วืบบบบ
"เด็ก ๆ เป็นยังไงบ้างลูก กินข้าวรึยัง"
สองพี่น้องที่นอนเล่นอยู่บนพื้นที่ปูด้วยผ้าห่มนุ่ม ๆ ผืนใหญ่รีบลุกขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงมารดา
"แม่มาแล้ว ใจ๋ใจ๋พาน้องกินข้าวแล้วคับ เหลือแต่พ่อ ป่านนี้พ่อคงหิวแย่แล้ว"
"แม่จ๋า มะกี้จือจือกับพี่ใหญ่เช็ดตัวให้พ่อแล้วนะ แม่รีบไปทำข้าวมาให้พ่อเถอะ จือจือกลัวพ่อจ๋าจะหิว"
"เด็กดี ลูกทั้งสองคนเก่งมากเลยรู้ไหมที่ช่วยแม่ดูแลพ่อ งั้นแม่ขอตัวไปชงอาหารเสริมมาให้พ่อก่อนนะ แป้บเดียวเดี๋ยวแม่มา"
อันเล่อภูมิใจในตัวลูก ๆ ของเธอมาก ถึงเด็ก ๆ จะเติบโตมาในภาพแวดล้อมที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังเติบโตมาได้ด้วยเนื้อแท้ที่อ่อนโยน
ครู่เดียวเธอก็กลับเข้ามาพร้อมกับอาหารเสริมของสามี แล้วเริ่มป้อนอาหารทางสายยางทันที จากนั้นก็อาบน้ำเปลี่ยนแพมเพิสและทำการเปลี่ยนท่านอนให้สามีเพื่อไม่ให้เกิดแผลกดทับ
ไม่รู้เป็นเพราะการอยู่ด้วยกันทุกวันหรือไม่ที่ทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ร่างกายที่ซูบผอมของจือหยวนถูกฟื้นฟูจนดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างแล้ว
"ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลนะคะ ปล่อยให้อยู่กลับลูก ๆ ทั้งวันพี่คงไม่โกรธฉันใช่ไหม?"
มือเรียวจับผ้าเช็ดหน้าให้สามีพร้อมกับหวีผมทาแป้งจนคนนอนอยู่กลับมาดูดีอีกครั้ง มองยังไงสามีของร่างนี้ก็ยังดูดีขนาดนอนป่วยติดเตียงยังดูดีแบบนี้ แล้วตอนเป็นปกติจะดูดีขนาดไหน
"แม่จ๋าตอนนี้ถึงในเมืองรึยัง จือจืออยากออกไปดูข้างนอก เราออกไปได้ไหม"
"ได้สิจ๊ะ งั้นเราไปกันเลย ตอนเย็นแม่ยังต้องกลับมาเตรียมของขายให้คุณลุง รอพรุ่งนี้แม่ได้เงินจากการขายของ ถึงตอนนั้นแม่จะไปซื้อตึกที่เป็นบ้านของพวกเรา แล้วลูก ๆ ค่อยช่วยแม่จัดของขายดีไหมจ๊ะ"
"หู้ว แม่เก่งจัง จือจือรักแม่จ๋าที่สุด"
"ใจ๋ใจ๋จะช่วยแม่ทุกอย่างเลยคับ ใจ๋ใจ๋เป็นลูกชาย เป็นพี่ชาย ใจ๋ใจ๋ต้องปกป้องทุกคน"
"โถลูกแม่ ทำไมพวกลูกน่ารักขนาดนี้ เอาแบบนี้ดีไหม เดี๋ยวแม่จะพาลูกออกไปกินนมชมพูแล้วก็ปั่นจักรยานเล่นสักหน่อย เดี๋ยวค่อยมาจัดของไว้ส่งให้คุณลุงทีหลังก็ได้"
เด็กน้อยทั้งสองพอได้ยินแบบนั้นก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้ออกไปดูว่าในเมืองเป็นยังไง ทั้งแม่ยังบอกว่าจะพาพวกเขาไปปั่นจักรยานเล่น แม่ต้องทำได้จริงอย่างที่พูดแน่ ๆ เพราะแม่ของพวกเขาเก่งที่สุด
จุ๊บ
"พ่อจ๋า จือจือจะซื้อนมชมพูมาฝากนะ พ่อต้องรีบตื่นขึ้นมากินนมชมพูกับพวกเรานะ"
จุ๊บ
"ใจ๋ใจ๋จะรีบไปรีบกลับนะครับพ่อ แม่ครับมาจุ๊บพ่อเร็วเข้า"
"ใช่ ๆ เราต้องบอกพ่อนะว่าเราจะไปไหน ปล่อยให้พ่อจ๋าอยู่คนเดียวแบบนี้น่าสงสารแย่เลย"
อันเล่อไม่ได้ปฏิเสธลูก ๆ อย่างไรเสียจือหยวนก็นอนหลับไม่รู้เรื่อง เขาคงไม่รู้หรอกว่าเธอแอบหอมแก้มเขาไปกี่ครั้ง
จุ๊บ
"ฉันจะพาลูกออกไปข้างนอกนะพี่จือหยวน แล้วจะรีบกลับมา ระหว่างนี้พี่นอนอยู่ในมิติไปก่อนนะ ไปกันเร็วเข้าเด็ก ๆ"
"เย้ ๆ ได้ไปเที่ยวแล้ว"
พอได้เห็นลูกน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แบบนี้จึงดูมีชีวิตชีวาต่างจากเมื่อหลายวันก่อนที่เอาแต่อมทุกข์กับร้องไห้
วืบบบบบ
หลังจากอันเล่อพาเด็ก ๆ ออกไปจากมิติ จือหยวนที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า มือหนาลูบแก้มสากข้างที่ภรรยาเพิ่งแอบจุมพิตไป การกระทำของลูกกับภรรยามันทำให้ใจของชายหนุ่มอุ่นซ่านอย่างแปลกประหลาด
"หึ ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร แต่เสี้ยงใจ๋กับเสี้ยงจือก็เลือกแล้วว่าจะให้เธอเป็นแม่ จากนี้ไปพี่คงไม่ปล่อยเธอไปแล้วนะอันเล่อ"
วันนี้ร่างกายของซูจือหยวนฟื้นฟูขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้เป็นปกติ เขาสามารถหันซ้ายหันขวาจ้องมองดูสิ่งของที่อยู่รอบตัวได้ พอได้เห็นว่าห้องที่เขานอนอยู่เป็นห้องที่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ล้ำสมัย ทั้งอันเล่อยังพาลูก ๆ หายตัวเข้าออกที่นี่ได้ แสดงว่าเธอต้องไม่ใช่คนธรรมดาและไม่ใช่ภรรยาคนเก่าของเขา
ทางด้านอันเล่อที่พาลูก ๆ ออกมาปั่นจักรยานเล่น เสียงก๊อกแก๊กของล้อจักรยานดังกังวานไปตามถนน สายลมอ่อนในช่วงบ่ายคล้อยพัดโชยมาเบา ๆ พาเอากลิ่นไอของความสดชื่นและชีวิตใหม่เข้ามาแทนที่ เสียงหัวเราะคิกคักของเด็ก ๆ สองคนดังขึ้นเป็นระยะขณะที่พวกเขาปั่นจักรยานคู่กับแม่ อันเล่อ มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะใกล้บ้านที่แวะถามมาจากเจ้าของบ้านเช่า
เสี้ยงใจ๋กับเสี้ยงจือตาโตเป็นประกายมองไปรอบตัวด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าเล็กของเด็ก ๆ แดงก่ำเพราะแสงแดดอันอบอุ่น โชคดีที่แม่ของพวกเขาหาหมวกในเล็กมาสวมใส่ให้เรียบร้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้สัมผัสกับโลกภายนอกบ้านหลังเล็กที่เคยอาศัยอยู่
"หู้วว ฮะ ฮะ ฮะ แม่จ๋าดูนั่น พี่ใหญ่เห็นนั่นไหม นกจิ๊บ ๆ เต็มไปหมดเลย"
"เห็นแล้ว ๆ จือจือนั่งดี ๆ เดี๋ยวตก"
"น้องรู้แล้ว"
ไม่นานก็ถึงที่หมาย อันเล่อยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นความสุขของลูก ๆ เธออุ้มเสี้ยงจือกับเสี้ยงใจ๋ลงจากจักรยานแล้วพาไปเดินเล่นต่อ เด็ก ๆ ทั้งสองหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
"แม่คับ ต้นไม้นี่มันใหญ่จังเลย" เสี้ยงใจ๋ร้องถามด้วยความทึ่ง
"ใช่ลูก ต้นไม้ในเมืองมันใหญ่กว่าที่บ้านเราเยอะเลย เพราะชาวบ้านที่นี่อนุรักษ์ไว้ให้เป็นร่มเงาไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน"
อันเล่อตอบพลางลูบหัวลูกชายเบา ๆ
"แม่จ๋า เล่นนานแล้วจือจืออยากกินน้ำ"
"งั้นเราไปซื้อนมชมพูกันนะ จะได้กลับบ้านไปดูพ่อด้วย"
พวกเขาปั่นจักรยานเล่นกันอยู่นานสองนาน จนกระทั่งเสี้ยงจือรู้สึกกระหายน้ำ อันเล่อจึงพาเด็ก ๆ ไปซื้อนมชมพูที่ร้านของอาแปะก่อนจะกลับเข้าบ้านไปทำมื้อเย็นแล้วรีบลงมือจัดของให้เฮียตง
มื้อค่ำวันนี้อันเล่อทำผัดบล็อกโคลี่ ไข่ตุ๋น กับแกงจืดง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ ถึงอย่างนั้นสองพี่น้องก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อยและมองว่าอาหารทุกมื้อที่แม่ทำให้ คืออาหารที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกเขา
หลังจากกินข้าวเสร็จได้พักใหญ่อันเล่อจึงพาเด็ก ๆ ไปอาบน้ำ อันที่จริงเสี้ยงใจ๋กับเสี้ยงจือสามารถจัดการธุระส่วนตัวได้เองทุกอย่าง แต่ด้วยความที่เด็ก ๆ ยังไม่ชินกับการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น คนเป็นแม่จึงต้องคอยดูแลในช่วงแรกไปก่อน
"อ่อง อ๋องเอ อ๋อง อ่องกิมก๋อง
กิมก๋องจอเหล่าเตีย (โตขึ้นให้เป็นนายคน)
อาบุ๊งอาบูไหล่ตาเฮีย (มีบริวารคอยยกรองเท้าขุนนาง)
ตาเฮียตาผู่พู้ (ยกรองเท้าให้สูงหน่อย)
ฉี่เจี๊ยะตือตั่วก๊วยงู้ (เลี้ยงหมูให้ตัวโตกว่าวัว)
ตั่วงู้แซแบ๊เกี้ย (วัวตัวโตตกลูกเป็นม้า)
แบ๊เกี่ยแซกิมจู (ลูกม้าให้กำเนิดไข่มุก)
กิมจูแซปอป่วย (ไข่มุกกลายเป็นของวิเศษ)
ปอป่วยปอโห่วอาโน้วเจียะเก๊าเจ็กแปะห่วย" (ของวิเศษคุ้มครองเด็กน้อยมีอายุถึง 100 ปี)
เสียงหวานของคนเป็นแม่ร้องเพลงขับกล่อมลูกน้อยทั้งสองให้เข้าสู่ห้วงนิทรา ขณะที่เสี้ยงใจ๋และเสี้ยงจือนอนหลับปุ๋ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม อันเล่อเฝ้ามองลูก ๆ ด้วยความรักและความหวัง เธอหวังว่าลูก ๆ ของเธอจะเติบโตขึ้นในเมืองแห่งนี้ได้อย่างมีความสุข
ฟอดดดด ฟอดดดด
"นอนอยู่กับพ่อนะเด็กดี แม่ขอออกไปจัดของอีกหน่อย เดี๋ยวจะกลับเข้ามานอนกอดพวกหนู"
นี่เป็นครั้งแรกที่อันเล่อคิดว่าการตัดสินใจซื้อที่นอน 8 ฟุตเป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจถูก ก่อนหน้านี้เธอนอนคนเดียวมันช่างกว้างจนน่าใจหาย แต่ตอนนี้กลับมี 3 ชีวิตนอนรอเธออยู่บนเตียง ครอบครัวคือสิ่งที่เด็กกำพร้าอย่างเธอถวิลหา เมื่อได้มาย่อมต้องรักษาเอาไว้อย่างดี
ไปต่อตอนที่ 9 กันเลยจ้า พรุ่งนี้เช้าอันเล่อต้องไปส่งของล็อตใหญ่ให้เฮียตงแล้วน๊าา
ฟังเพลินๆ เพลงอ่องกิมก๋อง เป็นเพลงร้องกล่อมเด็กธรรมดา แต่ถ้าดูเนื้อหาจะเห็นว่า ผู้แต่งเนื้อร้องต้องมีความรู้หรือปราชญ์ชาวบ้าน เพราะแม้จะใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายมาร้อง แต่ก็แฝงนัยของการอวยพรให้เด็กไปในตัว
เช่น ประโยคที่ว่า "อาบุ๊งอาบูไหล่ตาเฮีย-มีบริวารคอยยกรองเท้าขุนนาง" เป็นการให้พรเด็ก เมื่อเติบใหญ่ให้ได้เป็นใหญ่เป็นโต
หรือท่อนที่ว่า "ฉี่เจี๊ยะตือตั่วก๊วยงู้ ตั่วงู้แซแบ๊เกี้ย แบ๊เกี้ยแซกิมจู กิมจูแซปอป่วย…" เท่ากับอวยพรให้เด็กได้สิ่งของมีค่าเพิ่มขึ้น จากหมูให้คลอดลูกเป็นวัว จากวัวให้คลอดลูกเป็นม้า จากม้าให้คลอดลูกเป็นไข่มุก เป็นของวิเศษที่อำนวยพรให้เด็กมีอายุยืนยาวถึง 100 ปี ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อเรื่องสิริมงคลของจีน ในเรื่องของฮกลกซิ่ว ซึ่งซิ่ว-อายุยืนยาว เป็นเรื่องสำคัญ เพราะคนที่จะอายุยืนยาวได้โดยทั่วไปต้องมี ฮก-บุญ วาสนา, ลก-หน้าที่การงาน เงินทอง