บทที่ 3 ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว (1)

1061 คำ
เพิร์ลทำงานกับอชิระได้ครบหนึ่งเดือน ก็เริ่มรู้จักตัวตนของชายหนุ่มมากขึ้น หัวใจดวงน้อย ๆ กำลังเอนเอียง บอกว่าเขาไม่ใช่คนที่ทำให้ไข่มุกต้องตายอย่างแน่นอน เพราะชายหนุ่มมีความเป็นสุภาพบุรุษสูง ให้เกียรติคนอื่นเสมอไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือพนักงานในบริษัท สมกับที่ไข่มุกเคยเอ่ยชื่นชมว่า อชิระคือผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลาย ๆ คน ทั้งหน้าตาดี บ้านรวย นิสัยก็ดี ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ดื่มบ้างนาน ๆ ครั้ง ส่วนเรื่องผู้หญิง ตั้งแต่เธอมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาก็ยังไม่เห็นจะมีใครมาแสดงตัวเลย ยกเว้นก็แต่พลอยใส “ไข่มุก เย็นนี้ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเราไหม” อชิระเงยหน้าขึ้นมาถาม หลังจากแชทคุยกับมารดาเรียบร้อยแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยิน ถึงได้เอาแต่นั่งมองบรรยากาศนอกอาคารแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สลับกับเบะปากมองบนราวกับกำลังหมั่นไส้ใครอย่างไรอย่างนั้น อชิระได้สั่งให้คนเอาโต๊ะทำงานของเธอเข้ามาไว้ในห้องของตนเอง โดยอ้างว่าเธอจะได้ทำงานสะดวก ส่วนเขาเองก็จะได้สอนเธอสะดวกเช่นกัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาก็แค่อยากอยู่ใกล้หญิงสาวมากกว่า “ไข่มุก ไข่มุก” เรียกถึงสองครั้งแล้ว แต่คนที่นั่งเหม่อก็ยังไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลุกจากเก้าอี้แล้วค่อย ๆ เดินไปหาเธออย่างเงียบเชียบ ก่อนจะโน้มตัวลงไปให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเธอแล้วเอ่ยเรียกชื่อเบา ๆ ตรงกกหู ทำให้หญิงสาวตกใจจนต้องรีบหันกลับมามอง ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ และก่อนที่อะไร ๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ อยู่ ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะด้วยฝีมือของน้องสาวเพียงคนเดียวของอชิระซึ่งมีนามว่า อัญชรินทร์ หรือมีชื่อเล่นว่า เลิฟเลิฟ เป็นชื่อที่พี่ชายตั้งให้เองเพื่อให้คล้องจองกับชื่อของเขา พี่พบรักกับน้องเลิฟเลิฟ “พี่รัก อุ๊ย ขอโทษค่า เลิฟไม่รู้ว่าพวกพี่...” “มันไม่ได้เป็นอย่างที่น้องเลิฟเข้าใจนะคะ อย่าเข้าใจผิด” หญิงสาวแก้ตัวเป็นพัลวัน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับคนกำลังร้อน เธอทั้งเขินทั้งอายกับความใกล้ชิดเมื่อสักครู่ หากอัญชรินทร์ไม่เข้ามาขัดจังหวะ ก็ไม่รู้ว่าเธอกับชายหนุ่มจะทำอะไรต่อ อชิระอมยิ้มเอ็นดูที่ได้เห็นอาการขัดเขินของผู้ช่วยสาวที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนและในอนาคตอาจจะมีตำแหน่งเพิ่มขึ้นอีก หากเธอยังขยันสร้างรอยยิ้มให้เขาอยู่แบบนี้ “พอแล้วยัยเลิฟ เลิกแกล้งพี่ไข่มุกได้แล้ว ดูสิ หน้าแดงไปหมดเลย” เขาว่าน้องไม่จริงจังนัก “ก็เห็นแบบนั้นใครเขาจะคิดเป็นอย่างอื่นได้” อัญชรินทร์มองหน้าพี่ชายสลับกับไข่มุกก่อนจะยิ้มมุมปาก สิ่งที่เธอคิดอาจจะเป็นจริงในเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้ ถ้าคนมันไม่คิดอะไร จะมีอาการเขินจนตัวแทบบิดแบบนี้เหรอ โดยเฉพาะฝ่ายหญิง “น้องเลิฟ อย่าคิดเยอะสิคะ พี่กับรักเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นเอง ใช่ไหมรัก” หญิงสาวแก้ตัว แม้ในใจจะค้านกับสิ่งที่พูด แต่ก็ไม่อยากให้น้องสาวของชายหนุ่มคิดไปไกล อชิระจึงตอบกลับบ้าง แต่เป็นคำตอบที่ทำให้เพิร์ลในคราบของไข่มุกทำตัวไม่ถูก “ตอนนี้ใช่ แต่อนาคตไม่แน่” “พบรัก พูดอะไรนะเกรงใจน้องเลิฟบ้าง” “ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ บ้านเรายินดีต้อนรับพี่ไข่มุกเป็นลูกสะใภ้” “โอ๊ย น้องเลิฟ ไปไกลแล้วค่ะ พี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ คุยกับท่านประธานได้ตามสบายเลย” แม่คนขี้อายรีบก้าวเท้าฉับ ๆ ออกไปจากห้องทำงาน ท่ามกลางเสียงหัวเราะของสองพี่น้องที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งที่จริง ๆ แล้วในห้องทำงานของอชิระก็มีห้องน้ำ แต่หญิงสาวไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้ จึงออกไปใช้ห้องน้ำข้างนอกแทน เพิร์ลหลบเข้ามาอยู่ในห้องน้ำเรียบร้อยก็ถอนหายใจออกมาทันที ก่อนจะส่องหน้าตัวเองในกระจก และอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างกับภาพที่เกิดขึ้นก่อนอัญชรินทร์เข้ามา ถ้าไม่มีใครขัดจังหวะเธอกับเขาคงจะ... เรียบร้อยไปแล้ว “ตั้งสตินะ เธอต้องตั้งสติ เธอมาที่นี่เพื่ออะไร เธอมาเพื่อพี่ ไม่ได้มาหาผัว จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ” หญิงสาวด่าตัวเองเบา ๆ ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดถึงภารกิจที่ต้องทำ แต่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นตึกตัก ๆ ไม่เป็นจังหวะอยู่เรื่อยเมื่อคิดถึงผู้ชายที่ชื่ออชิระ ผู้ชายที่เป็นเพื่อนของพี่สาวฝาแฝดและเธอเข้าหาเขาเพื่อสืบหาฆาตกร ไม่ได้เข้าหาเขาเพื่อจับมาทำผัว... “โอเค ต่อจากนี้ไปฉันจะตั้งใจ ฉันจะไม่หวั่นไหวเด็ดขาด” เมื่อเอ่ยคำมั่นสัญญาเรียบร้อย แววตาของเธอก็เปลี่ยนไป ภารกิจที่ตั้งใจทำตั้งแต่แรกต้องสำเร็จ โดยหารู้ไม่ว่าบางครั้งชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน และจะมีเรื่องฉุกเฉินเข้ามาแทรกด้วย คล้ายกับเข้ามาทดสอบทักษะความเป็นมนุษย์ ในห้องทำงานของอชิระตอนนี้ไม่ได้มีเพียงสองพี่น้อง แต่ยังมีหนึ่งสาวมาเพิ่มอีกหนึ่งคน พลอยใสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้รับคำชมจากปากอัญชรินทร์ ด้วยความที่ดูแลตัวเองมาโดยตลอด ทำให้เธอดูค่อนข้างหน้าเด็กกว่าวัยมาก หากบอกว่าอายุยี่สิบต้น ๆ หลายคนก็เชื่อ “น้องเลิฟก็ชมเกินไป พี่อายุมากกว่าน้องเลิฟตั้งเยอะ จะดูเด็กเท่าน้องเลิฟได้ยังไง” ด้วยอาชีพของเธอ ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับเจ้าของคลินิกหรือเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ ไม่น้อย เธอเคยผ่านมาแล้วทั้งโบท็อก ร้อยไหม ฉีดคาง ฉีดหน้าผาก ทำมาสารพัดอย่าง เสียเงินเป็นล้านแล้ว ถ้ายังแก่อีกก็ให้มันรู้ไปสิ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม