กลับมาถึงที่บ้านได้ครึ่งชั่วโมงโทรศัพท์ของมาวินก็มีสายเข้า ชายหนุ่มเห็นเบอร์ที่โชว์หน้าจอแล้วแสดงสีหน้าแปลกใจเพราะไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ของใคร เนื่องจากไม่มีการบันทึกชื่อจึงเกิดอาการลังเลจะกดรับดีหรือไม่รับ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับสายทำให้คนที่ตั้งใจโทรมาดีใจมากเกือบจะกรี๊ดลั่นคอนโด ดีที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มเสียก่อนจึงหุบปากทัน
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะคุณมาร์”
“ครับ ไม่ทราบโทรมาจากไหนครับ”
“ห่างกันไม่ถึงชั่วโมงลืมกันแล้วเหรอคะ”
หล่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอนเหมือนน้อยใจแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเพราะดีใจที่เขารับสาย ส่วนชายหนุ่มเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รีบใช้สมองประมวลผลหน้านิ่วคิ้วขมวด เพียงครู่เดียวก็คิดออก คนที่ห่างกันไม่ถึงชั่วโมงก็มีแต่....
“คุณ! คุณนั่นเอง โทรมาหาผมมีอะไรครับ แล้วมีเบอร์ของผมได้ยังไง”
“เฮ้อ นอกจากจำเสียงไม่ได้แล้วยังลืมชื่ออีก แต่ไม่เป็นไรค่ะจีน่าไม่ถือ ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ จีน่า จินันยาค่ะ ส่วนเบอร์ก็ได้มาตอนที่จีน่าขอให้คุณมาร์ช่วยหาโทรศัพท์ของจีน่าไงคะ”
“อ้อครับผมจำได้แล้ว คุณจีน่าโทรหาผมมีอะไร”
“คือจีน่าจะโทรมาขอบคุณที่ให้ติดรถ แถมยังมาส่งอีก แล้วก็ขอนัดเลี้ยงข้าวคุณมาร์พรุ่งนี้ด้วยค่ะ”
ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา หล่อนเข้าประเด็นทันทีพร้อมกับบิดตัวไปมาด้วยความขัดเขินในขณะพูดสาย ใช่ว่าจะไม่อายแต่นาทีนี้ต้องเก็บไว้ก่อน ทั้งความเรียบร้อยและเป็นกุลสตรี ไม่อย่างนั้นอดมีผัว เอ๊ย อดมีสามี
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมแน่ใจว่าว่างไหม” น้ำเสียงของเขาคล้ายมีความโมโหเจืออยู่
“ไม่ได้ค่ะ เอาเป็นว่าจีน่าขอนัดคุณมาร์กินข้าวเที่ยงด้วยกันพรุ่งนี้ แล้วจีน่าจะไปรับที่บริษัทนะคะ สวัสดีค่ะ”
จินันยารวบรัดตัดตอนก่อนจะวางสาย ทำให้มาวินที่กำลังอ้าปากปฏิเสธต้องหุบปากลงอย่างฉับพลันแล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจที่หญิงสาวคิดเองเออเองโดยไม่รอคำตอบจากเขา
มาวินถอนหายใจออกมาอีกครั้งในรอบวันด้วยความเซ็ง เห็นทีเขาต้องพูดกับจินันยาให้รู้เรื่อง ทำตัวไม่เป็นกุลสตรีแบบนี้ต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง เขาคิดอย่างมาดมั่นพร้อมกับยิ้มตรงมุมปาก มั่นใจว่าจินันยาต้องหยุดพฤติกรรมไม่งามที่ทำอยู่อย่างแน่นอน
“ลองหาข้อมูลของเจ้าหล่อนหน่อยดีกว่า”
มาวินขบคิดอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเข้าไปค้นหาประวัติของหญิงสาวที่บังเอิญเจอกันถึงสองครั้งสองคราอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพียงครู่เดียวประวัติของเจ้าหล่อนก็ขึ้นบนหน้าจอ
ชายหนุ่มอ่านด้วยความสนใจ ซึมซับเรื่องราวของจินันยาตั้งแต่เข้าวงการไปถึงชีวิตครอบครัวโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นกำลังสนใจดาราสาวเข้าแล้ว อ่านไปสักพักใบหน้าที่บึ้งตึงในตอนแรกก็เริ่มมีรอยยิ้มประดับราวกับกำลังถูกใจอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะข้อความที่เขียนสถานะของหญิงสาวว่ายังโสด
วันต่อมาในเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง ดาราสาวก็เดินทางมาถึงบริษัทของชายหนุ่มซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุง เธอรีบเข้าไปติดต่อประชาสัมพันธ์เพื่อขอขึ้นตึกเข้าพบมาวิน
แต่พูดคุยกันนานหลายนาทีกว่าประชาสัมพันธ์สาวจะยอมให้ขึ้นไป เนื่องจากมีคนชอบเจ้านายเยอะทำให้เข้มงวดกับการขอเข้าพบท่านประธาน โชคดีที่เขาแจ้งกับเลขาไว้แล้วว่าวันนี้จะมีหญิงสาวมาพบตนในช่วงเที่ยง จินันยาจึงได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปหามาวินบนห้องทำงาน
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาติดต่อคุณมาวิน”
“สวัสดีค่ะ คุณจินันยาใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
“ดิฉันเป็นเลขาของท่านประธานค่ะ พอดีท่านประธานติดคุยงานกับลูกค้าค่ะ รบกวนคุณจินันยารอสักครู่นะคะ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
“เชิญคุณจินันยาเข้าไปรอในห้องของท่านได้เลยค่ะ”
เมษา เลขาของมาวินได้รับคำสั่งจากเจ้านายก่อนหน้านี้ทำให้ไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของจินันยา
เธอเดินตามเลขาของชายหนุ่มเข้ามาในห้องทำงานซึ่งตกแต่งแบบเรียบ ๆ แต่ดูแพงแล้วเอ่ยขอบคุณลูกน้องของว่าที่สามีด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา
แต่เธอยังไม่ทันได้นั่งเรียบร้อย เลขาของชายหนุ่มก็ขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกเพราะนาน ๆ ทีจะเจอกับดารา เป็นจังหวะที่มาวินกลับมาจากการคุยกับลูกค้าพอดีจึงได้เห็นมุมน่ารัก ๆ ไม่ถือตัวของดาราสาวที่สวมบทบาทเป็นนางร้ายเวลาอยู่หน้ากล้อง
“ถ่ายรูปกันเสร็จหรือยังครับคุณเมษา ผมจะได้เดินเข้าห้องทำงานของผม” เสียงเข้ม ๆ ตรงหน้าประตูที่ยังเปิดอ้าซ่าทำให้สองสาวสะดุ้งโหยง
“อุ๊ย เจ้านายมาพอดี ถ่ายเสร็จแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณจินันยา”
“ยินดีค่ะคุณ… เมษาใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ งั้นเมขอตัวก่อน”
ทันทีที่เลขาสาวของชายหนุ่มหลบออกไปทั้งห้องก็เหลือแต่จินันยากับมาวิน ทำให้หญิงสาวเกิดอาการประหม่าหน้าเริ่มแดงด้วยความขัดเขินเพราะอีกฝ่ายกำลังจ้องมอง มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ว่าได้
วันนี้หล่อนใส่เสื้อเกาะอกสีดำทับด้วยเสื้อยีน กระโปรงสั้นพร้อมสวมรองเท้าผ้าใบ แต่งหน้าอ่อน ๆ เหมือนสาวเกาหลี แตกต่างจากที่เจอเมื่อสองวันก่อน ชายหนุ่มจึงอดสำรวจไม่ได้และรู้สึกพึงพอใจกับการแต่งตัวของหญิงสาวอย่างมากจนอมยิ้มแบบไม่รู้ตัว
“คุณมาร์มองจีน่าแล้วยิ้ม มีอะไรรึเปล่าคะ”
เห็นเขายืนยิ้มไม่ยอมเดินเข้ามาเสียทีจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมกับก้มลงมองตนเองเพราะกลัวแต่งตัวไม่เรียบร้อย
กว่าจะตัดสินใจเลือกชุดได้ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ทั้งที่ปกติเวลาออกไปไหนมาไหนหล่อนมักจะไม่แต่งหน้าเนื่องจากผิวพรรณดี แค่ทาครีมกันแดด ทาแป้ง แล้วเขียนคิ้วนิดหน่อยก็จบ
“เปล่าครับไม่มีอะไร คุณจีน่าจะไปทานข้าวเที่ยงที่ไหน พอดีผมต้องรีบกลับมาทำงานต่อ” เสียงของจินันยาทำให้มาวินได้สติแต่ไม่กล้าบอกว่ายิ้มทำไมจึงปฏิเสธหน้าตาย
“จีน่ายังไม่รู้เลยค่ะ กะว่าจะถามคุณมาร์ แถวนี้มีร้านไหน อร่อย ๆ ไหม”
“ก็มีครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง แต่ขอตัวทำงานสักครึ่งชั่วโมงนะครับแล้วค่อยไป”
“ตามสบายค่ะ จีน่ารอได้”
จินันยายิ้มด้วยความดีใจที่มาวินจะพาตนเองไปกินข้าวเที่ยง คราแรกหล่อนคิดว่าจะโดนเขาปฏิเสธเสียอีกจึงเตรียมใจผิดหวังไว้แล้ว แต่ได้ยินแบบนี้หัวใจกลับพองโตขึ้นมากกว่าเดิม
ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจอาการดีใจจนเกินเหตุของหญิงสาวก่อนเดินลิ่ว ๆ ตรงไปยังโต๊ะทำงานแล้วเปิดแฟ้มที่วางอยู่ขึ้นมาอ่านรายละเอียด
ส่วนจินันยาก็ไม่สนใจอาการเมินของชายหนุ่มเช่นกัน เมื่อนั่งบนโซฟาเรียบร้อยก็รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองที่มีมาวินกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานติดเป็นฉากหลัง และโพสต์ลง IG ซึ่งมีคนติดตามไม่มากนักถ้าเทียบกับดาราตัวท็อปคนอื่น ๆ พร้อมแคปชั่นอ่อยที่ชวนให้คนติดตามคิดไปไกล ถ้าไม่มีแฮชแท็กสุดท้ายมาเบี่ยงเบนรับรองเลยงานเข้ามาวินแน่นอน
#ถ้าไม่รู้จะชอบอะไรงั้นชอบเราก่อนก็ได้นะ
#เดือนที่สองเรียกว่ากุมภาแต่เธอสบตาเรียกว่ามีใจ
#ยืมเขามาแคปชั่นอ่อย2020