ตอนที่ 6.2

2449 คำ
กลับจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พี่เคนมะเปรยถึงอาการของคุณพ่อฉันก็เลยพาเขามาที่โรงพยาบาลโดยมีอัยย์กับคาวะตามมาด้วย สองคนนั้นเว้นระยะห่างไม่ได้เข้ามาถึงหน้าประตูห้อง ระหว่างที่กำลังจ้องมองใบหน้าของคุณพ่อผ่านกระจกประตูเสียงของจินก็ลอยเข้ามาในหัว ...ใบหน้าของคาวะมีส่วนคล้ายกับคุณพ่ออย่างงั้นเหรอ  ฉันหันกลับไปมองด้านหลังก็เห็นว่าหมอนั่นกำลังจ้องฉันอยู่และไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันเดินมาหาคาวะ สายตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อยตอนที่ฉันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า  “มีอะไร” “นายอยากเห็นหรือเปล่าว่าคุณพ่อหน้าตาเป็นยังไง” คาวะนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ในขณะที่ทุกคนได้แต่มองมาด้วยสายตาสงสัยเพราะอะไรฉันถึงถามแบบนั้น “ทำไมต้องอยากเห็นในเมื่อหน้าผู้นำซูซาคุลงข่าวหราขนาดนั้น” คาวะพูดเหมือนฉันโง่ โอเค นายไม่ใช่พี่ฮารุจบ! ฉันสะบัดหน้าใส่เขาแล้วเดินกลับมาหาพี่เคนมะ อารมณ์เสีย ไม่น่าไปสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย ให้ตายสิ “พี่เคนมะจะกลับเลยหรือเปล่าคะ” ฉันเอ่ยถามระหว่างเดินออกมาจากห้องพักฟื้นของคุณพ่อ  “ทำไมซายูริถามแบบนั้น ซายูริกลับพี่ก็กลับ ซายูริอยู่พี่ก็อยู่” “เปล่าค่ะ แค่ถามเผื่อว่าพี่จะมีธุระ” “ธุระของพี่ก็คือซายูริ” “....” พูดอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ฉันยิ้มตอบสายตาคมปลาบของพี่เคนมะเดินต่อเงียบๆ จนกระทั่งถึงทางแยกโรงพยาบาล  “ซายูริขอไปเยี่ยมดาไซสักครู่นะคะ” พี่เคนมะหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าทางกำลังนึกว่าดาไซเป็นใครก่อนจะพยักหน้าเหมือนนึกได้และผายมือให้ฉันเดินนำ แต่ว่าเมื่อมาถึงห้อง ลูกน้องที่กำลังนั่งเฝ้ายามอยู่สองสามคนก็บอกว่าดาไซไม่อยู่ ไปทำกายภาพบำบัด พอฉันถามว่าอยู่ที่ไหนเพราะมีเรื่องอยากจะคุยด้วย พวกนั้นก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กไปมา “เอ่อ... ท่านซายูริมีเรื่องด่วนที่ต้องพบคุณดาไซตอนนี้เลยเหรอครับ” “อืม” “คืองี้ครับท่านซายูริ เวลาที่คุณดาไซทำกายภาพบำบัดไม่ชอบให้คนอื่นอยู่ด้วยยกเว้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะ... เอ่อ คุณดาไซอายน่ะครับไม่อยากให้คนอื่นเห็นตัวเองที่กำลังอ่อนแอ” “แต่นี่ฉันนะ” “ไม่ได้จริงๆ ครับท่านซายูริ ต้องขอโทษด้วยครับ ท่านซายูริกลับไปก่อนดีกว่าครับแล้วพวกเราจะรายงานคุณดาไซให้ว่าท่านซายูริมีธุระจะคุย” “ห้องทำกายภาพบำบัดในนี้น่าจะหาไม่ยาก ไปถามเอากับพนักงานโรงพยาบาลก็รู้แล้ว จะมาคะยั้นคะยอพวกโง่นี่ให้เสียเวลาทำไม” น้ำเสียงที่ไม่เคยให้เกียรติคนอื่นเอ่ยขึ้น ฉันตวัดสายตาฉุนๆ ไปทางคาวะอย่างไม่ชอบใจ ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับฉันไม่ให้เกียรติดาไซน่ะสิ ฮึ่ย!  “ทะท่านซายูริ...” ลูกน้องหน้าห้องของดาไซชักสีหน้าแตกตื่นทันทีด้วยกลัวว่าฉันจะทำอย่างที่บอดี้การ์ดแนะนำ สองคนนั้นมิวายหันไปส่งสายตาเขียวขุ่นให้คาวะ ก่อนที่ใบหน้ากังวลของพวกเขาทั้งสองจะคลี่คลายลงเมื่อฉันเอ่ยปากออกมา “ไม่เป็นไร บอกดาไซว่าฉันจะมาใหม่” “คะครับ” “หมอนั่นคือนักฆ่าที่ซายูริเปลี่ยนให้มาเป็นบอดี้การ์ดงั้นเหรอ” พี่เคนมะเอ่ยขึ้นระหว่างอยู่ในรถช่วงขากลับ ฉันหันไปมองคนข้างๆ ซ่อนความหนักใจเอาไว้ข้างใน ตอบคำถามเขาเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ “ค่ะ” “ทำไมล่ะ ทำไมจู่ๆ นักฆ่าถึงเปลี่ยนใจ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” คราวนี้ฉันนิ่งเงียบ พอฉันไม่ตอบพี่เคนมะก็คาดเดาเอาเอง “หรือว่ามีเงื่อนไขอะไรซ่อนอยู่” “เงื่อนไข...” ใบหน้าอัยย์ผุดวาบเข้ามาในหัว ฉันอดชำเลืองมองรถที่วิ่งตามมาด้านหลังผ่านกระจกไม่ได้ “หรือว่าอัยย์” สายตาพี่เคนมะที่จับจ้องถนนเบื้องหน้าหรี่ลงอย่างใช้ความคิด “พี่เคนมะได้ยินเรื่องนี้มาจากใครคะ” “หือ?” คราวนี้เป็นเขาที่ชำเลืองมองฉันด้วยท่าทางประหลาดใจ “เรื่องอะไร” “ก็เรื่องบอดี้การ์ดของซายูริ” “หึ ข้อมูลคู่หมั้นตัวเองทำไมพี่จะไม่รู้ คิดว่าพี่ไม่ทำการบ้านมาหรือไง” “อ้อ งั้นที่พาซายูริไปเที่ยวนี่ก็วางแผนเอาไว้แล้วใช่ไหม” “อะไรกันซายูริ” เขาทำเสียงขำขันกับท่าทางหวาดระแวงของฉัน “นี่กำลังสงสัยพี่อยู่เหรอ วางใจเถอะครับ กับซายูริพี่ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้ว ถ้าจะมี... ก็คงเป็นแผนแต่งงานของเรา” “แต่งงาน!?” “ใช่ ตกใจอะไร ซายูริเองก็โตพอจะเป็นเจ้าสาวได้แล้วนะ” “อึก ตะแต่ซายูริไม่พร้อม” ฉันหันหน้าไปมองคนข้างๆ อย่างร้อนใจ ลืมเรื่องทั้งหมดที่คุยกันก่อนหน้านี้ทันที “แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับถึงจะพร้อม หรือพี่ต้องรอให้ซายูริเรียนจบ” “ค่ะ ซายูริขอเรียนให้จบก่อน” กว่าจะเรียนจบก็อีกหลายปี... ฉันรู้สึกราวกับได้รับพื้นที่หายใจอันมีค่า  “ถ้าอย่างงั้นแล้วกิจการของซูซาคุกรุปส์จะทำยังไง พี่ไม่ได้เร่งรัดแต่พี่เป็นห่วง ไม่อยากให้ซายูริหักโหม ยิ่งแต่งงานกันเร็วเท่าไหร่ซายูริก็จะสบายเร็วเท่านั้น” “พี่เคนมะ... นี่ไม่ได้พูดเพราะว่าอยากจะฮุบซูซาคุกรุปส์ใช่ไหม” “ฮุบ? หึ... พี่รู้สึกถูกใจซายูริก็เพราะเป็นคนตรงๆ นี่ล่ะเพราะงั้นพี่ถึงเสียใจที่มองข้ามซายูริไปตั้งนาน” แล้วก็วกกลับมาอีหรอบเดิม คิดว่าพูดเอาใจแบบนั้นแล้วฉันจะหวั่นไหวหรือไง เฮ้อ ฉันเหลือบมองด้านข้างอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายก่อนจะเหลือบเห็นรถคันข้างหลังตบไฟเลี้ยว หืม... นั่นคาวะจะพาอัยย์ไปไหนน่ะ “มีอะไรเหรอซายูริ” “ข้างหลังน่ะค่ะ” “หือ นั่นบอดี้การ์ดของซายูริจะไปไหน” ฉันส่ายหน้าเพราะคาวะไม่เคยบอกอะไรเลย เดี๋ยว... จะว่าไปถนนเส้นนั้นมันเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลที่จินรักษาตัวอยู่นี่นา  “พี่เคนมะ ช่วยวนรถกลับแล้วขับตามสองคนนั้นไปได้ไหมคะ” “หืม?” พี่เคนมะทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ยอมทำตามที่ฉันขอแต่โดยดี ท่าทางเขาเองก็อยากรู้เรื่องคาวะเหมือนกัน คาวะมาโรงพยาบาลจริงๆ ด้วย เขายืนรออยู่หน้าห้องตรวจหันมามองฉันกับพี่เคนมะด้วยสีหน้าประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าเราทั้งคู่จะตามมา “อัยย์ล่ะ?” “ตามมาทำไม” “เปล่า ฉันแค่เป็นห่วงจินก็เลยจะมาเยี่ยม” ฉันเอาจินมาอ้าง สอดส่ายสายตามองหาอัยย์ไปด้วย จนคาวะกระชากท่อนแขนฉันไปบีบเต็มกำมือโดยที่ฉันไม่ทันรู้เรื่องรู้ราวว่าทำอะไรผิด ฉันนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงพี่เคนมะที่ยืนอยู่ด้านหลังก็จับข้อมือข้างนั้นของคาวะแน่น “ปล่อยซายูริ” “....” คาวะมองสบสายตาคมกริบของพี่เคนมะอย่างไม่สะทกสะท้าน สองคนนี้เหมือนกำลังหยั่งเชิงกันก่อนที่คาวะจะเป็นฝ่ายปล่อยมือจากฉันก่อน ฉันลูบแขนตัวเองไปมาพร้อมกับจ้องคาวะด้วยแววตาสงสัยว่าฉันทำอะไรผิด ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ “เป็นบอดี้การ์ดแต่ไม่เคารพเจ้านาย ซายูริให้คนแบบนี้มาทำงานได้ยังไง” พี่เคนมะยังไม่เลิกรา แต่คาวะกลับไม่สนใจเสียงพี่เคนมะ เขาเพ่งสายตาคมกริบจ้องลงมาที่ฉัน  “อัยย์อาการไม่ดีเพราะต้องคอยตะลอนๆ ตามเธอทั้งวัน” ฉันนิ่งอึ้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้นแต่ฉันผิดอะไร คาวะนั่นแหละที่เป็นคนบอกให้อัยย์มากับพวกเราเอง พอเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับน้องสาวก็มาโทษฉัน มันน่าโมโหไหมล่ะ ถึงแบบนั้นฉันก็ไม่ได้โวยวายแต่กลับเป็นห่วงอาการของอัยย์มากกว่า ไม่รู้ว่าเป็นมากน้อยแค่ไหนแต่พอฉันถามถึงอัยย์คาวะก็ชักสีหน้าไม่พอใจใส่ “จะห่วงอัยย์ทำไม เธอมาเยี่ยมตาลุงนั่นไม่ใช่เหรอ ไปซะสิ” “อัยย์เป็นอะไร”  พี่เคนมะที่ไม่รู้เรื่องราวถามขึ้นอย่างสงสัย ฉันหลุบตาลงเพราะไม่รู้ว่ามีสิทธิ์พูดเรื่องอัยย์ต่อหน้าคาวะหรือเปล่า แต่สายตายะเยือกของคาวะทำให้ฉันอึดอัดที่จะอยู่ต่อ  “ไปหาจินกันเถอะค่ะพี่เคนมะ” “อ่าว แต่... อัยย์...” เขาทำท่าเหมือนจะท้วงแต่พอเห็นสีหน้าหงุดหงิดของฉันก็เงียบแล้วยอมเดินตามมาแต่โดยดี จนกระทั่งพ้นหลังคาวะ ฉันปล่อยมือพี่เคนมะแล้วเดินนำเขามาที่ลิฟต์ ติ้ง! ประตูลิฟต์เปิด ฉันกำลังจะก้าวเข้าไปข้างในแต่ว่ามีคนอยู่ในนั้น ต้องรอให้ออกมาซะก่อน หากแต่จะไม่รู้สึกอึ้งขนาดนี้ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ริเอะ ผู้หญิงร่างสูงเพรียวในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงเลือดหมูทาบทับด้วยสูทหนังสีขาวสั้นครึ่งตัวแบรนด์เนมทั้งชุดยืนเชิดหลังตรงอยู่ข้างใน  “อ้าว... ท่านซายูริคุณเคนมะ?” ริเอะรีบก้าวออกมาแล้วทักทายฉันกับพี่เคนมะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติ เธอมองหน้าฉันกับพี่เคนมะสลับกันไปแล้วยิ้มแซวๆ “ได้ยินคุณซาโต้บอกว่าเพิ่งกลับมาถึงนี่คะคุณเคนมะ นี่ไปเที่ยวไหนกันมาหรือเปล่าคะ” “ครับ ผมพาซายูริไปทานข้าวและก็เที่ยวมานิดหน่อย ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะริเอะ” ฉันเหลือบมองพี่เคนมะ แปลกใจที่เขาพูดเหมือนกับว่ารู้จักริเอะดีทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมาจากอิตาลีและริเอะก็ยังเป็นเลขาใหม่ของลุงซาโต้อีกด้วย “อ๋อ ฉันแวะมาเยี่ยมคนรู้จักค่ะ นี่ก็เลยเวลางานแล้วคงไม่ได้คิดว่าฉันหนีงานมาหรอกใช่ไหม” “เปล่า ผมแค่แปลกใจน่ะที่เห็นคุณที่นี่” “อย่าว่าคุณเคนมะเลยค่ะ ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน ได้ยินคุณซาโต้บ่นว่าคุณไม่ค่อยปลื้มคู่หมั้นที่พ่อหาให้เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าคุณซาโต้จะผิดนะคะ” ฉันหันไปมองหน้าพี่เคนมะ... แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะตลอดมาเขาไม่เคยเหลียวแลฉันเลย ฉันไม่โทษและไม่คิดโกรธด้วย  “พ่อผมน่ะเหรอ งั้นฝากบอกด้วยแล้วว่าสบายใจได้ ตอนนี้ผมไม่คิดอยากจะจากซายูริไปไหนเลยล่ะ” “ได้สิคะ” ริเอะหัวเราะร่วน ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “งั้นขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระต่อ ไปก่อนนะคะท่านซายูริ” “อืม” ฉันพยักหน้า มองส่งริเอะจนลับสายตา หันมามองพี่เคนมะอย่างไม่คลายสงสัย “พี่เคนมะรู้จักริเอะแค่ไหนคะ” “หมายความว่ายังไงครับ ที่ว่ารู้จักแค่ไหน” เขามองหน้าฉันระหว่างเอื้อมมือไปกดลิฟต์ เมื่อประตูเปิดก็ส่งสายตาให้ฉันเดินเข้ามาก่อน จากนั้นร่างสูงก็ก้าวตามเข้ามา “ก็ซายูริรู้มาว่าริเอะเป็นเลขาใหม่ของคุณลุง” “ใช่ พี่ก็เพิ่งทราบเรื่องตอนกลับมา รู้จักเพราะพ่อแนะนำตอนไปหาที่บริษัท ทำไม พี่ดูสนิทกับริเอะเกินไปเหรอหรือซายูริหึง?” ฉันอึ้งไปชั่วขณะ ไม่นึกว่าพี่เคนมะจะพูดอะไรทำนองนั้นออกมาทั้งที่ในหัวฉันไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นอยู่เลยสักนิด ทุกวันนี้มีแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นรอบตัว ฉันไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรอก “ใครหึงคะ ซายูริไม่ใช่คนใจแคบแบบนั้นสักหน่อย” “งั้นเหรอ แล้วทำไมถามแบบนั้น มีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ แค่นึกว่าพี่เคนมะรู้จักริเอะมาก่อน” “หึ พี่จะไปรู้ได้ไง พี่ไปอยู่อิตาลีตั้งหลายปี” พี่เคนมะพูดมีเหตุผล หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ถามอะไรเขาอีก ออกจากลิฟต์และตรงมาหาจินที่ห้อง แต่ก็ยังอดสงสัยเรื่องที่เจอริเอะไม่ได้ ทำไมยัยนั่นมาที่นี่... ถึงจะบอกว่าพบคนรู้จักแต่มันก็แปลกอยู่ดี ทำไมต้องอยู่โรงพยาบาลเดียวกับจิน จู่ๆ ฉันก็นึกถึงคำพูดของคนดูแลไนต์คลับขึ้นมา  มีแค่จินคนเดียวที่รู้ว่าฉันจะไปไนต์คลับ ไม่สิ นี่ฉันคิดอะไรอยู่ ทำไมต้องสงสัยจิน ฉันรู้จักจินดี จินน่ะไม่มีทางทรยศฉันอยู่แล้ว “ท่านซายูริ คุณเคนมะ?” จินที่กำลังนอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเราทั้งคู่เปิดประตูเข้ามา พอเห็นหน้าจินข้อสงสัยในใจก็จางหาย ส่งยิ้มให้อย่างไม่รู้ตัว “จิน... ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”  “ใช่ครับ ตอนนั้นเจอคุณเคนมะครั้งสุดท้าย ยังสวมชุดนักเรียนอยู่ม.ปลายอยู่เลยผมจำได้” “จินเป็นไงบ้าง” ฉันถามแทรก “ครับดีขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่กี่วันก็น่าจะกลับบ้านได้” “ดีจัง จะได้กลับมาช่วยงานฉันไวๆ” ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คาวะแล้วเพราะหมอนั่นคอยแต่จะหาเรื่องฉันตลอด อีกอย่างอยู่ใกล้แล้วชวนให้นึกถึงแต่เรื่องต่ำคาว ฉันพยายามที่จะไม่คิดไม่จินตนาการถึง แต่พอคาวะโผล่มา เพียงแค่มองสบดวงตาคมสีนิลกาฬคู่นั้นจิตใจฉันก็ราวกับจะถูกชักไปในทางผิดๆ ร่างกายมันร้อนรุ่มประหลาด ทั้งที่ฉันไม่ได้ชอบ แต่ก็ห้ามสัญชาติญาณตัวเองไม่ได้  ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดคาวะ เพราะเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง ที่ถูกเรียกเมื่อไหร่ก็ต้องไป ถ้าจินกลับมา อย่างน้อยก็จะช่วยกันคาวะออกห่างฉันได้  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม