“ลุงกลับมาแล้วเหรอ”
ชมจันทร์กำลังหลับสนิทภายในบ้านหลังโทรมๆ แต่กลับถูกปลุกจากคนเป็นลุงโดยการเขย่าตัวอย่างแรงจนตื่น
“ไป จะให้ไปไหนเหรอ มันยังมืดอยู่เลยนะ”
เธอถูกลากออกมานอกมุ้งท่ามกลางความมืดสนิท ไม่มีแสงไฟใดเลย แม้แต่ภายในบ้านเพราะถูกตัดไฟมาแล้วหลายเดือน เห็นคล้ายๆว่าลุงชี้นิ้วไปที่ด้านนอกบ้านก็เลยเดาคำพูดของลุงตามความเคยชิน
“ไม่ไป รอเช้าก่อน กระต่ายไม่อยากเจอผี”
ชมจันทร์ที่ยังไม่ตื่นดีรีบคลานกลับเข้ามุ้งเพื่อจะนอนต่อ สงสัยลุงของเธอจะเมามาก กลิ่นเหล้าหนิโชยหึ่งมาเลย
“ใครจะมายิง”
แต่เธอก็ถูกลากออกมาอีก สองตาเพ่งไปที่ลุงสู้กับความมืด จนจับใจความสิ่งที่ลุงพยายามสื่อสารออกมาได้
“นี่ลุงไปติดค่าเหล้าใครมาอีก”
ชมจันทร์รีบกลับไปคลำหาถุงใส่เงินจำนวนหลักร้อยของเธอที่น่าจะอยู่ในมุ่งอย่างเร่งด้วย เพื่อให้ลุงเอาไปใช้หนี้ค่าเหล้าก่อนที่จะถูกลากไปยิงแบบคืนก่อน ข้าวสารหมดก็ช่างปะไรเอาชีวิตรอดเอาไว้ก่อน
“ใครมาน่ะลุง”
สองมือต้องชะงักเพราะเห็นแสงไฟจากไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามาในบ้านหลังน้อย ที่ไม่ค่อยจะมิดชิดเท่าไหร่เพราะสร้างขึ้นมาจากสิ่งของที่ชาวบ้านหยิบยื่นให้มา มันอยู่ไกลลิบๆแต่ก็เห็นชัดเจนเพราะไฟค่อนข้างดวงใหญ่
ใบ้หันมองตามแสงไฟที่หลานสาวพูดถึง ไฟหน้ารถยนต์คันนั้นยังอยู่ห่างไกลนัก แต่มันกลัวสว่างจ้าอย่างน่ากลัวในใจของเขา
ใบหน้าที่มีแต่เหงื่อไคลกับลูกนัยน์ตาที่เบิกโพลงประกาศถึงความกลัวจนขี้ขึ้นสมอง ส่ายไปมาต่อหน้าหลานสาว ทำประหนึ่งว่าตัวเองนั้นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ถุงเงินมันน่าจะอยู่แถวนี้นะ หายไปไหนกันนะ”
ความมืดทำให้ชมจันทร์มองไม่เห็นใบหน้าของลุง เห็นแต่ว่าสั่นไปมาเพราะแสงไฟสาดสองเขามาก็เลยกลับเข้ามุ้งหาเงินต่อเพราะแสงไฟจากรถยนต์คันนั้นคงเป็นรถยนต์ของไร่ฉายตะวัน คงมาขับตรวจดูว่ามีใครขโมยผลไม้อีกหรือเปล่าคงไม่มีอะไร
พอหลานสาวหันหลังให้อีกครั้ง ครั้งนี้ใบ้ไม่ได้จับตัวหลานสาวลากออกมาจากมุ้ง เขากลับไปตามหาบางสิ่งเหมือนกัน
ใบ้คลำหาไปทั่วทุกทิศทางเขาจำไม่ได้ว่าของชิ้นนั้นอยู่ไหนแต่รู้ว่ามันอยู่ในบ้านหลังนี้ แข่งกับแสงไฟที่ขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความลนลานบวกกับร่างกายที่ถูกเหล้าทำร้ายมาหลายปี ทำให้เขาสั่นเทาจนแทบหยิบจับอะไรไม่ได้
“หาอะไรเหรอลุง กระต่ายเจอเงินแล้ว เราไปใช้หนี้กันจะได้กลับมานอน”
ชมจันทร์หาถุงเงินของเธอเจอแล้ว แต่ลุงกลับไม่สนใจเธอ จนเธอต้องเป็นฝ่ายเดินมาหาบ้างในคราวนี้
“อื้อๆๆ”
มือหนาของใบ้คลำหาจนเจอเชือกเส้นใหญ่ที่ขดกองอยู่พอดิบพอดี รีบคว้ามันขึ้นมาพร้อมกับคว้าแขนของหลานสาวพากันเดินออกไปนอกเพิ่งพักที่เรียกว่าบ้านแสนสุข
ใบ้หันหลังครั้งแล้วครั้งเล่าไปยังแสงไฟของรถยนต์ที่เคลื่อนที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆต่อการเดินที่ได้เพียงไม่กี่ก้าวตั้งแต่ออกจากชายคาบ้านมา
“รถของไร่ฉายตะวันแน่ๆ คงมาดูว่าใครขโมยของไหม ดีนะที่เราเลิกทำกันแล้วไม่อย่างนั้นโดยจับอีกแน่ๆเลย”
ชมจันทร์พูดไปยิ้มไปนึกถึงอดีตของเธอกับลุงเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอกับลุงเรียกได้ว่าเป็นหัวขโมยเต็มตัวด้วยกันทั้งคู่ หยิบทุกอย่างที่เป็นของคนอื่นไปขายเพื่อแลกเงิน จนโดนจับได้คาหนังคาเขาก็เลยต้องเลิกเพราะลุงไม่อยากให้เธอเสียอนาคตต้องไปโตในคุก
“อื้อ”
ใบ้เองก็ยิ้มตอบหลานสาวด้วยรอยยิ้มที่อาจจะสุดท้ายแล้วของชีวิตนี้ ไม่เคยเสียใจเลยแม้แต่นาทีเดียวที่รับเอาชมจันทร์มาเลี้ยงแม้ตัวเองจะไม่มีกินในวันที่พ่อกับแม่ของเธอตาย
“กระต่ายไม่ได้ปวดฉี่ รีบไปใช้หนี้ค่าเหล้ากันเถอะ”
ยิ้มยังไม่ทันได้หุบเธอก็ต้องงงกับการกระทำของลุงตัวเอง ก่อนหน้านี้รีบจะเป็นจะตายจะให้เธอออกไปใช้หนี้ค่าเหล้า แต่ทำไมตอนนี้ผลักเธอให้แวะเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลจากตัวบ้านซะงั้น
ใบ้ไม่ได้ผลักหลานสาวเปล่าๆ ตัวเขานั้นตามเข้ามาด้วย พร้อมกับเชือกในมือที่กำเอาไว้แน่น
“มัดกระต่ายทำไม”
สองมือหนาที่เลอะเทอะแทบจะตลอดเวลาเพราะล้างได้ไม่นานก็ต้องไปจับขวดเหล้าจนเลอะเทอะคว้าเอามือบางที่วันนี้ล้างจนสะอาดขึ้นมามัด
“ฮื้อๆๆ”
หลานสาวไม่ได้ขัดขืนคงไม่รู้ว่าลุงนั้นเล่นอะไรอยู่ น้ำตาของใบ้ไหลเป็นทางยาวจนหยดลงบนมือบางที่กำลังมัดอยู่
เขาไม่มีทางเลือกใดอีกแล้ว นอกจากวิธีสิ้นคิดนี้ ความตายมันกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว
“กระต่ายไม่ได้ดื้อ ลุงอย่ามัดกระต่ายเลยนะ”
เด็กสาวเริ่มดิ้นเพราะลุงของเธอนั้นเริ่มมัดมือเธอแน่นมากขึ้น มันมากกว่าเรื่องล้อเล่นหรือมากกว่าการลงโทษไหนๆเวลาที่เธอนั้นดื้อ มันกำลังเกิดอะไรขึ้น และลุงเป็นอะไรทำไมไม่บอกเธอ
“อื้อ อื้อ อื้อ”
ใบ้มัดมือของหลานสาวเรียบร้อย ก็ถอดเสื้อของตัวเองมาอุดปากหลานให้เงียบเสียงลง ก่อนจะเริ่มมัดเท้าของหลานติดกัน
กอดลาหลานสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอมาแม้เขาจะเป็นแค่ไอ้ขี้เหล้าที่ทุกๆคนต่างตั้งแง่รังเกียจ สั่งเสียให้ดูแลตัวเองดีๆด้วยเสียงของหัวใจแทนคำพูดที่มันไม่สามารถออกมาจากปากได้
“อื้อ”
ชมจันทร์ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่เข้าใจลุงของเธอเลย ได้แต่พยายามจะร้องถามจนประตูห้องน้ำถูกปิดลง
เสียงล็อคประตูจากด้านนอกดังขึ้นกึกก้องในหัวใจของเด็กสาว ตามด้วยเสียงขยะมากมายที่คุ้นหูถูกปาเข้าใส่ประตูห้องน้ำ
“ไอ้ใบ้”
รถกระบะคันใหญ่สีดำทมิฬพร้อมกับผู้ชายร่างใหญ่ราวกับยักษ์สองคนจอดเทียบท่าตรงหน้าบ้านของใบ้ เปิดไฟสูงสาดส่องใส่บ้านโทรมๆอย่างต้องการจะหาคน แล้วก็เจอจนได้
“อื้อ”
ร่างบางๆของชายติดเหล้าถูกผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นแค่ลูกน้องจับตัวได้ตรงป่ารกทึบข้างบ้านฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำ เขาไม่ได้หนีเพราะคงไปไหนไม่ได้ไกลแต่แค่ไม่ให้พวกมันเข้าใกล้ชมจันทร์ก็พอ
“คิดว่าจะหนีพ้นสิมึง”
ผู้ชายอีกคนที่คอยยืนดูการไล่จับตัวใบ้อย่างเลือดเย็นเดินออกมาจากมุมมืดพร้อมกับปืน เขาเล็งมันไปที่หน้าอกของใบ้แล้วส่งสัญญาณให้ลูกน้องผลักตัวใบ้มาหาปืนที่เขาถืออยู่
“ปัง ปัง”
กระสุนปืนสองนัดซ้อนถูกยิงเข้าที่หน้าอกของใบ้ เลือดสีแดงฉานกระเด็นไปทั่วบริเวณกว้าง และร่างบางๆที่ไม่ได้ใส่เสื้อก็ทรุดลงกับพื้น