ตอนที่ 3
โหดร้าย ดิบเถื่อน 50%
ภาคีนัยไม่รอช้าหลังจากโยนหญิงสาวลงกับเตียงนอน ปากหยักประกบจูบลงที่เรียวปากบางทันที มอบความหยาบคาย ผสานความป่าเถื่อนไร้การทะนุถนอมโอ้โลม มือหนาบีบคางมนสวยให้เปิดอ้าปากรับรสจูบแสนเลวร้าย
“อ้าปาก” เพิ่มแรงบีบผสานความเจ็บปวดตามอารมณ์บ้าคลั่ง
“ไม่! ฉัน อื้อ…” หญิงสาวพลาดไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมเขา ระหว่างที่เธออ้าปากเอ่ยประท้วง จังหวะนั้นลิ้นใหญ่ดุนดันเข้าไปได้สำเร็จ ขบ เม้ม อย่างหนักหน่วง โพรงเนื้อนุ่มข้างในถูกกัดจนได้กลิ่นคาวเลือด
เขามันไม่ต่างจากสัตว์ร้าย ปากเรียวสวยบวมเจ่อเจ็บช้ำ และในเวลาอันรวดเร็วนั้นจันจิราทนไม่ไหวฟันสวยขบกัดลิ้นหนาที่สอดแทรกดันเข้ามาในโพรงปากอย่างเต็มๆ
“โอ๊ย!! เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย” เสียงห้วนคำรามด้วยความเจ็บปวด ทว่าเขากลับไม่สนใจในสิ่งที่หญิงสาวตอบกลับ แต่มันทำให้เขาโมโหมากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายสิบเท่า ไม่ต่างกับการราดน้ำมันลงใส่กองเพลิง ความโกรธกริ้วทั้งหมดทั้งมวลลุกหือเป็นประกาย
เผียะ!!!
ฝ่ามือบางฟาดใบหน้าหล่ออย่างเต็มแรง รอยตบเป็นปื้นแดง เขาโกรธมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวีคูณ หญิงสาวช่างกล้านัก! คนโดนตบไม่รีรอรีบเคลื่อนกายทรงพลังขึ้นคร่อมร่างบางระหงเอาไว้ พร้อมกันนั้นมือหนากระชากชุดสวยบนเรือนกายผ่องอย่างดิบเถื่อน ไม่หวั่นว่าร่างเนื้อบางจะเจ็บปวดหรือบอบช้ำแต่เพียงใด กระดุมเสื้อหลุดกระเด็นไปคนละทิศละทาง อกอวบโผล่พ้นขอบบราเซียร์ปรากฎแก่สายตาคมวาวชัดเจน ชายหนุ่มไม่รีรอฝังใบหน้าคมคร้ามลงเนินอกใช้ปากดูด ขบ เม้ม จนเป็นรอย ประทับตราไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ซ้ำร้ายมือหนาอีกข้างลากลงไปกระชากกระโปรงตัวสวยที่เธอสวมใส่ให้หลุดพ้น
บนเรือนกายจันจิราเหลืออาภรณ์ชิ้นเล็กเพียงสองชิ้นที่ปกปิดสิ่งสงวนเอาไว้ อารมณ์ปรารถนาของชายชาญซึ่งเปี่ยมไปด้วยบุรุษเพศอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่สนใจแม้กระทั่งคนใต้ร่างที่นอนร้องไห้ ต่อให้เธอร้องจนน้ำตานองเป็นสายเลือดจนท่วมเตียงเขาก็ไม่แยแส
ปากหนาวกกลับมามอบจุมพิตป่าเถื่อนอีกครั้ง หญิงสาวที่เผชิญชะตากรรมเลวร้าย เจ็บปวดเหลือแสนเขาทั้งขบ เม้ม โดยไม่ปรานี จูบไล้มาตามติ่งหู ซอกคอผ่อง ฟันคม กัดกินจนหน่ำใจ ลำคอเรียวระหงบัดนี้กลับกลายเป็นรอยแดงช้ำเป็นจ้ำจนเห็นรอยกัด ดูด ชัดเจน มือแกร่งกระด้างกระชากบราเซียร์ทิ้งอย่างไม่แคร์ เศษด้ายคมๆ บาดร่างกายจนเป็นรอยแดงแต่เขาไม่สนใจ คนใจร้ายยื่นปากหนาดูดชิมยอดปลายถันอย่างหื่นกระหาย
ส่วนจันจิราแม้รักศักดิ์ศรีมากเพียงใด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ในช่วงเวลาที่เป็นอยู่ เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อต้านกับชายชาตรีตรงหน้าอีกแล้ว ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พลันจะเพิ่มความเจ็บปวดให้กับตนเองเสียเปล่า หญิงสาวได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรม รอให้ชายหนุ่มเห็นใจเท่านั้นถ้าเขามีความเป็นมนุษย์เพียงพอ
คนใต้ร่างส่งเสียงร้องไห้สะอื้นเป็นระยะๆ นอนน้ำตาซึมปล่อยให้ธารน้ำอุ่นไหลออกมาอย่างเวทนา นอนให้คนไร้เหตุผลปู้ยี้ปู้ยำจนหนำใจ สายตาเจ็บปวดเฝ้านอนมองการกระทำอันแสนป่าเถื่อนไว้เป็นเครื่องเตือนใจ
ส่วนคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถูกกิเลสตัณหาครอบงำ ร่างบางนอนสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ร่างจะเป็นอย่างไรเขาไม่สน ไม่ยอมลดการกระทำอันป่าเถื่อนลงสักที มีแต่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เพิ่มไปตามแรงปรารถนาอารมณ์ของตน ร่างใหญ่ไม่รอช้ารีบเคลื่อนตัวเข้าไปทาบทับร่างบางไว้
“ฮือ… ฮือ… ปะ ปล่อย” เสียงสั่นเครืออย่างน่าสงสารร้องห้ามเขา ภาคีนัยไม่แม้แต่จะสนใจฟัง ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของคนใต้ร่างที่ร้องไห้คร่ำครวญ
“ปะ ปล่อย ฉัน เจ็บ… ฮือ…” คนตัวน้อยใต้ร่างยังไม่หยุดพร่ำเพ้อ เธอยังมีหวังต่อไปว่าชายหนุ่มจะสงสารเห็นใจ แต่เปล่าเลย....
“หยุดสักที! เธอก็รู้ว่า พูดออกไปมันเปล่าประโยชน์” ขณะที่ปากหยักตวาดลั่นใส่หญิงสาว มือและปากทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง
“ฮือ … ” ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะขู่อย่างไรเธอก็ไม่หยุดร้องไห้ เมื่อเห็นเช่นนั้นภาคีนัยไม่รอช้ารีบกระหน่ำจังหวะรักไปตามอารมณ์ของตนให้ถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด คนใต้ร่างทนไม่ไหวแล้วเพราะความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับร่างกายฉีกขาดแยกจากกันเป็นเสี่ยงๆ บวกกับความเหนื่อยอ่อนที่ผ่านมาทั้งวัน ร่างกายอ่อนเพลียส่งผลให้
“กรี๊ดดด!!!” สิ้นเสียงกรีดร้องลั่นร่างบอบบางนอนแน่นิ่ง
หญิงสาวสลบไปอย่างเหนื่อยอ่อน วิญญาณอสูรร้ายที่เข้าสิงเลือนหายไปชั่วพริบตา เขารู้สึกตัวก็ตอนที่หญิงสาวสลบเรียบร้อย ภาคีนัยรีบเคลื่อนตัวออกมาจากร่างบาง บนที่นอนมีคราบโลหิตจางๆ ปรากฏอยู่ สิ่งนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ไม่มีความสงสารแทรกซึมเข้ามาในซอกหลืบหัวใจแกร่ง มีแต่คิดแผนการที่จะรั้งหญิงสาวให้อยู่กับเขาต่อไปได้นานๆ เขาจะลงโทษให้สาสมกับที่เธอกล้าอวดดีกับเขา ทั้งที่ก่อนหน้าเขาเคยเสนอให้เธอมานอนด้วยทั้งยังยอมตามใจทุกอย่างเธอไม่ยอม ดี! อยากอยู่แบบเจ็บช้ำแบบเจ็บปวดแบบบังคับก็ได้ เพราะคนอย่างภาคีนัยจัดให้ได้ทุกรูปแบบ
มือหนาคว้าเอาไอโฟนรุ่นล่าสุดบนหัวเตียง มาถ่ายรูปเปลือยเปล่าของหญิงสาว พร้อมกับกดบันทึกเก็บไว้ในไฟล์ส่วนตัว ซึ่งใครหน้าไหนก็กดเข้าไปดูไม่ได้ เพราะต้องใส่พาสเวิร์ดเสียก่อน มุมปากหยักกระตุกยิ้มอย่างราชสีห์ที่มีเหยื่ออันโอชะมาคอยตรงหน้า และพร้อมให้ขย้ำตลอดเวลา…รับรองงานนี้เธอดิ้นไม่หลุดแน่สาวน้อย!!
หมดรอยยิ้มหยันร่างหนาก็หันไปคว้าผ้าขนหนูมาพันกายท่อนล่าง ก่อนจะเลือนหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อชำระล้างร่างกายของตน ไม่แม้แต่ชายหางตามองร่างบางที่นอนแน่นิ่งบนเตียง
เช้าวันต่อมาจันจิรายังนอนอยู่เตียงเหมือนเดิม แต่ยังนับว่าโชคดีที่ชายหนุ่มพอมีสามัญสำนึก เพราะเขาได้บอกป้าไรแม่บ้านประจำที่เขาจ้างมาเฝ้าให้ดูแลหญิงสาว โดยป้าไรเป็นคนคอยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและคอยปรนนิบัติตลอดทั้งคืน
คราแรกที่เห็นป้าไรหัวใจหักวาบไม่คิดว่าเจ้านายของเธอจะโหดร้ายเพียงนี้ เมื่อเห็นสภาพหญิงสาวนอนสลบ ตามเนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวจนน่าเวทนา ป้าไรได้แต่หายาแก้ฟกช้ำมาทาจนทั่วเรือนร่าง ดึกดื่นค่อนคืนคนแก่ถึงได้เข้านอน
จวบจนตะวันสายโด่ง แต่ชายหนุ่มยังไม่เห็นหน้าของจันจิราโผล่มาสักที ผู้บริหารหนุ่มได้แต่พึมพำกับตนเอง
“ไปไหนนะ ทำไมไม่โผล่หน้ามา” พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องนอน ทันทีเปิดประตูเข้าไปก็ร้องปลุกคนตัวน้อยที่ยังนอนหลับพริ้ม เมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มเกิดอาการไม่พอใจ เขาจึงส่งคำพูดผ่านลงไปในซอกหูเล็กๆอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งจนขี้หูเต้นระบำ
“นี่เธอ! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนตื่นได้แล้ว” ฟากฝั่งคนที่หลับอย่างเมื่อยล้ายังไม่รู้สึกตัว รู้สึกแค่ว่ามีใครมาตะโกนใส่หูเท่านั้น เธอจึงไม่สนใจที่จะตื่นนอน ไหนจะความหนักอึ้งในหัวผสานกับดวงตาที่ลืมไม่ขึ้น ปวดศีรษะก็ปวด เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีปฎิกิริยาตอบโต้ ภาคีนัยจึงขยับเข้าไปใกล้ๆ มือหนาเขย่าหัวไหล่มนอีกครั้ง เพื่อเป็นการปลุกให้เธอรู้สึกตัวแล้วก็ตะโกนใกล้ๆ อีกครั้ง
“ตื่นได้แล้ว! จันจิรา” ชายหนุ่มก้มลงปลุกอีกครั้ง แล้วก็ลากเอาใบหน้าเหลาหล่อคมคายของตนเคลื่อนผ่านมาที่แก้มนวล
เขาได้ใกล้ชิดกับลมหายใจร้อนระอุที่หญิงสาวพ่นออกมาทางจมูก เขาสัมผัสได้ เมื่อยังไม่แน่ชัดแก่ใจภาคีนัยจึงเอื้อมมือขึ้นไปอังที่หน้าผากมนเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายของหญิงสาว ปรากฏว่าแตะลงไปไม่กี่วินาที ต้องรีบชักกลับอย่างรวดเร็วราวกับต้องของร้อน
“บ้าชิบ!!” ภาคีนัยสบถด่าตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุให้เธอป่วยเมื่อย้อนนึกกลับไปกับเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ชายหนุ่มเองก็ไม่ฟังเธอ ปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำ หน้ามืดตามัวพลั้งเผลอทำร้ายจนเธอเจ็บไข้ได้ป่วย คิดแล้วน่าเจ็บใจยิ่งนัก!
คิดได้ดังนั้นเขาจึงไปหาผ้าชุบน้ำพร้อมกับกาละมังใบเล็กใส่น้ำมา เตรียมเช็ดตัวให้กับคนที่ตนย่ำยีเมื่อคืน หญิงสาวนอนซมกับพิษไข้ ผ้าชุบน้ำบิดหมาดไล้ไปตามเรือนร่างโสภา เพื่อลดความร้อนที่ปะทุขึ้น พอเช็ดตัวเสร็จชายหนุ่มก็ป้อนยาทางปาก ถึงได้จัดแจงร่างบางให้นอนในท่าสบายตัว
ด้านชายหนุ่มเองหลังจากที่ดูแลปรนนิบัติคนป่วยเรียบร้อยแล้ว เขาไม่จากไปไหนอย่างเมื่อคืน แต่กลับนอนเฝ้าไข้หญิงสาวอยู่บนเตียงด้วยทั้งวัน ทั้งยังดูแลอย่างใกล้ชิดไม่เกรงกลัวว่าจะติดไข้จากหญิงสาวแม้แต่น้อย
“หนาว ฉันหนาว ฮือ… อย่า…” เสียงคนป่วยครางละเมอ ทำให้คนที่นอนเฝ้าไข้อย่างภาคีนัยสะดุ้งตื่นไปด้วย เนื่องจากชายหนุ่มก็ผล็อยหลับไปเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อคืนชายหนุ่มก็ใช่แสนจะสุขใจนัก หลังจากที่ทำร้ายหญิงสาวอย่างไม่ปรานี เขาก็ออกไปอยู่นอกบ้านใช้แอลกอฮอล์ดับเพลิงอารมณ์ร้อนจนค่อนคืน
เมื่อเห็นคนป่วยเรียกร้องว่าหนาวทั้งที่ห่มผ้าให้แล้วตั้งสองผืน และนี่ก็กลางวันแสกๆ ด้วยเธอยังหนาวอีก ชายหนุ่มไม่รอช้า วงแขนแข็งแกร่งสวมกอดคนตัวเล็กที่นอนอยู่แนบอก หวังจะแพร่กระจายไออุ่นให้คนป่วย เขาจุมพิตที่กระหม่อมบางอย่างอ้อยอิ่ง เพื่อปลอบประโลมขวัญให้เธอไม่ต้องฝันร้าย หรือพร่ำเพ้อถึงภาพอันโหดร้ายของเมื่อคืนที่ผ่านมา
จวบจนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ทว่าร่างบางที่ตนนอนกอดมาทั้งวันยังไร้วี่แววจะตื่น คนตัวน้อยในอ้อมกอดนั้นแกล้งหลับหรืออะไร นอนมาทั้งวันยังนอนได้ซ้อมตายหรือเปล่านะแม่คุณ!! ชายหนุ่มจึงสรรหาวิธีการมาปลุกคนในอ้อมกอดอย่างเจ้าเล่ห์ ฉกชิมควานหาความหวานจากเรียวปากสวยงามตรงหน้า ขนาดคนป่วยชายหนุ่มยังไม่เว้นที่จะแกล้ง เขาดุนดันปลายลิ้นร้อนชื้นเข้าไปอย่างกระหาย ฉกฉวยชิมเอาความหวามหวานจากโพรงปากบางให้คุ้มค่า เลาะเล็มทั้งด้านบนด้านล่าง จนคนป่วยแกล้งหลับแทบจะสำลักออกมา
ไม่นานมือบางฟาดใส่ใบหน้าคมอย่างเต็มแรง ไม่เกรงกลัวว่าชายหนุ่มจะทำร้ายอีกระลอก หลังจากกระหน่ำน้ำหนักมือลงที่หน้าหล่อ เสียงหวานก็ตวาดใส่อย่างห้วนๆ
“อย่ามายุ่ง!”
“เอ้า ตื่นแล้วเหรอนึกว่าจะหลับไปถึงพรุ่งนี้ซะอีก”
“เรื่องของฉัน” พูดจบรีบขืนร่างออกมาจากอกแกร่งทันที พร้อมทั้งผลักร่างหนาออกไปให้ห่างกาย แต่เขากลับไม่สนใจแรงของมดน้อยนั้น
“นี่เหรอคนป่วย” ภาคีนัยยังไม่เลิกราที่จะต่อคำกับหญิงสาวทั้งที่อยากง้ออยู่เต็มอก แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวเสียหน้า เกรงว่าเธอจะหัวเราะเยาะเอาได้ คนเพียบพร้อมอย่างภาคีนัยไม่จำเป็นต้องง้อใครก่อน
“มันยังไม่คุ้มกับที่คุณทำกับฉันหรอก” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากเตียงนอน มุ่งตรงไปที่ห้องน้ำแต่เท้าน้อยเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องร้องออกมา
“โอ๊ยยย” เสียงหวานร้องออกมาอย่างเจ็บปวดใบหน้าเหยเกจนน่าเห็นใจ เนื่องจากว่าใจกลางกายสาวนั้นแทบจะแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ครั้งแรกของเธอมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน แถมคนต้นเหตุยังนั่งทนโท่อยู่บนเตียงนอน จ้องสายตามาที่เธออยู่ไม่ห่าง แต่เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะล้มชายหนุ่มจึงรีบก้าวเข้ามาประคองทันทีกลัวว่าเธอจะล้มหัวฟาดพื้นเสียก่อนที่จะถึงห้องน้ำ
ไม่เพียงแค่เข้ามาประคองเฉยๆ แต่ยังพ่วงคำพูดแกมตำหนิชวนหงุดหงิดตามฉบับ “ระวังหน่อยสิ”
“อย่ามายุ่ง ปล่อยฉัน!” จันจิราไม่แม้แต่จะสนใจชายหนุ่มด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เดินแทบไม่ไหว แต่เธอยังฝืนทนไม่ยอมให้เขาเข้ามาช่วย
พอภาคีนัยได้ยินเสียงหวานห้วนเอ่ยออกมาอย่างอวดเก่ง เขาโกรธมากทั้งที่คราแรกตั้งใจจะช่วยแท้ๆ และยังจะไม่เอาความตอนตบหน้าเมื่อสักครู่อีก แต่เธอก็ปลุกอสูรร้ายในตัวเขาให้มันอาระวาดจนได้
“อวดดี!” เสียงเข้มตวาดลั่น ก่อนจะตวัดท่อนแขนช้อนร่างบางอย่างรวดเร็ว ไม่รีรอปล่อยโอกาสให้หญิงสาวโต้ตอบ ร่างหนาเดินลิ่วๆ ตรงไปยังห้องน้ำ
“ฉันอาบให้ ห้ามปฎิเสธ”
“ไม่ ฉันอาบเองได้”
“ฉันไม่พิศวาสคนป่วยหรอก ขนาดเดินเธอยังเดินไม่ไหวจะอาบเองได้อย่างไร อย่าอวดเก่งไปหน่อยเลยจันจิรา” พูดออกมาด้วยน้ำเสียงยียวน เป็นสัญญาณบอกว่าวิญญาณร้ายเริ่มห่างหายออกจากร่างไปแล้ว
“แล้วขี้เรื้อนแถวไหนมันทำล่ะ”