นายแห่งสังกัดจันทรานิรันดร์เป็นนายที่ใจดีที่สุด ไม่ว่านายของสังกัดอื่นจะมีระบบการปกครองพวกทาสด้วยความโหดร้ายทารุณอย่างไร แต่สิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นที่จันทรานิรันดร์ และแน่นอนว่าไม่มีทางเกิดขึ้นด้วยคำสั่งของเวหาซึ่งเป็นนายใหญ่ในตอนนี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนแอหรือไม่สนใจไยดี แต่เป็นเพราะเวหาเชื่อว่าทุกระบบย่อมมีชนชั้น เขาเป็นนายใหญ่ มีพวกไทเป็นแขนขา ต่อจากพวกไทก็ยังมีพวกทาสด้วยกันเองที่คอยรับคำสั่งไปดูแลกันและกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องออกคำสั่งเพื่อลงโทษทาสคนไหนสักคน เพราะสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นตามกระบวนการและวิถีของมันด้วยกฎระเบียบที่บรรพบุรุษเขาวางไว้อยู่แล้ว เขามีหน้าที่เป็นแค่นายใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือเท่านั้น
แต่สำหรับเจ้าทาสเด็กที่อาจหาญบุกเข้ามาขอของขวัญวันเกิดถึงงานเลี้ยงของเขาอย่างนั้น เวหาไม่สามารถสลัดความสนใจออกจากหัวตัวเองได้เลย ทั้งที่คิดว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็นทวิชโผล่หน้ามาทำสวนที่หน้าคฤหาสน์ ก็กลายเป็นว่าเขาต้องหาเรื่องออกไปข้างนอกเพื่อให้ได้พบหน้าเด็กคนนั้นอยู่เสมอ บางครั้งถึงกับลงทุนออกไปข้างนอกเสียหลายชั่วโมงเพียงเพื่อจะได้เห็นหน้าและรอยยิ้มของทวิชแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
น่าหงุดหงิด!
น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเมื่อยานวดหลอดนั้นที่เขาแกล้งทำหล่นเพื่อให้ทวิชเก็บไปใช้ถูกส่งกลับมาในสภาพเหมือนเดิมทุกประการ
เด็กนั่นมันซื่อบื้อจนน่ากลัว!
แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าก็คือวันนี้ดันเป็นอีกวันที่เวหาต้องออกไปนั่งรถเล่นรอบอาณาเขตตัวเองอย่างไร้จุดหมายสายตาคมทอดมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถ เขาให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่าเขาออกมานอกคฤหาสน์ทั้งที่ไม่มีธุระทำไม แต่เมื่อนึกถึงรอยยิ้มของทวิชขณะที่ยกมือไหว้เขาตอนเจอหน้าแล้ว เขาก็ค้นพบคำตอบทันที
น่าหงุดหงิดจริงๆ นั่นล่ะ
หงุดหงิดเสียจนหัวคิ้วย่นยู่ไปหมด ทำเอาธามที่นั่งอยู่ข้างคนขับถึงกับอดพูดขึ้นมาไม่ได้
“ครั้งหน้าให้ผมเรียกตัวเด็กนั่นมาหาดีไหมครับ คุณเวหาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
...ออกมานั่งรถเล่นทั้งที่ไม่อยากอย่างที่ทำอยู่แบบนี้
แต่ประโยคหลังไม่กล้าพูดหรอก ได้แต่คิดในใจเท่านั้น และคำพูดนั้นก็ทำเอาเวหาขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่าเดิม
“นายคิดว่าฉันสนใจเด็กนั่นมากขนาดนั้นเลยหรือไง”
ธามไม่กล้าตอบโต้หรอก แต่ถ้าหากเขากล้าพูด เขาจะบอกว่า ‘ใช่’ ทว่าสิ่งที่ทำได้คือการนิ่งเงียบให้ผู้เป็นนายได้บ่นต่อไป
“ฉันอยากออกมาของฉันเอง ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น”
ธามยอมแล้ว ในเมื่อเวหาไม่พูด เขาก็จะไม่ไปกวนใจให้เสียอารมณ์มากกว่าเดิม ทว่านั่งเงียบไปได้สักพัก เสียงของผู้เป็นนายก็ดังขึ้นมา
“เด็กนั่นมีแฟ้มระเบียนทาสใช่ไหม”
แฟ้มระเบียนทาสเป็นแฟ้มประวัติและข้อมูลต่างๆ ของทาสที่ทางรัฐมอบให้กับผู้เป็นนายหลังจากการมอบสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของทาสแต่ละคน ธามชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกถาม
“มีครับ”
จากนั้นก็ต้องพยักหน้ารับเมื่อถูกสั่งงานมา
“เอามาให้ฉันด้วย”
เป็นอันเข้าใจกันโดยถ้วนหน้าว่าเป็นสิ่งที่เขาจะต้องรีบจัดการให้กับเวหาทันทีที่กลับถึงคฤหาสน์ และชัดเจนอย่างแจ่มแจ้งทีเดียวว่าเจ้านายของเขา...สนใจเด็กทาสนั่นจริงๆ ด้วย
แฟ้มระเบียนทาสของทวิชถูกส่งมาถึงมือทันทีที่กลับถึงคฤหาสน์ เวหาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โต๊ะทำงาน ทอดสายตามองแฟ้มที่ตนเพิ่งจะเปิดอ่านและปิดมันลงไปเมื่อครู่นี้ ข้อมูลในนั้นเป็นสิ่งที่ธามเล่าให้เขาฟังทั้งหมดแล้ว ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรผิดแปลก หรือไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่ได้รู้นอกเหนือจากการเล่าของธาม
ประวัติของเด็กนี่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจสักนิด แต่...เขาก็ไม่สามารถละความสนใจจากเด็กคนนั้นได้
อาจเป็นเพราะทวิขเป็นทาสคนแรกที่ใจกล้าถึงขนาดมาร้องขอการปลดแอกจากเขา ความสนใจในตัวคนที่ไม่น่าสนใจถึงได้ผุดพรายขึ้นในอกเขามากถึงขนาดนี้…
สนใจจนทนไม่ไหว ยิ่งกว่าความสนใจคือความอยากเห็นหน้า พลันก็ออกคำสั่งให้ธามเรียกตัวทวิชมาด้วยข้ออ้างว่า…
“ฉันมีเรื่องจะถามเด็กนั่นมากกว่าข้อมูลในแฟ้มประวัตินี้”
ดังนั้นทวิชจึงมาปรากฏตัวให้เห็นในอีกไม่กี่นาทีให้หลัง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทวิชได้เข้ามาในคฤหาสน์ของผู้เป็นนาย เขามักเข้ามาช่วยทาสคนอื่นๆ ทำความสะอาดหรือจัดตกแต่งสถานที่เวลามีงานสำคัญๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องทำงานของเวหา แน่นอนว่าบรรยากาศในห้องทำงานหรูหรานี่ทำให้เขาหายใจไม่คล่อง ยิ่งต้องมายืนสำรวมต่อหน้าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์แล้ว ทวิชก็แทบจะหยุดหายใจเลยทีเดียว
“คะ...คือผม...ทำอะไรผิดเหรอครับ”
พูดไปก็บิดมือตัวเองไปด้วยความวิตก เขายังไม่รู้ถึงเหตุผลที่ถูกเรียกตัวมา รู้แต่ว่าถูกเรียกตัวด่วน ทำเอาเขาเลิ่กลั่ก คิดวุ่นวายไปหมดว่าตนไปทำอะไรให้เวหาไม่พอใจ ขณะที่เวหาไม่พูด ได้แต่อัดบุหรี่เข้าปอด ปล่อยให้เด็กหนุ่มรอด้วยความกระสับกระส่ายกระทั่งเขาสูบหมดมวนถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ฉันมีอะไรจะถาม”
“ครับ…”
“เกี่ยวกับเรื่องของนาย”
ยิ่งได้ยิน ทวิชก็ยิ่งออกอาการหลุกหลิกอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็โล่งใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกเรียกมาเพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาไปเหยียบตาปลาของเวหาเข้า
“อยากถามอะไรผมเหรอครับ”
“เล่าให้ฉันฟังซิว่าเธอมาเป็นทาสในสังกัดฉันได้ยังไง”
เวหาพูดด้วยท่าทางสบายๆ มือทั้งสองข้างกระสานกันที่หน้าท้องแกร่ง ขณะที่แผ่นหลังเอนพิงพนักเก้าอี้ เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลิ่กลั่กไปเล็กน้อย ก่อนว่าเสียงอุบอิบ
“คือ...”
เวหาเลิกคิ้วสูง รอฟังอย่างตั้งใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เปิดปากออกมาสักที เอาแต่ตะกุกตะกักจนเขาต้องถามซ้ำ
“ตกลงจะเล่าหรือไม่เล่า”
ทวิชเม้มริมฝีปาก สบตากับคนตรงหน้า ยอมว่าออกมาจนได้
“ไม่ใช่ว่าคุณท่านรู้อยู่แล้วเหรอครับ”
คำพูดนั้นทำให้เวหาหน้าตึงไปชั่วครู่ แต่ก็แสร้งทำเป็นนิ่ง
“ถ้าฉันรู้ ฉันจะเรียกเธอมาถามทำไม”
“ผมก็คิดว่าคุณธามจะเล่าให้คุณท่านฟังแล้วซะอีก”
เด็กหนุ่มว่าอีกครั้ง ทำเอาคนที่ยืนรอรับใช้อยู่ในห้องนี้ด้วยต้องส่งสายตาดุๆ ไปให้เป็นสัญญาณว่าควรหยุดพูด แต่ทวิชซื่อบื้อเกินกว่าจะเข้าใจ มิหนำซ้ำยังพยักพเยิดไปยังแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะ
“แถมมีแฟ้มระเบียนประวัติของผมด้วย ผมก็นึกว่าคุณท่านรู้แล้ว”
ตอนนี้เองที่เวหาตระหนักขึ้นมาได้ว่าตัวเองเผลอปล่อยไก่ ทว่าก็ยังแสร้งทำเป็นนิ่งเพราะรู้ว่าพวกทาสนั้น น้อยคนนักที่ได้รับการศึกษา อย่างเด็กตรงหน้าที่ถูกจำหน่ายตั้งแต่เล็กๆ คงจะไม่ได้รับการศึกษาอะไรมา แน่นอนว่าอ่านหนังสือไม่ออก