เวหาปิดเปลือกตาลง เอนกายพิงพนักพร้อมกับยกนิ้วขึ้นคลึงขมับไปมาเพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน อันที่จริงการลงโทษอย่างนี้กับทาสในสังกัดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้คิดมากมายกับการลงโทษทาสที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบเพียงคนเดียวเสียเหลือเกิน เขาพยายามสงบจิตสงบใจ แต่ก็ฟุ้งซ่านไม่เลิกรา จนสุดท้ายต้องลุกขึ้นไปยืนมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างเพื่อลดความกังวลในใจลง
ทว่า...ในระหว่างที่ทอดสายตามองออกไป ทางด้านล่างของคฤหาสน์มีความโกลาหลเกิดขึ้นน้อยๆ จากทางเรือนนอนของพวกทาสชั้นใน ร่างผ่ายผอมของเด็กหนุ่มถูกฉุดกระชากลากถูออกมาจากที่นั่น มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นทวิช ขณะที่ชายในชุดสูทหลายคนยืนกำกับอยู่ พวกนั้นเป็นพวกของธาม เขารู้ และรอบๆ ข้างที่เกาะกุมทวิชอยู่ก็คือพวกหัวหน้าทาส
เขายืนมองนิ่งๆ คว้าบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมาจุดสูบ หากแต่ปลายลิ้นไม่สามารถสัมผัสรสมินต์ของโปรดได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยให้บุหรี่ถูกเผาไหม้ไปเกือบครึ่งมวน
เขาไม่มีสมาธิจะสนใจสิ่งใดแล้วนอกจากภาพเบื้องหน้า ก่อนจะต้องหัวคิ้วกระตุกเมื่อเห็นหัวหน้าทาสคว้าเอาไม้เรียวยาวเท่าท่อนแขนออกมา ทวิชถูกจับพาดกับม้าไม้ มือทั้งสองข้างถูกมัดติดกัน เตรียมตัวรับการลงโทษตามคำสั่งของเขา
ขณะที่หัวหน้าทาสเงื้อไม้เรียวในมือขึ้นนั่นเอง เขาก็รีบหุนหันกลับมาที่โต๊ะทำงาน คว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกดหมายเลขสำคัญลงไป รอไม่นานนักก็มีเสียงตอบรับ เท่านั้นเขาก็กรอกเสียงลงไปอย่างรวดเร็ว
“ให้เด็กนั่นไปวิ่งรอบสนามสักสามรอบแทน”
ไม่รอให้ปลายสายที่กำลังงุนงงอยู่ได้พูดอะไร เวหาก็วางสายไปแล้ว พลันก้าวกลับไปยืนที่จุดเดิม ทอดมองภาพของทวิชที่ถูกปลดพันธนาการที่ข้อมือออก ร่างที่ถูกจับพาดอยู่บนม้าไม้ ตอนนี้ถูกจับให้ยืนเหยียดตรงแล้ว ก่อนที่ธามจะเข้าไปพูดอะไรบางอย่างด้วย หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มก็ออกวิ่งรอบสนามหน้าคฤหาสน์ด้วย...ความงุนงง
แน่ล่ะว่าไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มหรอกที่งุนงง ทุกชีวิตที่อยู่บริเวณนั้นล้วนงุนงงกับคำสั่งของคุณท่านทั้งสิ้น ขณะที่เวหาไม่ยี่หระกับสิ่งใด ได้แต่ยกบุหรี่ในมือที่แทบจะเหลือเพียงก้นกรองขึ้นสูบ
คราวนี้ล่ะ...เขาสัมผัสรสชาติของมินต์อย่างที่เคยเป็นได้แล้ว
ยืนมองอยู่นานทีเดียว คอยนับรอบวิ่งให้กับทวิชด้วย และเมื่อเห็นว่าทวิชซึ่งกำลังวิ่งในรอบสุดท้ายเริ่มอ่อนกำลังลง แข้งขาอ่อนจนต้องล้มลุกคลุกคลาน ลำบากให้พวกทาสมาช่วยกันพยุงขึ้นให้ออกวิ่งต่อ เขาก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
เด็กนั่นตลกดี ทำเป็นปีกกล้าขาแข็งจะขอปลดแอกเมื่ออายุครบกำหนด แค่วิ่งรอบสนามสามรอบยังแทบไม่ไหว
เขาเผลอหัวเราะออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า พอรู้สึกตัวก็กระแอมเบาๆ กับตัวเองเพื่อเรียกสติ ก่อนจะต้องขมวดคิ้วไปอีกระลอกเมื่อเห็นว่าทุกชีวิตที่อยู่เบื้องล่างปล่อยให้ทวิชนอนแผ่พังพาบอยู่บนพื้นหญ้าอย่างหมดแรง
เวหาเดินตรงมาที่โต๊ะทำงาน คว้าหูโทรศัพท์ขึ้น กดเบอร์ไปยังฝ่ายแม่บ้าน พร้อมกับกรอกเสียงลงไป
“ช่วยเอาของมาให้ฉันที ฉันอยากได้...”
ได้ของแล้วก็เดินลงมาที่หน้าคฤหาสน์ ทุกชีวิตเงียบเสียงเมื่อเห็นนายใหญ่ของสังกัดปรากฏตัว เวหาชำเลืองมองทวิชที่นอนหมอบอยู่ใกล้ๆ แล้วก็แสร้งทำเป็นเดินเข้าไปหาธามที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“คุณเวหามีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ”
คนสนิทร้องถามอย่างรู้งานเพราะเห็นว่าเจ้านายของตนใส่สูทเต็มยศ ดูท่าทางคงอยากจะออกไปไหนเป็นแน่ หากแต่เวหาไม่พูดออกมาในทันที ชำเลืองมองหน้าซีดเผือดที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อของทวิชนิ่งๆ คราวนี้ใบหน้าอ่อนเยาว์ไร้ซึ่งรอยยิ้มอย่างทุกที มีเพียงความขาวซีดและแขนขาที่สั่นเทาจากการออกกำลังสุดตัว ท่าทางของทวิชดูน่าสมเพช แต่เวหาก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากบอกกับคนสนิทเสียงเรียบ
“ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ไปเตรียมรถ”
ธามรับคำสั่ง เวหาตั้งท่าจะเดินจากไป แต่ในขณะที่เขาหมุนตัว อะไรบางอย่างก็หล่นออกจากกระเป๋าเสื้อสูท ธามชะงัก ทำท่าจะก้มลงเก็บ แต่แล้วก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงลอดไรฟันของผู้เป็นนายดังขึ้นแผ่วเบา
“อย่าเก็บ”
เขาละความตั้งใจนั้นทันที ยิ่งเวหาบอกว่า...
“ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น ใครหน้าไหนก็ห้ามเก็บถ้าฉันไม่ได้สั่ง”
ใครหน้าไหนก็ห้ามถ้าเขาไม่ได้สั่งอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่หรอก ต้องบอกว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเก็บถ้าไม่ใช่คนที่เขาต้องการให้เก็บของสิ่งนี้ไปมากกว่า
ธามไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดคนอื่นๆ รีบเดินตามเจ้านายไปยังโรงรถ ปล่อยให้ทวิชมองตามแผ่นหลังกว้างเงียบๆ และแน่ล่ะว่าเขาเห็นอะไรบางอย่างหล่นจากกระเป๋าของคุณท่านเช่นกัน
“เอ่อ...คุณท่าน ของตก...”
เขาร้องบอก แต่ไม่มีใครสนใจจะหันหลังมามอง เด็กหนุ่มเลยดันตัวขึ้นนั่ง คลานไปคว้าเอาของสิ่งนั้นมาไว้ในมือ พลันก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าของนั้นคืออะไร
ยานวดบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ...
ทำไมคุณท่านถึงได้พกของอย่างนี้ติดตัวกันนะ?
คำถามนั้นได้แต่วนเวียนอยู่ในหัวของคนซื่อบื้ออย่างทวิช ก่อนที่เด็กหนุ่มจะส่งมันให้กับหัวหน้าทาสเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาหา พร้อมกับพูดอะไรสักอย่างด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ให้เดาก็คงกำลังบอกกับหัวหน้าทาสว่า ‘คุณท่านทำของตกครับ ผมเรียกแล้วแต่ไม่ทัน คุณท่านไปแล้ว รีบเอาไปคืนเร็วเข้า!’ อะไรอย่างนั้น
เวหาซึ่งขึ้นรถมาเมื่อครู่ได้แต่ทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถ พลันพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงทันทีที่เห็นว่ายานวดบรรเทาปวดกล้ามเนื้อของเขาเป็นหมันไปเสียแล้ว ธามที่นั่งข้างคนขับเหลือบมองผู้เป็นนายแล้วก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“ผมว่าเด็กนั่นซื่อบื้อจนน่ากลัวเลยนะครับ”
เวหาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ก็อดหัวเราะในลำคอออกมาไม่ได้กับคำพูดของคนสนิท ก่อนที่เขาจะออกคำสั่ง
“ไปขับวนรอบๆ อาณาเขตสักชั่วโมงแล้วค่อยกลับ”
ตอนนี้เองที่ธามเข้าใจอย่างชัดแจ้ง
ที่แท้เจ้านายของเขาไม่ได้อยากจะไปไหนหรอก แค่หาเรื่องเอายานวดมาให้เด็กนั่นก็แค่นั้นเอง
“วันหลังให้ผมเอามาให้เองก็ได้นะครับคุณเวหา”
แล้วก็อดพูดออกมาไม่ได้ เวหาถึงกับตีหน้าดุดันทันทีที่ถูกรู้ทัน ก่อนออกปากสั่งด้วยน้ำเสียงที่เจือความไม่พอใจสักเท่าไร
“ออกรถ”
ไม่มีใครพูดอะไรแล้ว ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบครอบงำ เวหาจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง พร้อมกับคำหนึ่งที่ผุดพรายขึ้นมาในหัว
เด็กซื่อบื้อ...
ซื่อบื้อขนาดนี้ เรื่องหักปีกอะไรนั่นคงต้องช่างมันแล้วล่ะ