“หูยยยยยยย เอาจริงเหรอ เราไม่เคยทำงานมาก่อนเลยนะรัก”
“จริง เราจะเป็นคนสอนงานให้มุกเอง”
ชายหนุ่มยิ้มให้กับความคิดในหัวที่ต้องการอาศัยโอกาสนี้ใกล้ชิดหญิงสาว เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองคิดอย่างไรกับไข่มุกกันแน่
เป็นแค่เพื่อนหรือมากกว่าเพื่อน และเพราะเหตุนี้เอง เขาจึงยอมตอบตกลงให้เธอมาฝึกงานด้วย
ในขณะที่หญิงสาวกำลังตกใจกับความรู้สึกของตัวเองที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดเขินกับรอยยิ้มของอชิระขึ้นมาเสียดื้อ ๆ อยู่นั้น ใจดวงน้อยถึงกับเต้นตุบ ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อยแล้วด่าตัวเองในใจว่าห้ามหวั่นไหวให้ชายหนุ่มเด็ดขาด เพราะอชิระคือหนึ่งในผู้ต้องสงสัย เขาอาจจะเป็นคนร้ายก็ได้ หน้าหล่อ ๆ แบบนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน ดีไม่ดีเขานั่นแหละคือคนที่เธอตามหา
“เราพร้อมแล้ว ไปทำงานเลยไหม” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังจากดึงสติกลับมาสำเร็จ
“ได้สิ เราก็พร้อมแล้วเหมือนกัน”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง ตามมาด้วยหญิงสาวที่เดินตามหลังไปติด ๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม
อชิระไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มเอางานมาสอนเธอด้วยความใจเย็น เพราะเขาจำได้ว่าไข่มุกเป็นคนเรียนรู้ช้า กว่าจะทำแต่ละอย่างเสร็จก็ใช้เวลานานมาก แต่สิ่งที่เขาคิดกลับตรงข้ามหมด เมื่อหญิงสาวพยักหน้าเข้าใจทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งจะสอนไปได้เพียงครั้งเดียว
“ไม่เห็นจะยากเลย แค่นี้เอง” เธอยิ้มพราวกับของเล่นชิ้นใหม่ ทำเอาชายหนุ่มแปลกใจไม่น้อย
“มุกหัวไวขึ้นเยอะมากเลยนะ เราสอนครั้งเดียวก็จำได้แล้ว” เขาแสดงความสงสัยผ่านสีหน้าและแววตา
“เราเป็นคนหัวไวมาตั้งแต่เด็กแล้ว” เธอเผลอพูดถึงตัวเองก่อนจะนึกออกได้ว่าเขาหมายถึงไข่มุก ไม่ได้หมายถึงเพิร์ล
“จริงเหรอ ทำไมเราจำได้ว่ามุกจำยากล่ะ”
“เอ่อ... เราล้อเล่น ทำหน้าซีเรียสไปได้”
หญิงสาวยิ้มแหย่ ๆ พลางทำหน้าตาใสซื่อเพื่อไม่ให้อชิระสังเกตเห็นความผิดปกติ ชายหนุ่มพยักหน้าหงึก ๆ พลางขมวดคิ้วมุ่น เพราะจำได้ว่าไข่มุกเป็นคนแบบไหน เขากับเธอเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางที่เขาจะลืมพฤติกรรมของเพื่อนได้หรอก
“นั่นน่ะสิ เราเรียนมาด้วยกัน ทำไมเราจะจำไม่ได้”
“ช่ายยย เอ่อ... รัก เรา... เราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา ปวดฉี่มากเลย”
“อืม ไปสิ ห้องน้ำอยู่ทางนั้น”
ชายหนุ่มชี้ไปทางขวามือของห้อง หญิงสาวจึงรีบเดินหนีไปทันที
หลังจากกดล็อกประตูห้องน้ำเรียบร้อย เธอก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ เมื่อสักครู่หลุดความเป็นตัวเองออกไปนิดหน่อย ใจถึงกับตกไปอยู่ที่ตาตุ่มกันเลยทีเดียว ดีที่เธอมีทักษะด้านการเอาตัวรอดอยู่ไม่น้อย จึงโกหกได้แนบเนียน หากอชิระสงสัยละก็ งานนี้เธอตายแน่
“เฮ้อ เธอต้องระวังตัวมากกว่านี้นะยัยเพิร์ล อย่าลืมตัวบ่อยสิ” หญิงสาวด่าตัวเองเบา ๆ ในขณะมองกระจกใส เธอเห็นความหวั่นไหวในดวงตาของตน นี่เพิ่งทำงานได้แค่วันแรกเธอก็เกือบจะทำพลาดแล้ว ไม่รู้วันต่อ ๆ ไปจะหลุดอะไรออกมาอีก
แต่ไม่เป็นไร เธอเชื่อในความสามารถของตนเอง เธอร้ายกว่าไข่มุกตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้ถือว่าขี้ปะติ๋วมาก
“สู้ ๆ เธอต้องทำได้ ภารกิจครั้งนี้ต้องสำเร็จ”
หญิงสาวให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะเดินไปนั่งบนชักโครกแล้วรีบทำธุระ เมื่อเดินออกมาก็เห็นชายหนุ่มกำลังคุยอยู่กับผู้ชายหนาตาดีอีกคนซึ่งเธอจำได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในเพื่อนของไข่มุก เขาชื่อว่า เคตะ หนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเช่นเดียวกับอชิระ
“อ้าว มุก มาพอดีเลย ไอ้เคมาชวนเราไปกินข้าวเที่ยงน่ะ มุกไปด้วยกันไหม” อชิระเห็นเธอเดินมาพอดีจึงเอ่ยชวน
“ได้สิ เราไม่อยากกินข้าวคนเดียวอยู่พอดีเลย” หญิงสาวตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“แต่ว่าไม่ได้มีแค่เราสามคนนะ มีไอ้พิกับพลอยด้วย” เขาบอกเพื่อให้เธอเตรียมตัวรับมือ พิพัฒน์ไม่เท่าไหร่ แต่พลอยใสนี่สิ เวลาเจอกับไข่มุกทีไรชอบหาเรื่องตลอดเลย จนบางครั้งเขาเองนั่นแหละที่เกิดรำคาญขึ้นมา
“ก็ดีสิ กินข้าวหลาย ๆ คนสนุกดีออก อีกอย่าง ไม่ได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตานานแล้วด้วย” น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาลุกโชนด้วยความแค้น แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น สองหนุ่มจึงไม่ทันสุงเกตเห็น
“โอเค งั้นเอาตามนี้ มึงรอพวกกูสักแป๊บนะไอ้เค ขอจัดการงานกองนี้อีกนิด”
“ตามสบายเลยเพื่อน” เคตะพยักหน้ารับ จากนั้นก็ย้ายตัวเองไปนั่งบนโซฟาแทน
ระหว่างที่รอสองหนุ่มสาวทำงานต่อให้เสร็จ เขาก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วพิมพ์ข้อความส่งไปบอกเพื่อนอีกสองคนว่าให้ไปเจอกันที่ร้านอาหารเลย แต่ไม่ได้บอกเรื่องของไข่มุกเพราะต้องการเซอร์ไพรส์พวกนั้น
เพิร์ลยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยหลังจากที่รู้ว่าตนเองจะได้เจอเพื่อนของพี่สาวฝาแฝดครบทุกคน ทั้งอชิระ เคตะ พิพัฒน์ และพลอยใส ทุกคนล้วนเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งนั้น เธอต้องหาความจริงของเรื่องนี้ให้ได้
ใครกันที่ทำให้ไข่มุกต้องตรอมใจตาย ตายไปพร้อมกับลูกในท้อง ลูกที่เกิดจากความผิดพลาด!