ตระกูลของมาวินทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงชุดออกกำลังกาย เนื่องจากพรีเซนเตอร์คนเก่าได้หมดสัญญาเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ทางบริษัทต้องหาพรีเซนเตอร์คนใหม่ แต่ครั้งนี้จะใช้พรีเซนเตอร์ถึงสองคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้า ทางกรรมการของบริษัทจึงลงความเห็นให้นางเอกหน้าหวานกับนางร้ายหน้าเหวี่ยงมาเป็นพรีเซนเตอร์
“ท่านประธานคะ พรีเซนเตอร์ที่นัดเอาไว้มาถึงแล้วค่ะ” เลขาของมาวินแจ้งเข้ามาทางโทรศัพท์
“ทั้งสองคนเลยไหม”
“ทั้งสองคนค่ะ ตอนนี้รออยู่ในห้องประชุม”
“โอเค เดี๋ยวผมไป” มาวินพูดจบก็วางโทรศัพท์ลงพร้อมกับอมยิ้มตรงมุมปากเมื่อนึกถึงหนึ่งในพรีเซนเตอร์ที่ได้รับการคัดเลือก และยิ้มมากขึ้นเมื่อนึกถึงบทสนทนาในไลน์ที่ได้คุยกันก่อนนอนหลังจากที่เธอทักมาบอกข่าวดีแต่เขาทำเป็นไม่สนใจ
อ่านแต่ไม่ตอบจนเจ้าหล่อนต้องส่งข้อความมาตัดพ้อทิ้งท้ายด้วยประโยคสั้น ๆ ว่า งอนแล้วนะ แบร่ จากนั้นก็หายไปเลยจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีข้อความใดๆ เข้ามาอีก
“วันนี้จะงอนอีกไหม” ชายหนุ่มมองรูปของพรีเซนเตอร์ทั้งสองคนที่วางอยู่ในแฟ้ม หยิบรูปของคนขี้งอนขึ้นมาดูแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูมากกว่าหงุดหงิด ก่อนจะรวบเอกสารทั้งหมดแล้วเดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปเจอกับพรีเซนเตอร์คนใหม่
ในขณะที่มาวินกำลังจะก้าวเข้าห้องประชุมก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยกำลังคุยโทรศัพท์จึงหยุดเดินแล้วก้าวไปตามทางของเสียง จินันยากำลังคุยกับพ่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อนและหันหลังทำให้ไม่เห็นการมาของชายหนุ่มในดวงใจ
“คุณพ่อขา จีน่าสัญญาเย็นนี้จีน่าจะกลับไปทานข้าวด้วย อย่างอนน่า ดีกันนะ”
“ตอนนี้หนูไม่ได้เล่นละครแล้วค่ะ รู้สึกเบื่อ ๆ เหนื่อย ๆ ขอพักก่อน”
“ค่าคุณพ่อ จีน่ารับทราบ เอาไว้จีน่าเบื่อวงการบันเทิงเมื่อไหร่ จีน่าจะไปทำงานกับพี่จินะคะ ฝากบอกคุณแม่กับพี่จิด้วย จีน่าคิดถึง เย็นนี้เจอกัน จุ๊บ จุ๊บ สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
ดาราสาวพูดเสียงสองอ้อนพ่อก่อนจะวางสายไปแล้วถอนหายใจดัง ๆ เพราะบิดาอยากให้ตนเองเข้าไปช่วยพี่ชายทำงานที่บริษัทมากกว่าทำงานในวงการบันเทิง หล่อนก็เริ่มคิดถึงเรื่องนี้แล้วเหมือนกันแต่ยังไม่อยากไปทำจึงไม่ตอบตกลง
“ถอนหายใจดังเชียว”
“ว้าย คุณมาร์ คุณมาตอนไหนคะทำไมจีน่าไม่รู้”
“ก็ตอนคุณอ้อนพ่อไง น่ารักดี”
“นิสัยไม่ดี แอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน”
“ไม่ได้แอบฟัง แค่เดินผ่านแล้วมันได้ยิน”
“เรื่องของคุณมาร์ ไม่ใช่เรื่องของจีน่า เชอะ”
“อ้าว เป็นงั้นไป นี่ยังงอนผมไม่หายเหรอ”
“ใช่ค่ะ จีน่างอน บอกเลยง้อยากด้วย” หล่อนพูดจบก็สะบัดตูดกลับเข้าห้องประชุมทิ้งให้มาวินยืนยิ้มเพราะมันเขี้ยวคนขี้งอน ชายหนุ่มจึงรีบเดินตามหญิงสาวเข้ามาในห้องประชุมอีกคน
และทันทีที่เขาปรากฏตัว นางเอกสาวหน้าหวานที่รอเจอประธานบริษัทก็เกิดอาการสติหลุด อึ้งกับความหล่อของผู้ชายตรงหน้าอยู่หลายนาที ก่อนจะยิ้มหวานโปรยเสน่ห์
“ท่านประธานคะ นี่คุณไข่มุกกับคุณมินผู้จัดการส่วนตัว” เลขาของชายหนุ่มผายมือไปทางไข่มุก นางเอกสาวกับผู้จัดการส่วนตัวจึงยกมือขึ้นมาไหว้ทำความรู้จักมาวิน
“สวัสดีครับคุณไข่มุก คุณมิน”
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ”
“ส่วนสองท่านนี้คือคุณหวานใจผู้จัดการและคุณจินันยา” ถึงจะรู้ว่าเจ้านายรู้จักกับดาราสาว แต่ด้วยงานความเป็นทางการต้องมาก่อนจึงแนะนำจินันยาให้มาวินรู้จัก
“สวัสดีค่ะ คุณมาวิน/สวัสดีค่ะ”
“ผมมาวิน ในฐานะประธานของบริษัท Y ขอขอบคุณและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณไข่มุกกับคุณจีน่ายอมมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทของเรา”
“ไข่มุกก็ยินดีค่ะ ไม่คิดว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Y จะจ้างไข่มุก ต้องขอบคุณคุณมาวินมาก ๆ ที่ให้โอกาส” หล่อนกล่าวเสียงหวานทำให้จินันยาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเพราะได้กลิ่นตุ ๆ จากนางเอกสาว
“ด้วยความยินดีครับ”
ชายหนุ่มยิ้มแต่สายตากลับมองไปที่อีกคน
“พี่จีน่าไม่พูดอะไรสักหน่อยเหรอคะ” ไข่มุกเข้าใจว่าที่มาวินมองจินันยาเพราะหล่อนนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาจึงใจดีช่วยพูดให้ ทั้งที่ความเป็นจริงชายหนุ่มมองเพราะเรื่องอื่น จินันยาเห็นอาการของนางเอกสาวก็เริ่มรู้สึกหมั่นไส้เลยปั้นหน้าแล้วหันไปพูดกับคนที่ตัวเองงอนด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยชนิดที่ไม่เคยพูดกับเขามาก่อน
“จีน่าก็ต้องขอบคุณบริษัท Y กับคุณมาวินที่ให้โอกาส จีน่าจะทำงานอย่างเต็มที่แน่นอน ขอบคุณนะคะ”
“ครับ ผมยินดี เอาเป็นว่าผมยินดีที่ได้ร่วมงานกับทั้งสองคน นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วงั้นผมขอเชิญทั้งหมดอยู่รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่นี่จะสะดวกไหม คุณไข่มุก คุณมิน คุณจีน่า คุณหวาน”
“ไข่มุกกับพี่มินสะดวกค่ะคุณมาวิน”
“หวานกับน้องจีน่าก็สะดวกค่ะ”
ผู้จัดการของจินันยาตอบแทนเมื่อเห็นเด็กในสังกัดไม่ยอมพูดอะไร จากนั้นชายหนุ่มก็เชิญทั้งหมดไปยังห้องอาหารที่อยู่ติดกับห้องประชุม เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทุกคนก็เริ่มลงมือ จินันยาเห็นคั่วกลิ้งเนื้อวางอยู่ตรงหน้าจึงเอื้อมมือไปตักแต่โดนมาวินดุเสียก่อนเพราะจำได้ว่าหล่อนกินเผ็ดไม่ได้
“อันนี้คุณกินไม่ได้ มันเผ็ด”
“แต่จีน่าอยากกินคั่วกลิ้ง”
“มันเผ็ด คุณอย่ากินดีกว่า เอาจานนี้ไป ผมสั่งให้คุณโดยเฉพาะ”
“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความมีน้ำใจ”
“หึ งั้นก็กินเยอะ ๆ ผมจะได้ไม่เสียน้ำใจ”
ภาพความสนิทสนมราวกับไม่ใช่คนที่เพิ่งรู้จักกันตกอยู่ในสายตาของนางเอกสาวตลอดเวลาแต่ไม่พูดอะไรออกมาเพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ ถึงแม้จะไม่พอใจก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากความเป็นนางเอกสายแบ๊วมันค้ำคอ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ใช่เลย มาวินนั่งกินข้าวได้ไม่นานก็มีสายเข้าจึงขอตัวไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ไข่มุกจึงไม่ปล่อยโอกาสที่จะแสดงเจตนาของตนเอง
“คุณมาวินหล่อมากเลยนะคะพี่มิน”
“จริงค่ะ หล่อไม่พอรวยด้วย ใครได้เป็นสามีโชคดีตายเลย”
“ไข่มุกก็คิดเหมือนพี่มินค่ะ พี่จีน่าว่าไหม”
“คงงั้นมั้งคะ” หล่อนตอบเสียงแข็ง
“พี่จีน่าว่าแบบไข่มุก คุณมาวินเขาจะชอบไหม”
“ไม่รู้ค่ะ พี่ไม่ใช่คุณมาวิน”
“แต่ไข่มุกว่าต้องชอบแน่เลยเพราะไข่มุกอายุน้อย”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็ไม่มีอะไรค่ะ ทานข้าวดีกว่า”
นางเอกหน้าหวานรีบตัดบทเมื่อเห็นประตูห้องเปิดเข้ามา พร้อมกับแสดงสีหน้าใสซื่อตักอาหารตรงหน้าใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าคั่วกลิ้งจานนี้ไม่มีความเผ็ด จินันยาเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโมโห จึงเอื้อมมือไปตักคั่วกลิ้งมาใส่ปากแล้วเคี้ยวบ้างเพื่อข่มอีกฝ่ายท่ามกลางความตกใจของผู้จัดการส่วนตัว
“แค้ก แค้ก แค้ก”
“ว้ายน้องจีน่า น้ำค่ะน้ำ”
“แค้ก แค้ก แค้ก”
“จีน่า คุณกินเข้าไปทำไม ผมบอกแล้วมันเผ็ด”
มาวินเดินเข้ามาทันเห็นช่วงที่จินันยาตักคั่วกลิ้งเข้าปากแล้วไอจึงวิ่งเข้าหาหญิงสาวโดยเร็วพร้อมกับดึงทิชชูให้หล่อนเช็ดหน้าเช็ดปาก
ผ่านไปสักพักคนดื้อก็เริ่มมีอาการดีขึ้น ชายหนุ่มจึงกลับไปนั่งที่หัวโต๊ะตามเดิมแล้วเชิญทุกคนให้กินข้าวกันต่อ และสั่งให้เลขาเอาคั่วกลิ้งออกไปเพราะกลัวจินันยาจะตักเข้าปากอีกรอบ
ความห่วงใยของมาวินที่มีต่อจินันยาทำให้นางเอกสาวอิจฉาตาร้อนไม่อาจทนดูต่อไปได้ จึงอ้างกับชายหนุ่มว่ามีงานต่อตอนบ่ายต้องรีบไปแล้วสะกิดผู้จัดการส่วนตัวให้เออออห่อหมก ร่ำลามาวินเสร็จก็เดินออกจากห้องอาหารทันที ส่วนผู้จัดการของจินันยาก็ต้องขอตัวเหมือนกันเพราะรีบไปดูแลเด็กในสังกัดอีกคน ปล่อยให้หญิงสาวอยู่กับคนที่ตนเองชอบตามลำพัง
“เป็นยังไงบ้างคุณ ดีขึ้นไหม”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“ผมบอกไม่ให้กินก็ยังจะกิน ดื้อจริง ๆ เลยคุณ”
“จีน่าเห็นน้องไข่มุกกินแล้วไม่เผ็ด ก็เลยลองดู ใครจะไปรู้ว่าเผ็ดมาก ทุกคนกลับหมดแล้ว จีน่าขอตัวกลับด้วยดีกว่า”
“มีงานอีกไหมวันนี้”
“ไม่มีค่ะ ช่วงนี้ว่าง ไม่อยากรับงาน ทำไมเหรอคะ”
“แล้วกลับยังไง คุณเอารถมา?”
“ไม่ได้เอามา กลับแท็กซี่”
“งั้นไม่ต้องกลับ เดี๋ยวผมไปส่งบ้านของคุณเอง”
“อะไรนะคะ! คุณมาร์จะไปส่งจีน่าที่บ้าน”
“ใช่ ห้ามปฏิเสธ”
หญิงสาวอ้าปากเหวอ งงกับคำสั่งเอาแต่ใจของเขา ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินตามชายหนุ่มไปยังห้องทำงาน แต่หล่อนยังไม่ทันถามอะไรก็ถูกเขาสั่งให้นั่งนิ่ง ๆ บนโซฟาห้ามรบกวน จึงจำใจนั่งลงตามคำสั่งและเอาโทรศัพท์ขึ้นมาท่องโซเชียลฆ่าเวลา ทำให้ไม่เห็นรอยยิ้มของคนขี้เก๊กที่กำลังมองมาด้วยสายตาอ่านไม่ออก