ร้านอาหารที่มาวินพาจินันยามากินข้าวเที่ยงเป็นร้านที่ตั้งอยู่ริมทาง ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์หรูหราอย่างที่หญิงสาวคิดเอาไว้ ทำให้แปลกใจไม่ใช่น้อยเพราะขัดกับบุคลิกของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก หล่อนไม่ได้มีปัญหากับร้านแบบนี้เนื่องจากใช้บริการบ่อยยามหิวโหยหรือเวลาเร่งด่วนต้องหาอะไรยัดเข้าท้อง
“คุณจีน่าทานข้าวร้านแบบนี้ได้ไหมครับ”
ถามเพราะอยากรู้ว่าหล่อนจะตอบแบบไหนและแอบสบประมาทหญิงสาวในใจ แต่พอได้ยินคำตอบกับเห็นแววตาของจินันยา ความคิดก่อนหน้านี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความพึงพอใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย
“ได้ค่ะ จีน่ากินได้ ว่าแต่คุณมาร์กินได้เหรอคะ” หล่อนถามแบบไม่มั่นใจ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง คนอย่างมาวิน หยาง ประธานบริษัทใหญ่โตจะกินข้าวข้างทางได้เหรอ ไม่น่าเชื่อ
“ได้สิครับ ผมไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้น ทำไมเหรอ”
“ก็จีน่าเห็นคุณมาร์เป็นถึงประธานบริษัท ไม่คิดว่า...”
“ไม่คิดว่าผมจะกินข้าวร้านข้างทางได้”
“ถูกต้องค่ะ”
“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจีน่าจะกินได้เหมือนกัน”
“จีน่ากินได้ทั้งนั้นค่ะ จะร้านหรู ร้านข้างทาง ขอแค่อร่อยและสะอาดก็พอ”
“ร้านนี้อร่อยและสะอาด ผมรับรอง แล้วคุณจีน่าอยากกินอะไร”
“แล้วแต่คุณมาร์ จีน่าเป็นเจ้ามือ ขอตามใจคนถูกเลี้ยง”
“โอเค งั้นผมสั่ง...” เมนูอาหารที่เขาชอบกินก็พรั่งพรูออกจากปากซึ่งเป็นอาหารรสจัด มีทั้งแกงส้มชะอมกุ้ง ผัดเผ็ดปลาช่อน กุ้งผัดเกลือ และอีกหลายอย่าง
หญิงสาวจึงเอากระดาษกับปากกาขึ้นมาจด เมื่อครบตามจำนวนแล้วก็ส่งให้ลุงกับป้าซึ่งเป็นเจ้าของร้านไปจัดการ เวลาผ่านไปไม่นานอาหารที่สั่งก็อยู่ตรงหน้าทั้งสองคน ชายหนุ่มจึงไม่รอช้ารีบเชื้อเชิญหญิงสาวให้กินข้าวพร้อมกับคุยเรื่องที่ต้องการพูดด้วย จะได้ไม่เสียเวลาและแยกย้ายกันเสียที
การกินไปคุยไปเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จเมื่อจินันยากินข้าวหนึ่งคำตามด้วยน้ำอีกหนึ่งอึก น้ำหูน้ำตาไหลคว้าทิชชูมาเช็ดน้ำมูกครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับซู้ดปากด้วยความเผ็ด จนชายหนุ่มไม่อาจทนมองได้จึงสั่งให้หยุดกินด้วยน้ำเสียงโมโหที่หล่อนไม่บอกว่ากินอาหาร เผ็ด ๆ ไม่ได้ จากนั้นก็หันไปสั่งให้เจ้าของร้านเช็กบิล
ส่วนอาหารที่เหลือให้ใส่กล่องจะเอากลับไปกินตอนเย็นเพราะมันยังเหลือเยอะ เขาไม่ใช่พวกคนรวยที่ชอบกินทิ้งกินขว้าง กินอาหารเหลือก็ควรเอากลับไปกินมื้อต่อไป ยกเว้นมันเหลือน้อยจริง ๆ ถึงจะไม่เอากลับ การกระทำของมาวินสร้างความแปลกใจให้จินันยาอีกครั้งจึงกระซิบถามเบา ๆ ด้วยความสงสัยว่าเขาจะเอากลับจริง ๆ เหรอ คำตอบที่ได้ก็คือ ใช่!
คนตัวโตไม่ได้พาคนตัวเล็กกลับห้องทำงาน แต่พาหญิงสาวที่ยังมีอาการไอเล็กน้อยเนื่องจากกินอาหารเผ็ดมาที่ร้านน้ำแข็งไสซึ่งอยู่ห่างจากร้านข้าวไม่มากนัก เมื่อนั่งลงเรียบร้อยก็สั่งน้ำแข็งไสรวมมิตรสองถ้วยทันทีโดยไม่ถามจินันยา เพราะรู้ดีว่าหล่อนต้องลอกตนเองแน่
“กินซะ ของหวาน ๆ จะช่วยให้หายเผ็ด”
“น่ากินมากเลยค่ะ”
หล่อนตาวาวมองของหวานในถ้วยด้วยความชอบ
“กินเถอะ จะได้หายไอ” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างดีใจหน้าบานเป็นจานกระด้งที่ชายหนุ่มใส่ใจตนเองพลางตักน้ำแข็งไสใส่ปาก จากนั้นก็ตาวาวอีกครั้งเพราะมันอร่อยมาก อร่อยชนิดที่ว่าวางช้อนไม่ลง มาวินเห็นอากัปกิริยาของคนตรงหน้าก็เกิดอาการเอ็นดูขึ้นมาจึงอมยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับตักน้ำแข็งไสเข้าปากอีกคน
“อร่อยไหม”
“มากกกกก กอไก่ ล้านตัว ไม่คิดเลย ร้านเล็ก ๆ แบบนี้จะอร่อยจนบรรยายไม่ถูก”
“หายเผ็ดหรือยัง”
“หายแล้วค่ะ น้ำแข็งไสช่วยได้เยอะ”
“หายแล้วก็ดี ผมจะได้เข้าเรื่องสักที”
“เรื่องอะไรคะ” หล่อนเงยหน้าจากถ้วยน้ำแข็งไสแล้วถามเขาตาแป๋ว ทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการประหม่า รู้สึกสงสารหล่อนขึ้นมาจับใจ แต่ทำยังไงได้ ถ้าไม่พูดตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาสพูดอีก จึงตั้งสติแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมไม่ชอบที่คุณมาเกาะแกะผม ตื๊อผม ทำตัวไม่เป็นกุลสตรี” ถ้อยคำของเขาทำเอาหล่อนอึ้งไปหลายนาทีก่อนจะวางช้อนลงแล้วจ้องตาคนตรงหน้าอย่างคนไม่ยอมแพ้ เหอะ จะให้คนอย่างจินันยายอมแพ้ง่าย ๆ ไม่มีทางหรอก ด้านได้อายอดจ้ะ
“แต่จีน่าชอบ จีน่าอยากได้คุณมาร์เป็นผัว เอ๊ย สามีก็ต้องตื๊อสิ”
“คุณพูดอะไรนะ! อยากได้ผมเป็นผัว ไม่ใช่ ๆ สามี” เขาถามเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อหู
“ใช่ค่ะ จีน่าชอบคุณมาร์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากันแล้วก็ชอบขึ้นมาเรื่อย ๆ คิดว่าอีกไม่นานต้องรักแน่” หล่อนทำตาเคลิ้มมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มแล้วอดที่จะวาดฝันถึงอนาคตข้างหน้าไม่ได้จริง ๆ มีเขาเป็นพ่อ มีตัวเองเป็นแม่ และมีลูก ๆ อีกสองสามคนคอยเรียกคุณพ่อขา คุณแม่ขา ให้ชื่นใจ
“ผมไม่ได้ชอบคุณ”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วส่ายหัว
“ตอนนี้ไม่ชอบ อนาคตไม่แน่ คุณมาร์ยังไม่เปิดใจเลย อย่าด่วนตัดสินสิคะ จีน่ามีข้อเสนอ” อยู่ ๆ บทละครที่เคยเห็นนางเอกแสดงก็แล่นเข้ามาในหัว จึงไม่พลาดโอกาสที่จะเอามาใช้และหวังว่ามันจะได้ผลกับตนเอง
“ข้อเสนออะไร” เขาทำหน้าไม่ไว้ใจแต่ก็อยากรู้ว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน
“ภายในหกเดือนถ้าจีน่าทำให้คุณมาร์ชอบไม่ได้ จีน่ายินดีหายออกไปจากชีวิตของคุณมาร์” จินันยาเอ่ยข้อเสนอของตนเองด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีแววล้อเล่น มาวินได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการลังเล มองคนตรงหน้าอย่างคนคิดไม่ตกก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ก็ได้ แต่ผมมีข้อแม้” หล่อนมีข้อเสนอ เขาก็มีข้อแม้ ถ้าทำได้เขาก็พร้อมที่จะสนอง
“พูดมาเลยค่ะ จีน่าพร้อมทำตาม”
“หึ ข้อแม้ของผมก็คือ ห้ามขัดคำสั่ง ไม่ว่าผมจะให้คุณทำอะไรก็ต้องทำตามทุกอย่าง ตกลงไหม”
“ตกลง เรื่องแค่นี้เอง จีน่าทำได้สบายมากค่ะ”
เธอตอบแบบไม่คิดทำให้ชายหนุ่มยิ้ม
“ดี แล้วมาดูกัน คุณกับผมใครจะแพ้ก่อน”
ทั้งสองคนต่างมั่นใจในความรู้สึกของตนเองจึงยิ้มให้ฝ่ายตรง
ข้ามด้วยท่าทางเย้ยหยัน มาวินมั่นใจว่าจินันยาต้องถอดใจแล้วหายออกไปจากชีวิตของตนเองโดยไม่ต้องใช้เวลาถึงหกเดือน ส่วนจินันยาก็มั่นใจมากเหมือนกันว่ามาวินต้องชอบตนเองก่อนจะครบหกเดือน
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหญิงสาวก็คิดอะไรออกจึงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดบันทึกเสียงทำข้อตกลงระหว่างตนเองกับมาวินซึ่งชายหนุ่มก็เห็นด้วย
หลังจากอัดเสียงเป็นหลักฐานเสร็จทั้งคู่ก็ทำการแลกไลน์เพื่อใช้ในการติดต่อ จากนั้นก็บอกให้เจ้าของร้านเก็บเงิน แต่คราวนี้คนตัวโตเป็นคนจ่ายเพราะพาหล่อนมาเอง
ก่อนกลับคอนโดจินันยาได้อ้อนมาวินให้เดินมาส่งที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าตึกสูง คราแรกเขาอิดออด แต่ก็แพ้ลูกอ้อนกับตาใส ๆ ของคนตัวเล็กจึงตอบตกลงเดินมาส่งหล่อนขึ้นรถจนได้
พฤติกรรมของเจ้านายสร้างความสงสัยให้แก่พนักงานที่กำลังเดินไปเดินมาไม่ใช่น้อยแต่ไม่มีใครกล้าถาม หลังจากดาราสาวขับรถออกไปท่านประธานสุดหล่อก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่ตกลงรับข้อเสนอของเธอ
“เอาวะ ก็ให้มันรู้ไปสิ ผู้หญิงแบบนั้นจะเอาชนะใจเราได้ ไม่มีทางหรอก หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอแล้วยิ้มอย่างชั่วร้ายตรงมุมปาก มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าตนเองจะชนะจึงอารมณ์ดีขึ้นมาอีกเท่าตัวแล้วเดินหายเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปทำงานที่ค้างคาต่อให้เสร็จ เพราะมัวแต่คุยกับจินันยาทำให้เวลางานช่วงบ่ายล่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมง
ทางด้านของหญิงสาวเมื่อกลับมาถึงคอนโดก็กระโดดไปมาแล้วกรี๊ดเสียงดังลั่นห้องด้วยความดีใจที่ชายหนุ่มยอมทำตามข้อเสนอ และมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกันว่างานนี้ตนเองต้องชนะ อีกไม่เกินหกเดือนจะมีแฟนชื่อ มาวิน หยาง ให้สาวใหญ่สาวน้อยได้อิจฉาตาร้อนไปทั่วประเทศ
“อุ๊ปส์ หรือเราจะเลื่อนจากแฟนเป็นผัวดี”