เวหาคิดว่าตนก็แค่คิดฟุ้งซ่านไปชั่วครู่หนึ่ง วันใหม่มาถึงก็คงเลิกสนใจเจ้าทาสคนนั้นแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น เด็กนั่นมีอะไรให้เขาสนใจกว่าที่คิด ทั้งที่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวัน แต่เมื่ออาทิตย์ใหม่มาถึงและทวิชต้องมาดูแลบำรุงต้นไม้ในสวน เขาก็พบว่าใบหน้าและดวงหน้าซีกหนึ่งของทวิชมีร่องรอยฟกช้ำเขียวปั้ด
ชายหนุ่มที่กำลังจะออกไปทำธูระข้างนอกตามปกติชะงักขา ถามออกมาเสียงเรียบ ทำเอาคนสนิทที่เดินตามหลังชะงักไปด้วย
“เด็กนั่นไปโดนอะไรมา”
ธามหันไปมอง เห็นทวิชนั่งขุดดินอยู่พร้อมกับใบหน้าเป็นปื้น เขาก็รีบรายงาน
“เห็นว่าถูกหัวหน้าทาสลงโทษครับ”
“เรื่องอะไร”
แน่นอนว่าธามซักถามมาแล้วเรียบร้อย ความเป็นไปทุกอย่างในคฤหาสน์นี้ ล้วนแล้วเขารับรู้ทั้งสิ้น
“เห็นว่าเพราะคุณเวหาไม่ลงโทษที่มันบุกไปป่วนงานเลี้ยงคืนนั้น หัวหน้าทาสก็เลยลงโทษเองครับ”
เพราะเขาไม่ลงโทษอย่างนั้นหรือ?
เวหาถึงกับย่นคิ้วพลัน ธามก็รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร แต่เวหาก็ไม่พูดออกมาสักคำ มีแต่สีหน้าไม่พอใจเท่านั้นที่ฉายออกมา
“อยากจะให้ผมทำอะไรไหมครับ”
“ไปถามหัวหน้าทาสทีว่าใครเป็นนายของพวกมัน”
คำพูดสั้นๆ นั้นเป็นการย้ำเตือนให้หัวหน้าทาสห้ามทำอะไรเกินเลยหากเขาไม่ได้สั่ง ธามพยักหน้ารับทันควัน
“มีอะไรเพิ่มเติมไหมครับ”
เวหาเตรียมจะตอบว่าไม่ แต่เมื่อเห็นว่าตนถูกทวิชสังเกตเห็น และเด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นยกมือไหว้ ส่งยิ้มกว้างมาพร้อมกับดวงตาเขียวปั้ด เขาก็เกิดหงุดหงิดใจขึ้นมา
จากที่ว่าจะไม่สนใจ เห็นทีจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้ว
“ออกคำสั่งไปว่ากลับมาเมื่อไร ฉันจะลงโทษเด็กนั่น”
พูดจบก็เดินตรงไปขึ้นรถ ไม่สนใจสายตาของทวิชที่มองตามด้วยความเหลอหลา ขณะที่ธามเหลือบมองเด็กหนุ่มแล้วระบายลมหายใจ
มาบุกงานเลี้ยงแต่แวบเดียวแต่กลับสร้างความรำคาญใจให้เจ้านายเขามากถึงขนาดนี้
ถูกลงโทษด้วยการหักปีกแน่ เจ้านกน้อย...
เป็นครั้งแรกเลยที่เวหาอยากกลับคฤหาสน์จันทรานิรันดร์ใจแทบขาด เขากระเหี้ยนกระหือรอที่จะทำโทษทวิชเป็นอย่างมาก หมายมั่นปั้นมือแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็จะหักปีกนกตัวนั้นให้สำนึกว่ากรงทองของเขาเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ว่าใครอยากจะออกก็ออกไปได้
กลับมาถึงได้ เขาก็เผลอตัวมองหาเด็กหนุ่มเพราะคิดว่ายังคงทำสวนอยู่ที่เดิม ที่หมายมั่นปั้นมืออะไร ตอนนี้ลืมไปหมดแล้วทั้งสิ้น แต่เมื่อไม่พบแม้แต่เงาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ตรงไปที่ห้องทำงานพร้อมกับเรียกให้ธามตามเข้าไปด้วย
ธามรู้ว่าตัวเองถูกเรียกมาทำไม เห็นเจ้านายนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา
“คุณเวหาจะให้ผมทำอะไรกับเด็กนั่นดีครับ”
ทำอะไรล่ะ ทาสที่กระทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะเรียกมารอรับคำสั่งทำไม
เวหาเหลือบมองหน้าคนสนิท ก่อนว่าออกมาช้าๆ
“สั่งตีสักสามสิบที”
ธามพยักหน้า เตรียมตัวจะออกไปทำหน้าที่ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ เวหาก็ยกนิ้วขึ้นมาในอากาศ พอเขาหันไปมอง อีกฝ่ายก็เหลือบมองตอบ
“ที่ก้น ไม่ใช่หลัง”
ไม่รู้ทำไมถึงพูดไปอย่างนั้น แต่ที่จู่ๆ ก็คิดขึ้นมาได้เป็นเพราะนึกถึงร่างกายผอมบางของเด็กหนุ่มแล้วก็ประเมินเอาเองว่าหากถูกไม้เรียวตีเข้าที่หลัง มีหวังเด็กนั่นได้สะบักสะบอมแน่ ร่างกายบอบบางดูอ่อนแออย่างนั้น จะไปทนความเจ็บปวดอะไรได้ไหว อย่างน้อยตีที่ก้นก็น่าจะเจ็บน้อยกว่าตีที่หลัง อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ก็คงถูกซ้อมมาหนักหนาพอสมควรแล้ว หากเขาสั่งให้ทำอะไรรุนแรงกว่านี้ไป ก็น่ากลัวว่าเด็กนั่นจะไม่ไหวเอา
ธามเองก็ไม่ได้ขัดอะไร พยักหน้ารับแล้วทำท่าจะออกไปอีกครั้ง ทว่าฉับพลันก็มีเสียงหนึ่งชะงักขาของเขาไว้
“เดี๋ยว”
เป็นเสียงของนายใหญ่แห่งจันทรานิรันดร์นี่ล่ะ พอธามหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งเคาะนิ้วอยู่บนโต๊ะ นานทีเดียวกว่าที่เวหาจะปริปากออกมา
“ยี่สิบที”
ที่นั่งเงียบไปเป็นเพราะกำลังชั่งใจว่าคำสั่งของเขามันเหมาะสมกับทาสคนนั้นแล้วหรือ...
ไม้เรียวยังไม่กล้าให้เอาฟาดหลังเพราะกลัวอีกฝ่ายจะบาดเจ็บหนัก สั่งให้ฟาดก้นแล้วแต่ก็ยังกังวลอยู่ว่าสามสิบทีจะรุนแรงไป ลดเหลือยี่สิบทีแล้ว มันก็...ยังไม่แน่ใจสักเท่าไร
“ยี่สิบทีนะครับ?”
เห็นเวหาไม่พูดอะไร ธามก็เป็นฝ่ายย้ำมา นายใหญ่พยักหน้าน้อยๆ แต่พอคนสนิทจะเดินออกจากห้องไป เขาก็ร้องเรียกอีกครั้ง
“ธาม”
“ครับ?”
“สิบที”
“...”
“ลดเหลือแค่สิบทีพอ”
“...”
“ฉันคิดว่าเกินกว่านี้ เด็กนั่นไม่น่าจะไหว”
ให้เหตุผลทั้งที่ธามไม่ได้ปริปากถามสักคำ แต่ธามก็ไม่คิดจะถามด้วย พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะคิดเหมือนกับเขา
สภาพร่างกายอย่างนั้น ถูกไม้เรียวฟาดก้นโดยฝีมือของหัวหน้าทาสสักทีหนึ่งก็สะดุ้งแล้ว ให้โดนฟาดถึงสามสิบที มีหวังคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้ม
“คุณเวหาไม่เปลี่ยนใจแล้วนะครับ?”
เวหาไม่พูด โบกมือไล่ให้ออกไปเป็นคำตอบ ธามค้อมตัวลงเล็กน้อยก่อนผละออกจากห้องไป ทิ้งให้เจ้านายของตนนั่งขบคิดตามลำพัง
สิบทีอย่างนั้นหรือ?
หรือ...บางทีการลงโทษด้วยความรุนแรงมันอาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าไม่ลงโทษ แล้วจะให้เขาทำอย่างไรล่ะ ละเว้นโทษให้ทาสคนหนึ่ง มีหวังเสียระเบียบกันทั้งสังกัด