านหลัง คาวะทำหน้านิ่งไม่แม้แต่จะคิดขอโทษฉันสักคำ ส่วนอัยย์พอเห็นฉันก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระวนกระวาย
“ซายูริ... ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”
อัยย์เหลือบมองลูกน้องของฉันด้วยสีหน้ารู้สึกผิด จับมือฉันบีบแน่นบอกให้รู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำให้ทุกคนเป็นห่วง เห็นใบหน้าสื่อใสของอัยย์แล้วอยากโกรธก็โกรธไม่ลง
“อื้อ ไม่เป็นไร คราวหลังอย่าออกมาคนเดียวอีกเข้าใจไหม”
“อืม”
อัยย์พยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
“จะกลับเข้าไปในงานอีกหรือเปล่าท่านซายูริ” ทาโร่เอ่ยขึ้น
“ไม่ล่ะ ฝากลาสส.ซาคาอิด้วย ฉันจะกลับแล้ว”
ทาโร่พยักหน้ารับรู้ หันไปกำชับลูกน้องสามคนเรื่องความปลอดภัยของฉันก่อนจะเดินผละออกไป
“กลับกันเถอะ”
ฉันหันมาเรียกอัยย์ก่อนจะเดินนำออกมาที่รถ เราเอารถมาสองคัน ลูกน้องคันหนึ่งและรถฉันคันหนึ่งซึ่งนั่งมากับอัยย์โดยคาวะเป็นคนขับ
ความรู้สึกโกรธขึ้งที่มีต่อคาวะยังไม่คลายเช่นเดียวกับร่องรอยความเจ็บปร่าที่คอ ฉันเดินเลยรถคันของตัวเองมาที่รถของลูกน้องด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ท่านซายูริ?” พวกลูกน้องทำหน้าแปลกใจ
“ซายูริ...” อัยย์มองตามด้วยสายตางุนงง ก่อนจะแสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมา “ซายูริโกรธอะไรอัยย์หรือเปล่า”
“ไม่ใช่อัยย์ ไว้เจอกันที่บ้าน ออกรถ ฉันจะนั่งคันนี้”
“คะครับ”
“ซายูริ...”
อัยย์มองตามร่างบางของหญิงไปด้วยสายตาไม่สบายใจ ใบหน้าสวยหวานอาบไล้ไปด้วยรอยกังวลจนคนเป็นพี่ทนมองไม่ไหว
“อัยย์จะคิดมากทำไม”
“พี่คาวะ... พี่คิดว่าซายูริโกรธอัยย์หรือเปล่าคะ”
“หึ จะโกรธหรือไม่โกรธมันก็เป็นความผิดยัยนั่นที่ชวนอัยย์มา”
อัยย์ฟังคำพี่ชายแล้วได้แต่ถอนหายใจ คำพูดของคาวะไม่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เปิดประตูเข้ามาในรถโดยไม่พูดอะไรอีก คาวะเห็นแบบนั้นก็เปิดประตูตามอัยย์เข้ามา สตาร์ทเครื่องยนต์ขับตามรถคันหน้าออกไป
ระหว่างทางคาวะสังเกตเห็นสีหน้าเครียดผิดสังเกตของอัยย์จึงพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“คิดอะไรอยู่อัยย์”
“คะ? ปะเปล่า...”
อัยย์ก้มหน้างุด เหมือนกำลังปิดบังอะไรสักอย่าง คาวะรู้สึก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเดาว่าเรื่องที่ทำอัยย์เครียดก็คงไม่พ้นเรื่องของซายูริ คาวะไม่อยากซักไซ้ให้เสียอารมณ์ แค่นึกถึงใบหน้าดื้อรั้นของซายูริในใจคาวะก็ร้อนระอุอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาไม่ชอบคนเถียง ไม่ชอบคนที่ไม่เชื่อฟัง และไม่ชอบอยู่ใต้อำนาจของเด็กโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะเข้ามหาลัยอย่างซายูริ!
จะว่าไปตอนเห็นรูปซายูริในใบสั่งฆ่าครั้งแรกคาวะยอมรับว่าเขาเองก็ตกใจที่เป้าหมายครั้งนี้เป็นเด็กสาว แต่พออ่านข้อมูลในโปรไฟล์ที่แนบมากับรูปบอกว่าเป็นหัวหน้าแก๊งซูซาคุ แม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่เด็กตัวแค่นี้ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มได้แต่นั่นก็ทำให้คาวะรับรู้ได้ว่าซายูริไม่ธรรมดา
หากแต่เธอถูกหมายหัวในฐานะของหัวแก๊งยากูซ่าไม่ใช่ในฐานะเด็กสาว จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรอีก
ในหัวของคาวะไม่เคยมีความคิดว่าจะพลาดแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นเด็กสาวยิ่งจัดการง่าย และมันก็ง่ายจริงๆ เขามาดักรอรถของซายูริตามที่ริเอะส่งข่าวให้ แค่ออกไปยืนโง่ๆ กลางถนนอีกฝ่ายก็จอดรถเป็นเป้านิ่งให้เขากระหน่ำยิง หากแต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายในคืนนั้นก็คืออัยย์
ถ้าอัยย์ไม่แอบตามเขาไปป่านนี้ทุกอย่างก็คงจบลงเงียบๆ ไปแล้ว ชีวิตเขากับอัยย์ก็จะดำเนินต่อไปแบบเดิม รับงาน รับเงิน จบ
“หมอนัดอีกเมื่อไหร่อัยย์”
คาวะเอ่ยถามหลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วบังเอิญนึกเรื่องอาการป่วยของน้องสาวขึ้นมา
“เดือนหน้าเลยค่ะ”
“อืม วันไหนบอกพี่ด้วย จะได้พาไป”
อัยย์พยักหน้าก่อนจะมองออกไปนอกกระจกอย่างเหม่อลอย ตั้งแต่เด็กเธอก็เจ็บป่วยมาตลอด หมอบอกว่าไตของอัยย์ไม่แข็งแรง ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นประจำ ความรู้สึกผิดกอบกุมจิตใจทุกครั้งที่รู้ว่าเงินค่ารักษาพยาบาลของเธอมาจากงานผิดกฎหมายของคาวะ แม้จะไม่เห็นด้วยกับงานฆ่าคนแต่พูดไปก็เหมือนกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะอัยย์รู้ดีว่าที่เธออยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะชีวิตของคนเหล่านั้น
ความรู้สึกที่เหมือนเหยียบย่างอยู่บนซากศพคุกคามใจทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่ห้องตรวจของโรงพยาบาล บางครั้งอัยย์ก็ภาวนาให้มันจบลงสักที ไม่อยากให้มือพี่ชายต้องเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้ อัยย์เคยขอร้องให้คาวะเลิกเป็นนักฆ่า เพราะเกรงว่าสักวันเขาจะมีจุดจบแบบพ่อของเธอ ที่สุดท้ายก็โดนใครสักคนสั่งเก็บไม่ต่างจากเหยื่อที่เคยสังหาร... แต่คาวะก็ไม่ได้นำพาเลยสักครั้ง เขาบอกกับน้องสาวอย่างเธอว่า
‘ฆ่าเพราะอยากฆ่า ไม่มีเหตุผลอื่น’
อัยย์ค้านในใจว่า ‘ไม่จริงหรอก’ เพราะเธอเถียงเขาจนไม่รู้จะเถียงยังไงแล้ว ที่คาวะไม่ยอมรับว่าฆ่าคนเพื่อเอาเงินมารักษาเธอเพราะไม่อยากให้เธอคิดมาก ทำไมอัยย์จะดูไม่ออก
เมื่อคาวะไม่ยอมฟังอัยย์ก็ได้แต่ภาวนาว่าสักวันเขาจะคิดได้เอง... แต่หนทางนั้นก็ช่างริบรี่เหลือเกิน จนซายูริปรากฏตัวขึ้น สำหรับอัยย์ซายูริเหมือนพระเจ้าที่ช่วยชีวิตเธอ... และยังทำให้ชีวิตของคาวะหันเหออกจากเส้นทางของนักฆ่าด้วย อัยย์รักและเทิดทูลซายูริอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ความซื่อสัตย์ของอัยย์ก็ถูกทดสอบ