ตอนที่ 2.1

1688 คำ
เอี๊ยด!  ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถยนต์ก็แล่นเข้าจอดหน้าตึกโรงพยาบาล เสียงเบรกดังสนั่นเป็นสัญญาณเรียกให้เจ้าหน้าที่วิ่งออกมาดูโดยไม่ต้องเสียเวลาเรียก “ลงไป” คาวะออกคำสั่งกับจินที่นั่งเบาะข้างๆ ให้ลงจากรถ ใช่... จินนั่นแหละ เขาสวมเสื้อเกราะกันกระสุนทำให้ไม่เป็นอะไรแค่หมดสติไปเฉยๆ โชคดีแต้มบุญสูง กระสุนไม่โดนใบหน้าเพราะถ้าโดนเสื้อเกราะก็ช่วยอะไรไม่ได้  จินจับต้นแขนที่มีกระสุนฝังในเอาไว้พลางหันมามองฉันที่นั่งเบาะหลังอยู่กับอัยย์ด้วยสายตากังวล ฉันพยักหน้าให้จินทำตามที่อีกฝ่ายบอก แม้จะไม่รู้ว่า คาวะคิดอะไรอยู่แต่เขาบอกจะตกลงกับฉันแค่สองคนโดยให้จินกับอัยย์รักษาตัวรอที่โรงพยาบาล  ได้ยินว่าอัยย์มีนัดกับหมอเหมือนกันแต่ฉันฟังไม่ถนัดเลยไม่รู้อัยย์เป็นอะไร หลังส่งจินกับอัยย์ลงที่โรงพยาบาลเสร็จเขาก็บึ่งรถออกไปทันที ไม่บอกสักคำว่าจะพาไปไหน “นี่... นายคิดจะทำอะไร” ฉันถามอย่างไม่แน่ใจ รู้ว่าที่คาวะจงใจปล่อยอัยย์ไว้กับจินก็เพื่อเป็นหลักประกันว่าเขาจะไม่ทำอะไรฉัน ถึงงั้นใบหน้าเรียบนิ่งของเขาก็ยากจะคาดเดาออก  ฉันไม่อยากคิดแบบนี้แต่... มั่นใจได้ยังไงว่าชีวิตอัยย์จะมีค่ามากกว่าฉัน อีกอย่างจินไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารพอที่จะสังหารผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ลงคอ “ถึงแล้ว” เสียงทุ้มต่ำดังออกมาห้วนสั้น รถเลี้ยวเข้ามาในคอนโดหรูที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าว่า BLACK LIFE ชื่อนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง ยังไม่ทันที่ฉันจะนึกออก รถก็จอดสนิทพร้อมกับเสียงเปิดประตูลงจากรถ ฉันมองร่างสูงที่เดินอ้อมมาอีกฝั่ง เขาดึงประตูเปิดแล้วใช้สายตาสั่งให้ฉันลงไป ฉันก้าวลงจากรถอย่างขัดใจ หันขวับไปจ้องหน้าหมอนั่นเขม็ง กล้าดียังไงมาใช้ท่าทางออกคำสั่งกับฉัน แต่ยังไม่ทันจะโวยวายไอ้บ้านั่นก็คว้าท่อนแขนฉันแล้วกระชากให้เดินตามอย่างแรง  “โอ๊ย นี่! เจ็บนะ ปล่อย... นายจะทำอะไร” ฉันร้องขัดขืนสะบัดแขนเร่าๆ แผลที่มือยังไม่หายดีเริ่มจะรู้สึกเจ็บตามไปด้วย  ฉันถูกลากมาตามทางเดินที่เงียบสนิท คงเพราะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนจึงไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่าน จนกระทั่งถึงที่หมาย หมอนั่นสแกนนิ้วเร็วๆ เสียงประตูลั่นกิ๊ก เขาเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที “พาฉันมาที่นี่ทำไม” ฉันสะบัดแขนออกจากการจับกุมสำเร็จ หรือหมอนั่นจงใจปล่อยก็ไม่รู้ กวาดตามองไปรอบๆ ห้องชุดที่ทั้งกว้างขวางและหรูหราด้วยสังหรณ์ใจไม่ดี แค่มีเรื่องจะตกลงกับฉัน ไม่เห็นต้องถ่อมาไกลถึงนี่ก็ได้ “เพื่อทำให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ทรยศยังไงล่ะ” “ห๊ะ!? ฮะเฮ้! นี่...” ร่างสูงไล่ต้อนฉันจนหลังชิดผนัง ฉันจ้องมองใบหน้าคมเข้มที่กำลังกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างใจคอไม่ค่อยดี พยายามขับไล่เขาออกห่างแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล คิดจะทำอะไรกันแน่ห๊ะ! “เฮ้ หยุดนะ!” เพียะ! ฉันตบมือที่ยื่นเข้ามาใกล้แก้มออกอย่างไม่พอใจ เขาสบถเสียงฉุนในลำคอคำหนึ่งก่อนดึงแก้มฉันไปบีบแน่นแล้วก้มลงมาเป่าลมหายใจร้อนกรุ่นใส่เต็มหน้า “ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อยู่เฉยๆ คิดว่าฉันแคร์เธอมากงั้นเหรอ แค่ช่วยชีวิตอัยย์ครั้งเดียวไม่ได้แปลว่าเธอคือพระเจ้า จำไว้!” “งะไงนะ... อึก...” เพราะแก้มที่โดนบีบทำให้พูดออกมาไม่ถนัด แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่คาวะทำในเวลาต่อมา หมอนั่นก้มลงจ่อริมฝีปากค้างที่ซอกคอฉัน ลมหายใจอุ่นเป่าราดลงบนผิว สยิวไปทั้งตัว ความรู้สึกขยะแขยงแผ่ลามไปทั่วทั้งใจ ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างหนา มือทั้งสองข้างดิ้นรนผลักไสเขาออกห่าง  หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ สมองเริ่มรวน เมื่อสัมผัสวาบหวามจากริมฝีปากร้อนจัดแตะลงที่ผิวคอแผ่วเบา “หยุด... นายไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้” “หือ ตัวสั่นใหญ่เลยไม่ใช่เหรอท่านซายูริ” เขากระซิบเรียกชื่อฉันข้างใบหู เล่นเอาฉันวาบหวิวไปทั้งใจ รู้สึกเข่าอ่อนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น แข็งใจดันแผ่นอกแกร่งออกห่างแต่มันไม่ยอมขยับ “ออกไป ไม่งั้น...” “ไม่งั้นทำไม” “ฉัน ฉัน...” “พูดมาสิ รอฟังอยู่” คาวะก้มลงไปกดจูบที่หลังใบหู ฉันสะท้านเฮือก ตะคอกออกไปเสียงแข็งเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกทำเหมือนของเล่น “หยุด! ไม่งั้นฉันฆ่านายจริงๆ แน่” “ทำได้เหรอ...” “อ๊ะ! ว้ายยย” หมอนั่นกระชากฉันออกจากผนังเข้ามาในห้องนอน รู้ตัวอีกทีร่างฉันก็โดนเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างแรง ใบหน้าแทบจมลงกับที่นอนและเมื่อพลิกตัวกลับมาร่างสูงก็โถมทับอยู่ด้านบนแล้ว “กรี๊ด! ออกไปนะ ไอ้บ้า แกคิดจะทำอะไร ไม่นะ! ม้ายยยย” ฉันดิ้นพรวดพราด คาวะรวบข้อมือฉันเอาไว้ทันทีก่อนจะดึงเชือกออกมาจากลิ้นชักหัวเตียงจับพันข้อมือฉันเป็นว่าเล่น  “อะไอ้โรคจิตหยุดนะ อึก...” เขากระตุกปลายเชือกที่มัดจนแน่น ฉันรู้สึกเจ็บเหมือนแขนกำลังจะขาดจริงๆ จ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาเคียดแค้น หอบหายใจเฮือกๆ อย่างรู้สึกเหนื่อย เค้นถามเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ “นายต้องการอะไรกันแน่” ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะทำข้อตกลงกันจริงๆ ...นี่มันเข้าข่ายล่อลวงชัดๆ หรือนี่จะเป็นแผนลอบฆ่าของฆาตกรโรคจิต! หัวใจฉันกระตุกวูบ ความรู้สึกหวาดหวั่นกำลังคาดคั้นอยู่ในจิตใจ นึกโมโหตัวเองที่หลงกลอะไรง่ายๆ แบบนี้ “กำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ” คาวะหยิบกล่องบางอย่างขึ้นมา ฉันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเอามาจากไหน  เขาเปิดฝากล่อง ดวงตาคมกริบเหลือบมองฉันอย่างรอฟังคำตอบก่อนตวัดกลับไปไล้มือลงบนแท่งกลมยาวหลากสีที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบอยู่ภายในกล่อง  “นั่นอะไร” ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจ “อยากรู้เหรอ” “ไม่...” ฉันส่ายหน้าไหว รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าแสนร้ายกาจของ คาวะชวนให้หายใจไม่ออก เขากดฝ่ามือลงคร่อมร่างฉัน ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ชวนพิศวาสยื่นเข้ามาใกล้ เกลี่ยไล้แท่งกลมยาวสีขาวกับข้างแก้มฉันแล้วกดปุ่มสั่น  ผิวแก้มสะเทือนครืด! ดูเหมือนฉันจะเข้าใจการทำงานของมันขึ้นมาทันที มองสบสายตาคมกริบของคาวะหัวใจสั่น ใช้มือที่โดนมัดทุบบ่า ดันเขาออกห่างแต่มันไม่เคยได้ผล  “หึ เข้าใจแล้วสิ... ท่านซายูริ” “อึก” ฉันกัดริมฝีปากแน่น นึกขยาดแขยงเสียงเรียกชื่อที่ดังออกมาจากปากคนตรงหน้า ใคร่ครวญถึงความผิดพลาดของตัวเอง รู้สึกเหมือนอกจะแตก ทำไมฉันไม่ยิงมันทิ้งในตอนที่มีโอกาส ทำไมกัน!  ปลายนิ้วที่ลากไล้ขึ้นมาตามเรียวขาอ่อนทำร่างกายฉันปั่นป่วน เอ่ยห้ามเสียงแข็งสะท้าน แต่นาทีนี้ไม่มีอะไรหยุดยั้งใบหน้าจิตหื่นคาวะได้ เขาจับเรียวขาฉันที่ดิ้นไม่หยุดแยกออก จ่อแท่งกลมที่เปิดสั่นเข้ากับซับในตรงกลางหว่างขา ฉันสะดุ้งเฮือกตั้งแต่สัมผัสแรก ร้องลั่นอย่างรู้สึกเจ็บ ดิ้นพรวดพราดไม่หยุด ลมหายใจรู้สึกติดขัด ความรู้สึกประหลาดแล่นริ้วไปทั่วร่าง ความเจ็บปวดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียวกระสัน สั่นซ่านอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เรี่ยวแรงที่มีถูกลดทอนจนแทบไม่เหลือแรงไว้ต่อต้าน  “อ๊ะ... อย๊าอ๊ะอ๊า!~” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อสิ่งนั้นสัมผัสกับเนื้อสาวโดยตรง คาวะถูไถแท่งกลมยาวกับร่องสวาทจนฉันแทบทนไม่ไหว  ต่อให้ร่างกายฉันจะคล้อยตามแต่จิตใจฉันไม่ได้ยินยอม ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมทั้งสิ้น “อื้อ พะพอ... พอได้แล้วอ๊ะ! จะเจ็บ อย่านะ” คาวะกดส่วนหัวของแท่งกลมที่กำลังสั่นรุนแรงเข้ามาในช่องทางรักที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ฉันรู้สึกเจ็บเหมือนโดนชำแรก อาการจุกปนรวดร้าวแทรกลึกอย่างรุนแรงตามความยาวที่กล้ำกรายเข้าสู่ภายใน กระทั่งโดนยัดเข้ามาทั้งแกน ครื้ดดดดดด~ “อ๊า~ คาวะ... เอามันออก เสียว ฉันเสียวอ๊า” ร่างสูงผละออกห่างทันทีที่ใส่สิ่งแปลกปลอมเข้ามาในตัวฉันเสร็จ ลุกขึ้นไปยืนกอดอกข้างเตียง แล้วมองดูฉันนอนดิ้นพราดอยู่บนเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง  สิ่งที่สั่นอยู่ข้างในทำฉันบิดกายซุกหน้ากับหมอนอย่างอึดอัดทรมาน ร่างกายสั่นสะท้านราวกับโดนจับเขย่ากลางอากาศ เหงื่อกาฬแผดซึมออกมา ทั้งที่อากาศเย็นเฉียบแต่ฉันกลับร้อนรุ่มเหมือนตกอยู่กลางเปลวเพลิง ความรู้สึกชื้นท่วมท้นออกมาจนเปียกแฉะ  ก่อนที่ร่างกายฉันจะเกร็งกระตุก... ความรู้สึกสุขสมโอบกอดไปทั่วร่าง ลมหายใจฉันสั่นระรัว นอนหอบเหนื่อยฟุบหน้าลงกับเตียงอย่างไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาเผชิญกับความเป็นจริง  แม้กระทั่งตอนที่คาวะเข้ามาล้วงเอาแท่งกลมยาวบ้าๆ นั่นออกฉันก็ยังไม่มองหน้าเขา ทั้งที่รู้สึกเจ็บปวดจากการโดนล่วงเกินหากแต่ฉันรู้สึกอับอายมากกว่า ไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม