ตอนที่ 2 หนี (ไม่รอด)

2197 คำ
ตอนที่ 2 หนี (ไม่รอด) ลำแสงสีส้มทองลอดผ่านม่านเนื้อดีอาบไล้ร่างบางที่นอนหลับปุ๋ยบนเตียงกว้าง เปลือกตาบางขยับเคลื่อนห่างจากกัน บิดขี้เกียจไปมาสองสามที ก่อนที่จะเด้งกายจากที่นอนอย่างตกใจ เมื่อกวาดสายตามองรอบๆ แล้วไม่เจอใคร! ไม่คุ้นเคย และไม่ใช่บ้านเธอ! ที่นี่ที่ไหนกัน??? คนเพิ่งตื่นนอนอยากจะกรีดร้องลั่น เธออยู่ส่วนใดของประเทศไทย ฉุกคิดได้ หญิงสาวไม่รั้งรอให้เสียเวลา รีบสืบเท้าออกมาจากห้อง ไม่กี่ก้าวก็เจอร่างหนาคุ้นตานอนขดตัวอยู่บนโซฟาตัวยาว ทว่าประชาสัมพันธ์สาวไม่สนใจ เธอผ่อนฝีเท้าเบาหวิว แล้วค่อยๆ เดินออกมาจากตัวบ้าน หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ทนอยู่กับเขาแน่ๆ   ‘เวรแล้ว หนีไปถึงไหนกันวะ!’ ชายหนุ่มสบถเมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วเห็นเพียงความว่างเปล่าบนเตียง เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ภาคีนัยรีบวิ่งออกตามหา และเป็นดังคาดเมื่อสายตาคู่คมเห็นหญิงสาวเดินเซซ้ายเซขวาตามท้องถนนเส้นเล็ก ขณะที่เธอกำลังทักถามเส้นทางจากชาวบ้านในระแวกนั้น เขารีบเข้าไปตวัดอุ้มร่างบางทันที อาศัยช่วงที่เธอไม่ทันระวังตัว   “ว้ายยยย! ไอ้บ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย! กรี๊ดดด!!” เสียงหวานกรีดร้องสั่งแว้ดๆ นัยน์ตาคู่งามค้อนส่งให้ ทั้งสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม เท่านั้นไม่พอเธอยังถีบขา เตะหน้าแข้งชายหนุ่มไปด้วย ทว่า... “หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจูบเธอนะ” กำปั้นน้อยที่หมายจะชกเขา ค้างกลางอากาศ จำใจต้องลดมือลงแล้ววางซ่อนไว้กับหน้าอกกว้าง “ไอ้คนเผด็จการ!” บ่นอู้อี้ และตลอดเส้นทางเดินกลับบ้านพัก แม่คุณก็ไม่มีท่าทีจะหยุดบ่นแม้แต่วินาทีเดียว “หยุดบ่นเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะไม่แค่จูบนะ ฉันจะเอาเธอด้วย เอามันกลางถนนนี่แหละ” ถ้อยคำขู่ห่ามๆได้ผลเกินคาด แม่คุณหยุดทั้งมือและปาก เสียงแว้ดๆ หายไป ทว่าในใจของหญิงสาวก็แอบคาดโทษคนขู่เช่นกัน ‘อย่าให้ถึงคราวฉันแล้วกันไอ้คนบ้า! รับรองเจ็บหนัก!’ ทว่าต้องอ้าปากกว้าง ตาโตเมื่อเสียงเข้มดุเอ่ยออกมา “ในใจก็อย่าบ่น”   “ชิ” จันจิราสะบัดหน้าหนีพรืด ภาคีนัยเห็นกิริยาท่าทางแม่คุณแล้วก็แอบขำในใจภายใต้กรอบหน้าเรียบเฉย ไม่ถึงสิบนาทีสองหนุ่มสาวก็มาถึงบ้านพักเชิงเขา ภาคีนัยตรงดิ่งไปยังห้องนอน ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย แล้วจึงวางร่างบางลงบนเตียงกว้าง ชายหนุ่มไม่รอช้าให้เสียเวลา รีบซักไซ้นักโทษสาวทันที นัยน์ตาคู่คมดุจเหยี่ยวข่มขู่ โน้มกายเข้าหามือหนาเท้ากับที่นอนนุ่ม ยื่นใบหน้าคมเข้าใกล้ ปลายจมูกโด่งเฉียดไถปลายจมูกรั้นเชิด เธอรีบถอยร่นจนแผ่นหลังเกือบชิดหัวเตียง            “มีอะไรจะแก้ตัวไหมจันจิรา” น้ำเสียงเยือกเย็นที่เอ่ยเรียก ทำเอาเจ้าของชื่อเสียวสันหลังวาบ ยิ่งร่างหนาเคลื่อนขยับตามเข้ามาใกล้ จันจิรายิ่งหายใจติดขัด ขณะเดียวกันหัวคิ้วงามย่นเข้าหากันด้วยความใคร่สงสัยว่าชายหนุ่มรู้จักชื่อได้อย่างไร ภาคีนัยมองแล้วกดมุมปากหยักยิ้มก่อนจะเฉลยออกมา          “งงล่ะสิ ว่าฉันรู้จักชื่อเธอได้อย่างไร จะบอกให้เอาบุญนะจันจิรา ฉันนี่แหละ เจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ ภาคีนัย ดำรงอนุสรณ์ ผู้บริหารคนปัจจุบัน หึ” “คุณภาคีนัย??” เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง ผู้ชายไร้มารยาทคนนั้นคือเจ้านายคนใหม่ของเธอ ให้ตายเถอะ! โลกมันจะกลมอะไรขนาดนี้! “ว่าไง จะแก้ตัวว่ายังไงล่ะ” “ดิฉันทำอะไรผิดคะ” ทั้งเกรงกลัวทั้งอยากตอบโต้ ภาคีนัยมองเจ้าของใบหน้าใสซื่อแล้วกรุ่นโกรธขึ้นมาอีกครั้ง ภาพเมื่อวันก่อนฉายซ้ำในสมอง... “โง่หรือแกล้งโง่ห๊ะ! ก็ที่เธอตบหน้าและสาดเหล้าใส่ฉันไง ฉันเอาคืนแน่ คิดจะหนีความผิดงั้นสิ” เขาพูดดักทางอย่างรู้ทัน ทว่าจันจิรากลับยักไหล่อย่างไม่แยแส “เรื่องของฉัน” “ฉันถามเธอดีๆ นะ อย่ายั่วโมโหฉัน!” ยิ่งเห็นกิริยาคนตรงหน้ายิ่งโมโหเป็นทวีคูณ ไฟโทสะลุกโชนผ่านม่านตาคมกริบจนเห็นได้ชัดเจน “ฉันก็ตอบคุณดีๆ นี่คะ ไม่มีถ้อยคำใดว่ากล่าวคุณนะคะ” แม้จะหวั่นกลัวเพียงใด แต่เธอเลือกที่จะไม่แสดงออกมาให้เห็น น้ำคำยอกย้อนแกมประชดประชันทำให้ภาคีนัยเลือดขึ้นหน้า ตวาดเสียงดังกร้าว “นี่จันจิรา!  ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอนะ” มือหนาตะปบหัวไหล่กลมมน บีบเคล้นด้วยความรุนแรง    “ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” นัยน์ตาคู่งามคลอเบ้าไปด้วยหยดน้ำใส ทว่ามันไม่มีผลให้ชายหนุ่มลดความแรงลงแม้แต่น้อย เสียงเข้มห้วนเค้นความไม่หยุดหย่อน “ถ้าเจ็บก็บอกมา ว่าหนีไปทำไม” เขย่าหัวไหล่มน พร้อมเพิ่มแรงบีบรัดขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหยดน้ำใสจากดวงตากลมโต กลิ้งหล่นลงมาอาบแก้มเนียน ชายหนุ่มถึงมีสติ เลื่อนมือหนาจากหัวไหล่ ไล้ปลายนิ้วเช็ดหยดน้ำตาให้หญิงสาว ทว่ามือบางกลับสะบัดมือใหญ่ออกแล้วเอ่ยเสียงเครือสะอื้น “อย่ามายุ่งกับฉัน ฮึก” พูดจบรีบลุกจากเตียงนอนแล้ววิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันที เพราะเวลานี้ไม่ต้องการเห็นหน้าชายหนุ่มสุดๆ ทางด้านคนผิดเต็มประตูได้แต่นั่งนิ่งมองการกระทำของหญิงสาว ภาพใบหน้างามพร่างพรมไปด้วยน้ำตาทำให้เขาหัวใจชาวาบ รู้สึกผิดขึ้นมา ทั้งที่อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน นี่เป็นครั้งแรก? ชายหนุ่มจึงคิดหาวิธีง้อ ง้อด้วยอะไรดีล่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยง้อใครซะด้วย? และเมื่อจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน เขาจึงออกไปตลาดในตัวเมือง ซื้ออาหารสด-แห้ง มากักตุนไว้ เพื่อทำอาหารอร่อยๆ รับประทานร่วมกัน และอีกอย่างจันจิราเองก็ยังไม่มีเสื้อผ้า ต้องเป็นเขาที่ต้องไปจัดการเรื่องพวกนี้ ส่วนเรื่องงานของเขานั้นไม่มีปัญหา เพราะได้สั่งเกษม เลขาคนสนิทให้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว ตลาดในตัวเมือง... เป็นตลาดที่มีเครื่องใช้อุปโภคบริโภคครบวงจร และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาต้องมาเดินตลาดแบบนี้ ภาคีนัยหิ้วถุงอาหารหลากหลายชนิดจนล้นมือกลับมาไว้ที่รถหรู และย้อนกลับเข้าไปในตลาดอีกครั้งเพื่อหาซื้อเสื้อผ้าให้หญิงสาว เนื่องจากจันจิราไม่ได้นำเสื้อผ้ามาด้วยสักชิ้น จะมีก็แต่ติดกายอยู่เท่านั้น เมื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าได้ครบตามต้องการแล้ว ปัญหาที่เหลืออยู่ตอนนี้ คือ การเลือกซื้อชุดชั้นใน พระเจ้า! ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยซื้อให้หญิงสาวคนไหนเลย เพราะตนนั้นเป็นผู้ดูแล้วก็ถอด?  กว่าชายหนุ่มจะตัดสินใจสืบเท้าเดินเข้ามาข้างในร้านได้นั้นกินเวลาร่วมครึ่งชั่วโมง ชุดชั้นในหลากหลายคอลแล็กชันแขวนโชว์เต็มราว ไม่รู้จะเลือกสรรอย่างไรดี ท่าทางเงอะงะ ซื่อบื้อ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น! ผู้บริหารโรงแรมยักษ์ใหญ่อย่างภาคีนัยเข้าร้านขายชุดชั้นในสตรี! สักพักเจ้าของร้านเดินเข้ามาหา เธอแนะนำแล้วก็ช่วยเลือก แต่กว่าจะคุยกันรู้เรื่องรู้ราวก็นานหลายนาที “คุณต้องการแบบไหนคะ” ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสีนิดๆ “อะ เอ่อ” ภาคีนัยอ้ำอึ้ง กระดากปากไม่กล้าเอ่ยออกมา ไม่รู้ว่าต้องบอกแม่ค้าอย่างไร ก็ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยซื้อให้ใครเลย “ไม่ต้องอายหรอกค่ะ น่ารักออก”    “เอ่อ อืม ขอแบบเซ็กซี่ๆ นะครับ”          “ขนาดไหนคะ”          “เอ๋? อะไรนะครับ” ชายหนุ่มถามกลับด้วยความงุนงง ‘อะไรขนาดไหน ใครมันจะไปรู้วะ’            “ขนาดไซส์น่ะค่ะ คัพอะไร”          “อ๋อ...36c ครับ” แม้จะไม่ได้สัมผัสเนื้อแท้ แต่ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนก็พอจะคาดเดาได้ว่าเท่าใด “ขนาดนี้พอดีไหมคะ” ชายหนุ่มรับมาดูพร้อมประมาณรอบตัวและขนาดเต้า จึงเอ่ยบอกเสียงเรียบ “ขนาดเต้าพอดีครับ แต่รอบตัวขอเล็กกว่านี้นิดหน่อยครับ”    “นี่ล่ะคะ พอดีรึเปล่า” เจ้าของร้านยื่นชุดใหม่ส่งให้ดู “ครับ พอดีครับ ขอแบบนี้ 7 ชุดทั้งบนและล่างเลยนะครับ” จากนั้นเจ้าของร้านก็จัดออเดอร์ตามที่ลูกค้าหนุ่มสั่งพร้อมห่อใส่กล่องเรียบร้อย ชำระเงินเสร็จสรรพก็เดินออกมาจากร้านด้วยความโล่งใจ จากนั้นเมอซิเดสเบนซ์คันหรูก็เคลื่อนตัวออกมาจากตลาดดังกล่าว วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอบนท้องถนนขนาดแคบที่สองฝั่งทางมีแต่ต้นไม้ ก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวเมื่อถึงปากทางแยกไปบ้านพักหลังงามท่ามกลางหุบเขา   คนตัวใหญ่หิ้วของพะรุงพะรังลงจากรถหรู หวังจะไปง้อหญิงสาวที่รออยู่ในบ้าน จนเวลาผ่านเลยไปหลายนาที นำข้าวของไปจัดเข้าที่จนเสร็จสรรพก็ไม่เจอแม่ร่างบางแม้แต่เงา ชายหนุ่มคิดว่าคนตัวน้อยคงนอนพักอยู่ข้างในห้อง จึงสืบเท้าหนาตรงไปยังห้องนอน จากนั้นยกมือขึ้นเคาะประตูติดกันสองสามที ก๊อกๆ ก๊อกๆ “....” มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ คาดว่าหญิงสาวคงนอนหลับอยู่อาจจะไม่รู้สึกตัว แต่เคาะไปนานหลายนาที มันชักผิดสังเกต มือแกร่งลองหมุนลูกบิดหน้าประตู ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อก ร่างหนาแทรกกายเข้าไปในห้องกว้าง บนเตียงพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เรือนร่างของหญิงสาว ที่เขาคิดว่าจะพบเจอเธอนอนหลับใหลอยู่ “จันจิรา เธออยู่ไหน จันจิรา” ภาคีนัยตะโกนเรียกหาหญิงสาว วิ่งหาทุกซอกมุม ตะโกนเรียกทั่วบริเวณแต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับกลับมา ความคิดหนึ่งวิ่งผ่านเข้ามาบอกว่า เธออาจจะแอบหนีไปอีกครั้ง เมื่อคิดเช่นนั้นชายหนุ่มรีบวิ่งอย่างเร็ว ตรงไปยังรถที่จอดอยู่เพื่อใช้ออกตามหาหญิงสาว ซึ่งคาดเดาได้ว่า เธอคงจะสวนทางกับเขา ตอนที่เขาขับรถผ่านเข้ามา และหวังว่าเธอคงหนีไปได้ไม่ไกลจากนี้   ร่างสูงใหญ่ไม่รอช้ารีบกระโดดขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางหรือตามเส้นทางที่ขับผ่าน หวังว่าจะเจอร่างบางยืนอยู่ แต่เปล่าเลย แม้แต่เงาก็ไม่เห็น ภาคีนัยไม่ย่อท้อ บังคับรถออกมาตามท้องถนนขับไปเรื่อยๆ กระทั่งก่อนทางแยกเข้าไปในตัวเมือง เห็นร่างบางคุ้นตาเดินอยู่ริมขอบถนน   เร็วกว่าความคิดเท้าหนาเหยียบคันเร่ง แล้วแตะเบรกตัดหน้าหญิงสาวเสียงดังเอี๊ยด! แต่เธอก็ยังไม่ยอมหยุดฝีเท้า เร่งเดินให้เร็วยิ่งขึ้นไม่สนใจรถหรูที่จอดขวางอยู่ด้านหน้า ภาคีนัยเห็นอาการแม่คุณแล้วรีบลงรถไปกระชากแขนเรียวอย่างรุนแรง “จะไปไหน ขึ้นรถเดี๋ยวนี้”   “ไม่!!”   “ไม่! ใช่ไหมได้!” สิ้นเสียงห้วนจัด ภาคีนัยไม่รอช้าตวัดท่อนแขนแกร่งรวบร่างบางขึ้นแนบอกกว้าง ก่อนจะโยนร่างบางเข้าไปข้างในรถหรูอย่างป่าเถื่อน “กรี๊ดดด” จันจิรากรีดร้องลั่น    ภาคีนัยไม่สนใจ ชายหนุ่มกระชากรถหรูออกไปอย่างรุนแรง มือแกร่งกระตุกเกียร์เหยียบคันเร่งตามอารมณ์ดุเดือด บวกกับหญิงสาวที่ไม่ยอมหยุดส่งเสียงแว้ดๆ “หยุดร้อง! แล้วก็หยุดดิ้นสักที ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเธอบนรถเดี๋ยวนี้!”     “ฉันไม่หยุด! คุณนั่นแหละหยุดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะลง” ภาคีนัยทำหูทวนลมไม่สนใจ ทำให้จันจิราต้องขยับเข้าใกล้ฝั่งคนขับ มือเรียวรีบแย่งประคองพวงมาลัย บังคับรถให้หักหลบจอดริมข้างทาง แต่ทว่าแรงเท่ามดของเธอมันไม่มีผล “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้อยากตายรึไง” ตะคอกใส่หญิงสาวดังลั่น ทว่าอีกคนกลับไม่แยแส “ใช่! แล้วจะทำไม”   “ถึงบ้านเมื่อไร เธอจะรู้ว่านรกมันเป็นอย่างไร เธอได้ตายสมใจแน่!” สิ้นเสียงกระด้างความเร็วรถเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ     ไม่กี่อึดใจเครื่องยนต์ดับสนิทบริเวณหน้าบ้าน ภาคีนัยไม่รอช้ารีบอุ้มคนในรถที่นั่งหน้างอง้ำออกมาทันที ด้านจันจิราโกรธชายหนุ่มเช่นกัน ครั้นมีโอกาสก็ระรัวกำปั้นน้อยใส่อกแกร่งรัวๆ ทำให้คนโมโหเป็นทุนเดิมตวาดดังลั่น! “หยุดโว้ยยย!”   
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม