ตกเย็น บริเวณชายหาดหน้าโรงแรมมีการจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ตามคำขอของลูกค้า อาหารหน้าตาน่ากินจนคนมองน้ำลายสอหลากหลายอย่างถูกวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ รวมไปถึงเครื่องดื่มอีกหลายขวด บริเวณที่พวกเขานั่งอยู่เป็นโซนวีไอพี จึงไม่ต้องเกรงใจใคร หากจะพูดคุยเสียงดังหรือร้องรำทำเพลง
“เอ้า มาฉลองกันหน่อย นาน ๆ ทีจะได้มาพักผ่อนพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้” เคตะเป็นคนเอ่ย ก่อนจะยกแก้วที่มีไวน์ขึ้นมาดื่ม คนอื่น ๆ จึงดื่มบ้าง แต่อัญชรินทร์เป็นข้อยกเว้น
เธอโดนพี่ชายบังคับให้ดื่มน้ำโค้ก ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะไม่ชอบของมึนเมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอเลยโดนเพื่อนของพี่ชายแซวอย่างขำขัน
“โธ่ น้องมึงโตแล้วนะไอ้รัก ปล่อยให้น้องเลิฟได้ดื่มบ้าง ที่นี่ก็มีแต่พวกเรากันเองทั้งนั้น” พิพัฒน์ยิ้ม ก่อนจะเอาแก้วของตนเองขึ้นมากระดก แล้วหันไปมองไข่มุกด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนกระดกไวน์อย่างหน้าตาเฉย คนอื่น ๆ ก็มองด้วยความตกใจเช่นกัน ดวงตาทุกคู่จึงจับจ้องมาที่เธอคนเดียว
“เดี๋ยวนี้เธอดื่มเก่งขนาดนี้เลยเหรอมุก สมัยก่อนแค่นิดเดียวก็แทบจะเมาแล้ว” พิพัฒน์ตั้งคำถามต่ออย่างไม่อยากเชื่อ
“จริงเหรอ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนแหละ อะไรที่ไม่เคยทำใช่ว่าจะทำไม่ได้นี่” เพิร์ลยิ้มมุมปาก ดื่มไวน์แค่นี้ทำให้คนอย่างเธอคอพับไม่ได้หรอก เธอโคตรสะใจเลยที่ได้เห็นแววตาตกใจจากเพื่อน ๆ ของพี่สาว
ไม่รู้บิดาเลี้ยงดูไข่มุกมาอย่างไร ถึงได้เป็นคุณหนูนุ่มนิ่มเสียขนาดนี้ ต่างจากเธอที่ถึงแม้มารดาจะทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่กลับถูกเลี้ยงดูแบบให้เอาตัวรอดได้ ต้องทำทุกอย่างเป็น
และนั่นก็เป็นข้อดี เพราะมันทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนเก่ง มั่นใจในตัวเอง แววตาของเพิร์ลถึงได้ร้ายกว่าไข่มุก หากอยู่ด้วยกันก็จะมองเห็นอย่างชัดเจน
“ปกติเธอดื่มแก้วเดียวคอก็พับแล้วนะ แต่นี่ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
พลอยใสท้วงติง
“ก็เราไปอยู่เมืองนอกมาสักพัก เลยต้องปรับตัวน่ะ ไป ๆ มา ๆ ก็เลยดื่มเก่งเฉยเลย” เธอแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“ถึงจะดื่มเก่งกว่าสมัยก่อน ก็อย่าดื่มเยอะนะมุก” อชิระเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง แววตาของเขาที่ส่งให้เธอทำให้ใครหลายคนที่นั่งอยู่เกิดความอิจฉาริษยา อยากจะกำจัดไข่มุกไปให้พ้น ๆ โดยเฉพาะแววตาคู่นั้นที่ไม่ใช่ของพลอยใส แต่เพียงวูบเดียวแววตาคู่นั้นก็กลับไปเป็นปกติทำให้ไม่มีใครมองเห็นทัน
“ว้าววววว มีคนเป็นห่วงด้วยโว้ย”
บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเหล้าเข้าปาก เคตะที่แม้จะยังไม่ได้เมาแต่ปากชอบแซวเพื่อนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป โดยไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกของพลอยใสเลย คงมีแต่พิพัฒน์เท่านั้นแหละที่สังเกตเห็น จึงปรามไม่ให้เพื่อนสนิทแสดงอาการออกมาทางสายตา
จากนั้นอัญชรินทร์ก็แนะนำให้เล่นเกมสนุก ๆ หมุนขวดไปหยุดที่ใคร คนนั้นต้องตอบคำถาม ถ้าไม่ตอบต้องดื่มไวน์หนึ่งแก้ว ส่วนตนเองจะดื่มน้ำอัดลมแทน คำถามวนไปเรื่อย ๆ จนมาถึงคิวของอชิระ
“มาเลย ใครมีอะไรจะถามก็ถามมาได้เลย พบรักพร้อมตอบ”
อชิระยิ้ม แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้เมื่อเห็นสายตาของเคตะ
“กูเอง กูถามมึงตรง ๆ ตอนนี้มึงมีคนที่ชอบไหม”
คำถามของเขาทำเอาคนถูกถามใจเต้นรัว ก่อนจะเบนสายตาไปยังคนที่ชอบแล้วเอ่ยออกมาตามจริง
“กูตอบตรง ๆ อย่างลูกผู้ชายว่า ‘มี’ กูมีคนที่ชอบแล้ว”
“เฮ้ยยยย ใครวะ อยากรู้แล้ว ใครกันที่ทำให้ท่านประธานของเราหวั่นไหวได้”
“ใช่ค่ะ เลิฟก็อยากรู้”
“หมุนขวดเลย ไม่มีสิทธิ์ถามแล้ว”
เคตะจึงหมุนขวดอีกครั้ง และครั้งนี้ขวดไปหยุดอยู่หน้าเพิร์ล พลอยใสจึงอาสาขอเป็นคนตั้งคำถาม
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด เจ้าหน้าที่ของโรงแรมก็เข้ามาแจ้งว่า อีกไม่นานฝนจะตกทำให้พวกเขาต้องย้ายไปดื่มกันต่อในห้องรับรองที่ทางโรงแรมจัดให้ ต่างคนจึงต่างหยิบสัมภาระของตนเองซึ่งมีอยู่ไม่กี่อย่างแล้วเดินตามกันไปในห้องรับรอง
ไม่นานนัก ด้านนอกชายหาดก็มีฝนตกจริง ๆ ฝนมาพร้อมกับลม เพิร์ลเดินออกมาเข้าห้องน้ำจึงถ่ายคลิปบรรยากาศเอาไว้ แต่ในจอโทรศัพท์แอบเห็นพลอยใสยื่นเงินให้พนักงานของโรงแรมรายหนึ่ง ก่อนจะเดินฉับ ๆ เข้าไปในห้องรับรองอีกครั้ง
ผู้หญิงคนนี้ยื่นเงินให้พนักงานโรงแรมทำไมกัน หรือกำลังวางแผนทำอะไรไม่ดี
คิดได้อย่างนั้น เธอก็ก้าวเท้าเข้าไปในห้องรับรองอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเข้าไปคว้าแก้วที่พลอยใสกำลังยื่นให้อชิระมาดื่มแทนอย่างลืมตัว ลืมไปเลยว่าตนเองจะตกอยู่ในอันตรายเพราะความเป็นห่วงชายหนุ่ม
“เธอทำอะไรน่ะไข่มุก เรารินให้รักนะ ไม่ได้รินให้เธอ”
“ขอโทษ ๆ คือเราหิวน้ำน่ะ เธอรินให้รักใหม่ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอก เราว่าแยกย้ายกันเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเที่ยวกันต่ออีก”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของอชิระ จึงต่างคนต่างแยกย้ายกลับห้องพักของตนเอง
พลอยใสยืนกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจที่แผนพังไม่เป็นท่า แต่อีกใจก็สมน้ำหน้าไข่มุกที่สาระแนเข้ามาขัดจังหวะ
หรือว่าคืนนี้เธอจะช่วยสงเคราะห์ ส่งใครไปช่วยปลดปล่อยความทรมานของไข่มุกดี แผนการร้ายเริ่มผุดเข้ามาในหัวของหญิงสาว