ร้านอาหารที่พวกเขานัดเจอกันตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริษัทของอชิระมากนัก นั่งรถกันไม่นาน ทั้งสามก็มาถึงที่หมาย
บรรยากาศของร้านอาหารค่อนข้างหรูหรามีระดับ หากเงินในกระเป๋ามีไม่มากพออย่าคิดเข้ามาใช้บริการเด็ดขาด เพราะร้านนี้เน้นบริการให้คนมีเงินเท่านั้น
ในส่วนของรสชาติก็ไม่เป็นสองรองใคร ทำให้เหล่าคนมีเงินทั้งหลายเลือกที่จะมารับประทานอาหารกันที่นี่
หลังจากทั้งสามคนนั่งกันเรียบร้อยได้ไม่นานนัก พิพัฒน์กับพลอยใสก็เดินเข้ามาสมทบ ทันทีที่เห็นว่าคนที่นั่งด้วยเป็นใคร สีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ยังว่างตรงข้ามอชิระและเพิร์ลในคราบของไข่มุก
“ไข่มุกมาด้วยเหรอ ไม่เห็นเคบอกเราเลย”
พลอยใสทัก ก่อนจะหันไปมองทางเคตะด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เธอไม่ค่อยอยากเจอไข่มุกสักเท่าไร
“เซอร์ไพรส์ไง เราเห็นทุกคนไม่ได้เจอหน้ากันนาน เลยชวนมากินข้าวพร้อมกัน” เคตะยิ้มก่อนตอบ
อชิระนั่งมองอยู่นานสองนานแล้ว จึงเอ่ยขัดขึ้นมาบ้างเพื่อไม่ให้บรรยากาศกร่อย และไม่พอใจด้วยที่พลอยใสชอบทำหน้าทำตาใส่ไข่มุก
“ใช่ เราเป็นคนชวนไข่มุกเองแหละ พลอยมีปัญหาอะไรเหรอ” เขาถามตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม น้ำเสียงของชายหนุ่มคล้ายมีความไม่พอใจอยู่ในนั้น ทำให้พลอยใสต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง ถึงจะไม่พอใจกับอาการปกป้องไข่มุกของอชิระ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
“เปล่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่แปลกใจเท่านั้น เพราะปกติเห็นไข่มุกไม่ติดต่อพวกเราเลย” พลอยใสยิ้มหวานให้อชิระ ก่อนจะปรายตามองไปยังไข่มุกที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาสักคำ ไม่ใช่เธอไม่อยากพูด แต่กำลังเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับคนตรงหน้าต่างหาก
“ก็นางไปอยู่ต่างประเทศมาตั้งนาน จะติดต่อพวกเราได้ยังไง” พิพัฒน์เป็นคนพูดขึ้นมาบ้างและสงสัยกับการปรากฏตัวของไข่มุกไม่น้อย เท่าที่เขาจำได้ ตั้งแต่ไข่มุกหายไปอยู่ต่างประเทศก็ผ่านมาเกือบจะปีได้แล้วมั้ง
“ใช่ เราเพิ่งกลับมาเอง อะไร ๆ ก็ยังไม่ลงตัว เลยไม่ได้ติดต่อใคร”
“มุกไปอยู่ต่างประเทศมาเหรอ ไม่เห็นรู้เลย” อชิระขมวดคิ้วมุ่นขณะตั้งคำถาม ช่วงหลัง ๆ มานี้เขาไม่ได้ติดต่อกับเธอเท่าไรนักจึงไม่รู้เรื่อง แต่ก็แปลก ทำไมไข่มุกถึงไปอยู่ต่างประเทศโดยไม่บอกเพื่อน
“เราก็ไม่รู้ มึงรู้ได้ไงไอ้พิ” เคตะทำหน้าสงสัยไม่แพ้เพื่อนสนิท
“อ้าวจะไม่รู้ได้ไง ก็มุกเคยโพสต์ลง Story IG กูเห็นก่อนจะลบไป ใช่ไหมมุก”
“เหรอ เราจำไม่ค่อยได้เลย เอาเถอะ ๆ อย่าสนใจเรื่องอดีตเลย ยังไงเราก็กลับมาแล้ว เราดีใจนะที่วันนี้ได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากัน หวังว่าต่อจากนี้เราคงได้เจอหน้ากันบ่อยขึ้น” เธอยิ้มน้อย ๆ ให้กับเพื่อนของพี่สาวฝาแฝด แล้วค่อย ๆ มองหน้าทีละคนไปเรื่อย ๆ จนครบทั้งสามคน ยกเว้นอชิระเพราะเห็นหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว
“แล้วตอนนี้มุกทำอะไรอยู่เหรอ เราเห็นธุรกิจที่พ่อมุกทำก็ถูกขายไปให้คนอื่นแล้วนี่”
พลอยใสแสยะยิ้มอีกครั้ง อดจะสมน้ำหน้าคุณหนูไข่มุกไม่ได้ บิดาเสียชีวิต มารดาก็ไม่รู้อยู่ไหน ธุรกิจของครอบครัวยังถูกคนอื่นซื้อไปอีก แล้วแบบนี้จะเอาอะไรมาเหมาะสมกับอชิระ ผู้ชายที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา ฐานะ และชาติตระกูล
“มุกทำงานกับเรา” อชิระเป็นคนตอบคำถามแทน
“จริงดิ ไม่อยากจะเชื่อเลย คุณหนูไข่มุกจะลุกขึ้นมาทำงานด้วย” พลอยใสอุทานด้วยความตกใจ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินไม่ต่างจากเพื่อนชายที่นั่งข้างกัน ไข่มุกเนี่ยน่ะจะทำงาน ไม่อยากเชื่อ พิพัฒน์คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา
“ทำไมล่ะ” เพิร์ลเอียงคอเล็กน้อยขณะตั้งคำถาม ทำไมพี่สาวของเธอจะอยากทำงานไม่ได้
“อ้าว ก็ตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ เธอบอกพวกเราว่าคุณพ่อให้ใช้ชีวิตอิสระ ให้เที่ยวเต็มที่ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงาน แต่เราเห็นมุกใช้ชีวิตแบบนั้นตั้งหลายปีจนคิดว่ามุกต้องไม่อยากทำงานแน่ ๆ ก็เนอะ คนมันรวยนี่นา ถึงพ่อจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังทิ้งสมบัติไว้มหาศาล ต่อให้ไม่ทำงานก็ยังมีเงินใช้ทั้งชาติ จริงไหมพิพัฒน์” พลอยใสจีบปากจีบคอเอ่ยประชดประชัน และไม่วายจะหันไปขอความเห็นจากเพื่อน
“จริง ถ้าเป็นเรา เราก็ไม่ทำงานเหมือนกันแหละ นอนใช้เงินอยู่เฉย ๆ สบายกว่าตั้งเยอะ” พิพัฒน์พยักหน้ารับ
“พูดอย่างกับพวกเธอสองคนเป็นคนจนอย่างนั้นแหละ บ้านก็รวยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” เพิร์ลยิ้มอย่างเป็นต่อ ถ้าพวกเขารู้ว่าจริง ๆ แล้วคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ไข่มุกจะรู้สึกอย่างไรกันนะ ถ้ารู้ว่าไข่มุกมีน้องสาวฝาแฝดที่รวยกว่าพวกเขาไม่รู้กี่เท่า สองคนนี้จะอกแตกตายไหม
แค่คิดเล่น ๆ ก็สนุกแล้ว แต่ยังหรอก ตอนนี้เธอยังบอกใครไม่ได้ จนกว่าจะรู้ความจริง
“ถึงจะมีสมบัติมากมายยังไงก็ต้องแบ่งให้คนอื่น ๆ ในครอบครัวอีก มันจะเหลือสักเท่าไหร่กันเชียว” พิพัฒน์ทำหน้าเซ็ง
ด้วยความที่เขาเกิดมาในครอบครัวใหญ่ ใช้เงินกงสีเป็นหลัก ทำให้พิพัฒน์ไม่ค่อยพอใจนัก
กว่าจะขอเงินซื้ออะไรสักอย่างได้ต้องอธิบายกันเป็นวัน ไม่เหมือนไข่มุก ที่อยากได้อะไรก็ได้ แค่พูดครั้งเดียวบิดาก็ซื้อให้แล้ว
เหมือนตอนที่โทรศัพท์รุ่นใหม่ออกมา เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบิดามารดา ไข่มุกก็ซื้อมาใช้แล้ว
“ใช่ ไม่เหมือนมุกหรอก ไม่ต้องให้ใคร ใช้เงินคนเดียว” น้ำเสียงประชดประชันถูกเปล่งออกมาจากลำคอของพลอยใส
อชิระกับเคตะถึงกับต้องหันมามองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่นัดทุกคนให้มารับประทานพร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงหวาน ๆ ของเพิร์ลดังขึ้นมาเสียก่อน
“พิกับพลอยพูดเหมือนอิจฉาเราเลย แต่คงไม่ใช่หรอกเนอะ คนเป็นเพื่อนกันจะอิจฉาได้ยังไง” เธอถามตรง ๆ แล้วใช้สายตาพิฆาตมองพิพัฒน์สลับกับพลอยใส